BLC เดินหน้ากลยุทธ์สร้าง Brand Awareness ครั้งใหญ่ ผ่านพรีเซนเตอร์ชั้นนำ

BLC เดินหน้ากลยุทธ์สร้าง Brand Awareness ครั้งใหญ่ ผ่านพรีเซนเตอร์ชั้นนำ

BLC x ลงทุนแมน
หากพูดถึงธุรกิจยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ หลายคนอาจนึกถึงบริษัทยักษ์ใหญ่จากต่างชาติ
รู้ไหมว่า มีบริษัทไทยแห่งหนึ่ง ที่เลือกต่อยอดองค์ความรู้ด้านยาและสมุนไพร นำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ยา เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จนสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา
และกำลังเดินหน้าครั้งสำคัญ สู่การสร้าง Brand Awareness สร้างการรับรู้ในวงกว้าง พร้อมกลยุทธ์การเติบโตที่น่าจับตา
เรากำลังพูดถึง Bangkok Lab and Cosmetic หรือ BLC หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจรสัญชาติไทยนั่นเอง
แล้ว BLC มีที่มาอย่างไร ?
มีความโดดเด่นอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ BLC เกิดขึ้นด้วยความมุ่งมั่นของ ‘สุวิทย์ งามภูพันธ์’ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้ง ที่มีความตั้งใจให้คนไทยเข้าถึงยาคุณภาพดี มีความมั่นคงทางด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน
กว่า 30 ปี บริษัทได้เติบโตเรื่อยมา
ปัจจุบันดำเนินการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวิจัยพัฒนา การผลิตตามมาตรฐานสากล ทีมขายและทีมการตลาด คลังสินค้า และศูนย์กระจายผลิตภัณฑ์ที่คล่องตัว ครอบคลุมต้นน้ำถึงปลายน้ำของห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ซึ่งประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ
เริ่มกันที่ธุรกิจแรกของบริษัท การผลิตและจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ที่มีทั้งยาสามัญและยาสามัญใหม่ ที่มุ่งเน้นการผลิตยาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ ไปจนถึงการศึกษาชีวสมมูล (Bioequivalence)
เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่า จะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิผลเทียบเท่ากับยาต้นแบบ โดยยาหลายตัวของ BLC ยังได้รับการยอมรับให้บรรจุในบัญชียาของโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และสถานพยาบาลชั้นนำ
ต่อมาคือ ธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ซึ่งบริษัทได้จัดตั้ง BLC Research Center ขึ้นมา เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาประยุกต์ใช้ รวมทั้งวิจัยและพัฒนาต่อยอด เพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย
โดยมีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยในประเทศ เพื่อศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยหลายชนิด รวมถึงพัฒนาการผลิตตามมาตรฐานการผลิตสมุนไพร (PIC/S GMP)
และทำการศึกษาวิจัยทางคลินิก เพื่อให้ได้ผลพิสูจน์ด้านประสิทธิผลในการรักษาและความปลอดภัย ซึ่งผลการศึกษาก็ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์
ทั้งนี้ บริษัทยังต่อยอดไปยังผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่น ๆ ได้แก่ เครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องมือแพทย์อีกด้วย
ซึ่งนอกจากการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องสำอาง ไปจนถึงการควบคุมคุณภาพการผลิตแล้ว
อีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญคือ การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งแบบผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการ (B2B) ให้กับลูกค้าร้านขายยา โรงพยาบาล และร้านค้าปลีกผ่านโมเดิร์นเทรด รวมถึงการจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง (B2C) ผ่านช่องทางออนไลน์
และที่น่าสนใจคือ กลยุทธ์การเติบโตตลอดเส้นทาง 30 ปีที่ผ่านมา โดยผ่านกลยุทธ์ 5P ซึ่งประกอบด้วย Product, Place, Process, People และ Partnership
โดยเฉพาะในด้าน Process ที่มีการทำการตลาดเชิงรุกอย่างน่าสนใจ โดยการทำ Brand Awareness เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักผลิตภัณฑ์ของบริษัทมากยิ่งขึ้น ผ่าน Mega Influencer ทางช่องทางออนไลน์ และยังใช้ Influencer ในทุกระดับ
ซึ่งเมื่อได้ผลการตอบรับที่ดี จึงนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ที่เป็น Top Product ทั้งในยาแผนปัจจุบันและผลิตภัณฑ์สมุนไพร
โดยมี 3 ผลิตภัณฑ์นำร่อง ได้แก่
- แบรนด์ “Plaivana” ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากสมุนไพรไทย ครีมทาภายนอก ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้เคล็ดขัดยอก ที่มีผลวิจัยรองรับจากห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับอาการปวดเข่าและปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
ที่มีพรีเซนเตอร์อย่างคุณมาริโอ้ เมาเร่อ ที่โด่งดังไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่ยังรวมถึงในระดับเอเชียด้วย มาชูภาพลักษณ์ของ Plaivana ให้ดูเข้าถึงง่าย จดจำได้ง่าย และช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเป็นวงกว้าง
- แบรนด์ “Diabederm” ยารักษาอาการผิวหนังแห้ง แตกเป็นขุย ผิวหนังหนา และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง โดยมียูเรียเป็นตัวยาสำคัญ ที่เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำได้ดี ช่วยดึงและกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวหนัง
อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในองค์ประกอบตามธรรมชาติของสารให้ความชุ่มชื้นในผิวหนัง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการคงความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยเฉพาะบริเวณที่แห้งกร้าน โดยมีคุณอ้อม พิยดา อัครเศรณี เป็นพรีเซนเตอร์ ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นผู้ใหญ่ ช่วยสื่อสารให้กับแบรนด์ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักได้เป็นอย่างดี
- แบรนด์ “Clena” ผลิตภัณฑ์ Clena EX เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีสารสกัดจากธรรมชาติ อ่อนโยน ไม่มีสเตียรอยด์ ใช้เป็นประจำได้ทุกวัน ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส
ซึ่งมีสารสกัดขิงเข้มข้น สกัดด้วยเทคโนโลยี Supercritical Fluid Extraction ที่เหนือกว่าวิธีทั่วไป ได้สารสกัดบริสุทธิ์เข้มข้น โดยผลิตภัณฑ์ Clena EX นี้ ถือเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นมาก ๆ ของ BLC โดยมีการเติบโตถึง 69% ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับทั้ง 3 แบรนด์นี้ ทางบริษัทจะขยายผลิตภัณฑ์เข้าตลาดร้านขายยาเพิ่มมากขึ้น และมุ่งหวังให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์บริษัท ในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างแข็งแกร่ง
และถ้าเราลองมาดูผลประกอบการที่ผ่านมาของ BLC จะเห็นว่า บริษัทยังมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ปี 2022 รายได้ 1,300 ล้านบาท กำไร 126 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 1,417 ล้านบาท กำไร 145 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 1,579 ล้านบาท กำไร 171 ล้านบาท
และล่าสุด ไตรมาส 1 ปี 2025 รายได้ 444 ล้านบาท กำไร 55 ล้าน
ถึงตรงนี้ ต้องบอกว่าปัจจุบันเทรนด์ของผู้บริโภคให้ความใส่ใจกับการดูแลรักษาสุขภาพ และคำนึงถึงความปลอดภัยในการบริโภคมากขึ้น
ทำให้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เน้นคุณภาพกลายเป็นที่นิยม ซึ่งสอดรับกับทิศทางและจุดแข็งของ BLC
การที่บริษัทยังคงเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง และมุ่งหวังให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของ BLC ตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตและศูนย์วิจัยผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพชั้นนำในไทย
ซึ่งก็ยิ่งน่าจับตามองว่า การเติบโตของ BLC ในอนาคตจะเป็นอย่างไร
จะมีแบรนด์ใหม่ ๆ ของบริษัทออกมาอีกหรือไม่ และจะสามารถต่อยอดยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทยให้ไปไกลในระดับโลกได้มากแค่ไหน..
References :
- เอกสารประชาสัมพันธ์บริษัท
- เว็บไซต์ของบริษัท
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
Tag: BLC

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon