
สรุป ไทย ต้องแลกอะไร ? เพื่อให้ได้อัตราภาษี 19% จากสหรัฐฯ
สิ่งที่สหรัฐฯ ขอจากไทย และไทยเสนอให้สหรัฐฯ
1. การเปิดตลาดสินค้าเกษตร และสินค้าอื่น ๆ ให้สหรัฐฯ โดยลดภาษีนำเข้าเป็น 0% (เหมือน FTA)
โดยสหรัฐฯ ต้องการให้ไทย ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา เป็น 0% สำหรับรายการสินค้าจำนวนมาก
โดยสหรัฐฯ ต้องการให้ไทย ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา เป็น 0% สำหรับรายการสินค้าจำนวนมาก
- สำหรับสินค้าที่ไทยผลิตไม่ได้ เช่น เชอร์รี่
ไม่มีปัญหา เพราะทำให้ผู้บริโภคได้สินค้าถูกลง และสินค้าเหล่านี้มักมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มากนัก
ไม่มีปัญหา เพราะทำให้ผู้บริโภคได้สินค้าถูกลง และสินค้าเหล่านี้มักมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มากนัก
- สินค้าที่ไทยผลิตได้แต่ไม่พอ เช่น ข้าวโพด
อาจเกิดปัญหาหากสินค้าสหรัฐฯ มีต้นทุนที่ถูกกว่า โดยไทยขอเวลาปรับตัว (เช่น 5 ปี) หรือกำหนดเป็นโควต้านำเข้า (นำเข้าเท่าที่ขาด) เพื่อไม่ให้กระทบผู้ผลิตในประเทศมากเกินไป
อาจเกิดปัญหาหากสินค้าสหรัฐฯ มีต้นทุนที่ถูกกว่า โดยไทยขอเวลาปรับตัว (เช่น 5 ปี) หรือกำหนดเป็นโควต้านำเข้า (นำเข้าเท่าที่ขาด) เพื่อไม่ให้กระทบผู้ผลิตในประเทศมากเกินไป
ไทยผลิตข้าวโพดไม่พอสำหรับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ซึ่งต้องการสูงมาก
ปัจจุบันใช้ 10 ล้านตัน อาจเพิ่มได้ถึง 13 ล้านตัน ซึ่งต้นทุนข้าวโพดของสหรัฐฯ ถูกกว่าไทยมาก
ปัจจุบันใช้ 10 ล้านตัน อาจเพิ่มได้ถึง 13 ล้านตัน ซึ่งต้นทุนข้าวโพดของสหรัฐฯ ถูกกว่าไทยมาก
อาจมีมาตรการป้องกัน กำหนดให้ผู้ซื้อในไทย เช่น โรงงานอาหารสัตว์ ต้องซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรไทยให้หมดก่อน (5 ล้านตัน) ในราคาของไทย จากนั้นจึงค่อยซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน และส่วนที่เหลือจึงซื้อจากสหรัฐฯ ในราคาที่ถูกกว่า
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้การนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้าน ต้องมีใบรับรองว่าไม่มาจากการเผา (PM 2.5) เพื่อลดปริมาณนำเข้าจากแหล่งเหล่านั้น
- สินค้าที่ไทยผลิตได้และเพียงพอ/เกินพอ เช่น เนื้อหมู
ไทยจะยังไม่เปิดนำเข้าทันที แต่ต้องให้เวลาผู้ผลิตไทยปรับตัว และเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตเพื่อลดต้นทุน มิฉะนั้นจะไม่สามารถแข่งขันได้ ทั้งการบริโภคในประเทศและการส่งออก
ไทยจะยังไม่เปิดนำเข้าทันที แต่ต้องให้เวลาผู้ผลิตไทยปรับตัว และเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตเพื่อลดต้นทุน มิฉะนั้นจะไม่สามารถแข่งขันได้ ทั้งการบริโภคในประเทศและการส่งออก
หากจะเปิดตลาด (ยังไม่ได้คุยกันเป็นทางการ) จะเปิดในปริมาณที่น้อยมาก อาจไม่ถึง 1% ของปริมาณการบริโภคทั้งหมด และต้องมีการตรวจสอบแหล่งที่มาของหมูอย่างเข้มงวด
ส่วนเครื่องในหมู ไทยจะไม่เปิดให้มีการนำเข้าเครื่องในหมู เพราะราคาในสหรัฐฯ ถูกมาก แต่ในไทยแพง และได้รับความนิยมสูง
- สินค้าที่สหรัฐฯ ไม่มีบางรายการ ไทยก็เสนอเปิดให้สหรัฐฯ เข้ามา 0% ทั้งที่รู้ว่าสหรัฐฯ ไม่ได้ผลิตและจะไม่ส่งเข้ามา เช่น ลำไย เพื่อให้ดูว่าไทยเสนอรายการจำนวนมาก
2. การแก้ไขอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers)
- สหรัฐฯ ต้องการให้ไทย แก้ไขปัญหาขั้นตอนการค้าที่ยุ่งยาก ซับซ้อน และใช้เวลานาน เช่น กระบวนการศุลกากร เอกสารล่าช้า และมาตรฐานสินค้า
- สหรัฐฯ จะทำการสำรวจและรายงานปัญหาเหล่านี้ทุกปี
โดยไทยมองว่า เป็นโอกาสที่จะปรับปรุงการทำงานของหน่วยงานราชการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ระบบ One Stop Service, ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอยู่แล้ว
