
สรุปกระแสเงินสด ประเภทต่าง ๆ ผ่านงบการเงิน Central Pattana ฉบับเข้าใจง่าย
สรุปกระแสเงินสด ประเภทต่าง ๆ ผ่านงบการเงิน Central Pattana ฉบับเข้าใจง่าย /โดย ลงทุนแมน
ในปี 2567 ที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ซึ่งเป็นเจ้าของศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลทั่วประเทศนั้น มีกำไรสุทธิอยู่ที่ราว ๆ เกือบ 17,000 ล้านบาท
ในปี 2567 ที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ซึ่งเป็นเจ้าของศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลทั่วประเทศนั้น มีกำไรสุทธิอยู่ที่ราว ๆ เกือบ 17,000 ล้านบาท
แต่รู้หรือไม่ว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น CPN สร้างกระแสเงินสดจากธุรกิจได้ 36,000 ล้านบาท
หรือสรุปได้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว CPN ทำธุรกิจได้เงินจริง ๆ มากกว่าที่รายงานในงบกำไรขาดทุนมากกว่า 2 เท่า
แล้วทำไม CPN ถึงรายงานกำไร เพียงครึ่งหนึ่งของที่ได้รับเงินจริงเข้ามา ?
คำตอบคือเพราะกำไรสุทธิ 17,000 ล้านบาทนั้น ถูกบันทึกไปตามมาตรฐานบัญชี ซึ่งอาจไม่ได้สะท้อนการไหลของเงินสดที่เข้า-ออกของกิจการตรง ๆ
ตัวอย่างเช่น รายได้ค่าเช่าที่ได้บันทึกในทางบัญชี อาจยังไม่ได้รับเป็นเงินจริง ๆ หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายบางอย่าง ก็อาจไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่จ่ายเงินสดออกไปจริง ๆ ในงวดบัญชีนั้น
นั่นเป็นเหตุผลที่เราควรต้องทำความรู้จักอีกงบการเงินหนึ่ง ที่มีความสำคัญมากที่ชื่อว่า “งบกระแสเงินสด”
ในบทความนี้ ลงทุนแมนจะพาไปรู้จักกับงบกระแสเงินสด โดยอ้างอิงจากงบการเงินจริง ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ในงวดปี 2567 ที่ผ่านมา
เพื่ออธิบายถึงความแตกต่างของงบกระแสเงินสดประเภทต่าง ๆ ให้เข้าใจง่าย และเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น
งบกระแสเงินสด หรือ Cash Flow Statement นั้น เป็น 1 ใน 5 องค์ประกอบหลัก ของรายงานทางการเงิน
โดยเป็นงบที่แสดงให้เราเห็นถึงการไหลของเงิน ที่เข้า-ออกของกิจการตามความเป็นจริง
โดยเป็นงบที่แสดงให้เราเห็นถึงการไหลของเงิน ที่เข้า-ออกของกิจการตามความเป็นจริง
โดยงบกระแสเงินสดนั้น มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ประเภท
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน
มาเริ่มกันที่
1. กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (Cash Flow From Operating Activities)
หรือที่เรียกย่อ ๆ กันว่า CFO ซึ่งเป็นกระแสเงินสด ที่เกิดจากการประกอบธุรกิจหลักของบริษัท
1. กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (Cash Flow From Operating Activities)
หรือที่เรียกย่อ ๆ กันว่า CFO ซึ่งเป็นกระแสเงินสด ที่เกิดจากการประกอบธุรกิจหลักของบริษัท
อธิบายง่าย ๆ คือ CFO มาจากการนำกำไรจากการดำเนินงานในงบกำไรขาดทุน หรือกำไรสุทธิจากงบกำไรขาดทุน มาบวกกลับด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด และหักรายได้ที่ไม่ใช่เงินสดออกไป
รวมถึงปรับรายการด้วยการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์หมุนเวียน-หนี้สินหมุนเวียน ที่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ในรอบบัญชีนั้น ๆ
สินทรัพย์หมุนเวียน (เช่น ลูกหนี้การค้า, สินค้าคงคลัง) เพิ่มขึ้น เช่น ไปซื้อสินค้ามาสต๊อกไว้
แสดงว่า เงินสดลดลง จึงต้องนำยอดไปหักออก
แสดงว่า เงินสดลดลง จึงต้องนำยอดไปหักออก
กลับกัน ถ้าสินทรัพย์หมุนเวียนลดลง เช่น เก็บเงินลูกหนี้การค้าได้, ขายสินค้าออก
แสดงว่า เงินสดเพิ่มขึ้น ต้องนำไปบวกกลับ
แสดงว่า เงินสดเพิ่มขึ้น ต้องนำไปบวกกลับ
ขณะที่หนี้สินหมุนเวียน (เช่น เจ้าหนี้การค้า) จะเป็นตรงกันข้ามคือ ถ้าหนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น แสดงว่า เงินสดเพิ่มขึ้น ต้องนำยอดไปบวกกลับ
และถ้าหนี้สินหมุนเวียนลดลง เช่น นำเงินไปจ่ายหนี้ ก็ต้องนำยอดไปหักออก
และถ้าหนี้สินหมุนเวียนลดลง เช่น นำเงินไปจ่ายหนี้ ก็ต้องนำยอดไปหักออก
โดยในกรณีของ CPN นั้น มีการบวกกลับค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด เช่น
ค่าเสื่อมราคา มาจากการที่ CPN มีสินทรัพย์เป็นอาคารจำนวนมาก ซึ่งค่าก่อสร้างอาคารเหล่านี้ มักจะถูกจ่ายไปตั้งแต่ช่วงแรก ๆ แล้ว
ก่อนที่จะถูกนำมาหักเป็นงวด ๆ ในรูปค่าเสื่อมราคา ในงบกำไรขาดทุน ตามอายุการใช้งาน โดยที่ไม่ได้มีการจ่ายเงินสดออกไปจริง ๆ
นอกจากนี้ CFO ยังมีการบวกกลับ หรือหักออกด้วย รายได้หรือค่าใช้จ่าย ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักด้วย เช่น ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย รายได้จากการลงทุน
โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา แม้ CPN จะมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้านบาท แต่เมื่อปรับรายการต่าง ๆ โดยเฉพาะต้นทุนหลักของ CPN อย่างค่าเสื่อมราคา ซึ่งอยู่ที่ 9,200 ล้านบาทไปแล้ว
ทำให้ CPN มีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานมากถึง 36,000 ล้านบาทนั่นเอง
แล้วสงสัยไหมว่า เงินสดที่ CPN จ่ายเพื่อซื้อที่ดิน หรือสร้างศูนย์การค้านั้น จะถูกบันทึกที่ไหน ?
คำตอบคือ
2. กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน (Cash Flow from Investing Activities)
หรือที่เรียกย่อ ๆ กันว่า CFI ซึ่งเป็นกระแสเงินสด ที่เกิดจากการลงทุนทุกรูปแบบของกิจการ
2. กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน (Cash Flow from Investing Activities)
หรือที่เรียกย่อ ๆ กันว่า CFI ซึ่งเป็นกระแสเงินสด ที่เกิดจากการลงทุนทุกรูปแบบของกิจการ
หาก CPN มีการจ่ายเงินซื้อที่ดิน จ่ายค่าก่อสร้างหรือค่าซ่อมบำรุงอาคาร ออกไปในรูปแบบเงินสด (กระแสเงินสดลดลง)
หรือในทางกลับกัน มีการขายที่ดินที่ไม่ได้ใช้งานแล้วออกไป และได้รับเป็นเงินสดมาแล้ว (กระแสเงินสดเพิ่มขึ้น)
รายการเหล่านั้น ก็จะถูกบันทึกอยู่ใน CFI ส่วนนี้
ตัวอย่างเช่น ในปีที่ผ่านมา CPN มีการจ่ายเงินสดเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ไปมากถึง 8,174 ล้านบาท
ขณะที่มีรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนราว 119 ล้านบาท
นอกจากนี้ รายได้หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เป็นเงินสดและเกี่ยวข้องกับการลงทุนของกิจการ เช่น เงินปันผลจากบริษัทลูก หรือ CPNREIT ไปจนถึงค่าใช้จ่ายเพื่อลงทุนในบริษัทอื่น
รายการเหล่านี้ก็จะถูกบันทึกอยู่ใน CFI เช่นกัน
ซึ่งในปีที่ผ่านมา CPN มีรายได้เงินปันผล จากการถือหุ้นในบริษัท และหน่วยลงทุนในกอง REIT มากถึง 1,476 ล้านบาท
แล้วค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ที่ถูกหักออกจาก CFO จะถูกบันทึกที่ไหน ?
คำตอบคือ
3. กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน (Cash Flow from Financing Activities)
หรือที่เรียกย่อ ๆ กันว่า CFF ซึ่งเป็นกระแสเงินสด ที่เกิดจากกิจกรรมการกู้ยืมหรือระดมทุน
3. กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน (Cash Flow from Financing Activities)
หรือที่เรียกย่อ ๆ กันว่า CFF ซึ่งเป็นกระแสเงินสด ที่เกิดจากกิจกรรมการกู้ยืมหรือระดมทุน
ตัวอย่างเช่น หาก CPN มีการกู้ยืมเงิน ไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้หรือกู้ธนาคาร (กระแสเงินสดเพิ่มขึ้น)
รวมถึงหากมีการคืนหนี้เงินกู้และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ (กระแสเงินสดลดลง)
รวมถึงหากมีการคืนหนี้เงินกู้และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ (กระแสเงินสดลดลง)
นอกจากนี้ ถ้า CPN มีการเพิ่มทุนเพื่อนำมาสร้างโครงการใหม่ (กระแสเงินสดเพิ่มขึ้น)
หรือจ่ายปันผล (กระแสเงินสดลดลง) ซึ่งเสมือนเป็นการคืนผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น
หรือจ่ายปันผล (กระแสเงินสดลดลง) ซึ่งเสมือนเป็นการคืนผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น
โดยในปีที่ผ่านมา CPN มีการจ่ายหนี้คืนให้แก่เจ้าหนี้กว่า 54,000 ล้านบาท และจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นกว่า 8,179 ล้านบาท
ขณะที่มีการกู้ยืมเงินเพิ่มราว ๆ 47,000 ล้านบาท
ขณะที่มีการกู้ยืมเงินเพิ่มราว ๆ 47,000 ล้านบาท
ซึ่งรายการเหล่านี้ก็จะถูกบันทึกอยู่ใน CFF นั่นเอง
มาถึงตรงนี้ เราก็คงจะเข้าใจความหมาย และความแตกต่างของงบกระแสเงินสดแบบต่าง ๆ กันไปบ้างแล้ว
โดยสรุปง่าย ๆ อีกครั้งก็คือ
- CFO ใช้ดูกระแสเงินสดจากการค้าขายหรือบริการ ที่เป็นธุรกิจหลัก
- CFI ใช้ดูกระแสเงินสดจากการลงทุน
- CFF ใช้ดูกระแสเงินสดจากการกู้ยืมหรือจัดหาเงินทุน
- CFO ใช้ดูกระแสเงินสดจากการค้าขายหรือบริการ ที่เป็นธุรกิจหลัก
- CFI ใช้ดูกระแสเงินสดจากการลงทุน
- CFF ใช้ดูกระแสเงินสดจากการกู้ยืมหรือจัดหาเงินทุน
บางคนอาจเคยได้ยินว่า งบกระแสเงินสดที่ดีนั้นต้องอยู่ในรูปของ “บวก ลบ ลบ”
หมายถึง CFO เป็นบวก (ทำธุรกิจได้เงิน)
CFI เป็นลบ (มีการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต)
CFF เป็นลบ (จ่ายคืนหนี้ จ่ายปันผล ซื้อหุ้นคืน)
CFI เป็นลบ (มีการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต)
CFF เป็นลบ (จ่ายคืนหนี้ จ่ายปันผล ซื้อหุ้นคืน)
แต่ต้องบอกว่าธุรกิจบางประเภทนั้น อาจไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไป ตัวอย่างเช่น บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ก็มี CFO เป็นลบ
เพราะธรรมชาติของธุรกิจสินเชื่อนั้น บริษัทจะมีการปล่อยกู้ ให้กับลูกหนี้ ซึ่งก็คือลูกค้า นั่นเอง
ซึ่งงบกระแสเงินสดนี้ จะช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพจริงของกิจการได้ดีขึ้น และทำให้เห็นว่าแท้จริงแล้วนั้น บริษัททำธุรกิจ “ได้เงินสด” มาจริง ๆ หรือเปล่า
เพราะในอดีต มีหลายบริษัทที่รายงานรายได้และกำไรในงบกำไรขาดทุน ในเชิงเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ก่อนที่จะเปิดเผยออกมาภายหลังว่า ผลประกอบการที่ดูดีเหล่านั้น ล้วนมาจากการตกแต่งทางบัญชี
ก่อนที่จะเปิดเผยออกมาภายหลังว่า ผลประกอบการที่ดูดีเหล่านั้น ล้วนมาจากการตกแต่งทางบัญชี
การดูงบกระแสเงินสด ก็อาจจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการตกแต่งบัญชีไปได้
โดยบรรดานักลงทุนมืออาชีพมากมาย ก็มักใช้งบกระแสเงินสดในการตรวจสอบกำไร ที่รายงานงบกำไรขาดทุน
ไปจนถึงใช้ตรวจสอบการทุจริตที่อาจเกิดขึ้น เพราะว่ากันว่างบกระแสเงินสดนั้น “ยาก” ต่อการปลอมแปลงมากที่สุด..
Reference
- งบการเงินปี 2567 ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
- งบการเงินปี 2567 ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)