3. การจัดการกับ "สินค้าสวมสิทธิ์" (Transhipment/Disguised Goods)
- สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้สินค้าที่มาจากประเทศอื่น แต่มีสัดส่วน Local Content ของไทยน้อยมาก หรือไม่มีเลย ถูกส่งออกไปจากไทย โดยอ้างว่าเป็นสินค้าไทย เพื่อรับสิทธิพิเศษทางภาษี
- สหรัฐฯ ต้องการให้สินค้าที่จะได้รับอัตราภาษี 19% ต้องเป็นสินค้าที่มีสัดส่วนการผลิตในไทยอย่างน้อย มากกว่า 40% (แต่ยังไม่สามารถตกลงตัวเลขที่แน่นอนได้ เช่น 45%, 50%, 55%, 60%)
- หากเข้าเกณฑ์สินค้าสวมสิทธิ์ จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 40% (เช่นเดียวกับเวียดนาม)
- ไทยจะต้องเข้มงวดในการตรวจสอบและออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin หรือ COO) โดยเฉพาะในช่วงนี้ ให้กรมศุลกากรและกระทรวงพาณิชย์ ร่วมมือกันตรวจสอบโรงงาน และแหล่งที่มา เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าที่ส่งออก เป็นสินค้าที่ผลิตในไทยจริง
4. ข้อเสนอของไทย เพื่อนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ
- การซื้อพลังงาน (น้ำมันและ LNG) จากสหรัฐฯ มากขึ้น
ไทยเสนอที่จะซื้อน้ำมันจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น คิดประมาณ 10% ของการนำเข้านำมันทั้งหมด หรือ 120,000 บาร์เรลต่อวัน
ไทยเสนอที่จะซื้อน้ำมันจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น คิดประมาณ 10% ของการนำเข้านำมันทั้งหมด หรือ 120,000 บาร์เรลต่อวัน
ไทยสนใจซื้อ LNG จากสหรัฐฯ เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่ามาก ซึ่งมีการเซ็นสัญญาซื้อ LNG ล็อตแรก 1 ล้านตัน (จากทั้งหมด 15 ล้านตันที่ไทยนำเข้า) และจะเริ่มส่งมอบในปีหน้า โดยการซื้อพลังงานราคาถูกนี้ จะมีส่วนช่วยให้ค่าไฟฟ้าในไทยถูกลงด้วย
- การซื้อเครื่องบินจาก Boeing
การบินไทย จำเป็นต้องเปลี่ยนฝูงบินเก่าที่ไม่ได้ซื้อมานานก่อนโควิด-19 ประมาณ 100 ลำ
โดยไทยเสนอที่จะทยอยซื้อเครื่องบิน Boeing จากสหรัฐฯ ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า
การบินไทย จำเป็นต้องเปลี่ยนฝูงบินเก่าที่ไม่ได้ซื้อมานานก่อนโควิด-19 ประมาณ 100 ลำ
โดยไทยเสนอที่จะทยอยซื้อเครื่องบิน Boeing จากสหรัฐฯ ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า
5. การรักษาฐานการลงทุนของบริษัทสหรัฐฯ ในไทย
บริษัทสหรัฐฯ ที่มาลงทุนผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ฮาร์ดดิสก์, เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ ในไทยมายาวนาน และส่งออกไปยังสหรัฐฯ (คิดเป็น 30% ของมูลค่าการได้เปรียบดุลการค้าของไทยกับสหรัฐฯ)
บริษัทสหรัฐฯ ที่มาลงทุนผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ฮาร์ดดิสก์, เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ ในไทยมายาวนาน และส่งออกไปยังสหรัฐฯ (คิดเป็น 30% ของมูลค่าการได้เปรียบดุลการค้าของไทยกับสหรัฐฯ)
บริษัทเหล่านี้ต้องการคงฐานการผลิตในไทยต่อไป เนื่องจากไทยมีช่างฝีมือที่มีทักษะเฉพาะทาง ที่สั่งสมมานานกว่า 30-40 ปี และมีจำนวนมาก กว่าแสนคน ซึ่งในสหรัฐฯ หาได้ยาก
การคงฐานการผลิตนี้ ช่วยป้องกันการตกงาน และการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย
โดยสรุปแล้ว การเจรจานี้ ไม่ใช่แค่การต่อรองภาษี แต่เป็นการเจรจาเชิงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมหลายมิติ ทั้งการเปิดตลาด การแก้ไขอุปสรรคทางการค้า และการสนับสนุนการลงทุน
เพื่อให้ไทยยังคงความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก และเป็นโอกาสในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว