“จากผู้ช่วย สู่ผู้ลงมือทำ” ก้าวต่อไปของ KBTG ในยุค Agentic AI

“จากผู้ช่วย สู่ผู้ลงมือทำ” ก้าวต่อไปของ KBTG ในยุค Agentic AI

KBTG x ลงทุนแมน
“Agentic AI” กลายเป็นหนึ่งคีย์เวิร์ดสำคัญในวงการเทคโนโลยีโลก
จากเดิมที่ AI ทำหน้าที่เพียง “ตอบสนอง” ต่อคำสั่งของมนุษย์ เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ AI สามารถ “ลงมือทำ” ได้ด้วยตัวเอง
องค์กรระดับโลกอย่าง Walmart, Amazon, SAP เริ่มนำ AI Agents เข้ามาใช้จริงในภาคธุรกิจ
ตั้งแต่วิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจ ไปจนถึงเชื่อมต่อการทำงานระหว่างระบบต่าง ๆ แบบอัตโนมัติ
ในประเทศไทย KBTG ถือเป็นหนึ่งในองค์กรแรก ๆ ที่เริ่มขยับอย่างจริงจังในเรื่อง Agentic AI
หลังจากอัปเกรด “หัวใจ” ของระบบธนาคาร ผ่านโปรเจกต์ Banking Horizontal Scale รองรับการเติบโตของธุรกิจไปจนถึงปี 2031
วันนี้ KBTG กำลังต่อยอดจาก AI ที่เคยอยู่เบื้องหลัง สู่ Agentic AI เสมือน “ผู้ช่วยมืออาชีพ” ให้กับองค์กร
Agentic AI คืออะไร ?
ลงทุนแมนสรุปไฮไลต์สำคัญจากงานสัมมนา “Banking on Agentic AI, Towards an AI-Infused Tech Powerhouse” โดย KBTG
Agentic AI มาจากคำว่า Agent หมายถึง “ตัวแทนที่สามารถตัดสินใจและลงมือทำได้” ผสมกับ AI หรือปัญญาประดิษฐ์
แต่หากไม่มี Use Case ที่ชัดเจน ข้อมูลที่ถูกต้องและปลอดภัย หรือระบบกำกับดูแลที่รัดกุม Agentic AI ก็อาจกลายเป็น “ดาบสองคม” ได้เช่นกัน
แล้วในมุมมองของคุณเรืองโรจน์ พูนผล Group Chairman, KBTG มองเรื่องนี้อย่างไร ?
“ที่ผ่านมา AI เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเดิม สู่ยุคของ Generative AI ที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ได้เอง
แต่คลื่นลูกใหม่อย่าง Agentic AI กำลังยกระดับบทบาทของ AI จากผู้ช่วย ไปเป็นผู้ลงมือทำ ที่สามารถทำงานแทนคนได้จริงในระดับ Workflow ของทั้งองค์กร”
แต่การจะใช้ศักยภาพของ Agentic AI ให้เกิดผลจริง จำเป็นต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วน โดยเฉพาะ 5 เรื่องสำคัญต่อไปนี้
1. เริ่มจาก Use Case ที่ถูกต้อง
กระดุมเม็ดแรกต้องติดให้ถูก เลือกโจทย์ให้แม่นยำตั้งแต่ต้น เพราะ Use Case ที่ดีคือรากฐานของความสำเร็จ AI จะสร้างคุณค่าได้ ก็ต่อเมื่อสามารถแก้ Pain Point หรือเปิดโอกาสทางธุรกิจที่แท้จริง
2. ข้อมูลต้องดี พร้อมใช้งาน
AI ที่ฉลาดเริ่มจากข้อมูลที่ดี ต้องถูกต้อง ครบถ้วน ทันสมัย และอยู่ในรูปแบบที่ต่อยอดได้ หากข้อมูลไม่พร้อมหรือไม่มีคุณภาพ ผลลัพธ์จาก AI ก็จะไม่น่าเชื่อถือ
3. ปรับกระบวนการ และกล้าลองผิดลองถูก
การนำ AI มาใช้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่รวมถึงการปรับ Workflow และวิธีคิดของคนในองค์กร ต้องพร้อมทดลอง เรียนรู้ และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
4. มีกลไกกำกับดูแลที่ชัดเจน
เมื่อ AI Agents มีอิสระในการตัดสินใจ สิ่งที่ต้องมาคู่กันคือ ระบบกำกับที่ชัดเจน ทั้งในแง่จริยธรรม ความโปร่งใส และความรับผิดชอบ
5. ต้องมีคนคอยกำกับ
แม้ AI จะเก่งแค่ไหน แต่คนยังคงมีบทบาทสำคัญในการออกแบบ ตัดสินใจ และกำกับให้ AI ทำงานไปในทิศทางที่ถูกต้อง
รู้หรือไม่ว่า ? ภายในปี 2028 กว่า 15% ของการตัดสินใจในงานประจำ จะถูกขับเคลื่อนโดย Agentic AI
และองค์กรที่เปลี่ยนผ่านสู่ AI-Driven จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่าค่าเฉลี่ยขององค์กรทั่วไปถึง 2-3 เท่า
แล้ว KBTG นำ Agentic AI มายกระดับการทำงานอย่างไร ?
คำตอบคือ กลยุทธ์ “AI 5+1” ที่ครอบคลุม 5 ด้านหลัก ได้แก่
1. AI for Banking
ช่วยยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและความลื่นไหลในการใช้งาน เช่น การป้องกันความเสี่ยงทางไซเบอร์ การตรวจจับภัยคุกคาม และการทำธุรกรรมที่แม่นยำและรวดเร็ว
2. AI for IT Delivery & Operations
ช่วยลดภาระในระบบหลังบ้านแบบอัตโนมัติ โดย KBTG แบ่งการใช้งานออกเป็น 2 กลุ่มหลักคือ
- Software Delivery ที่ใช้ AI ในการพัฒนา ทดสอบ และ Deploy ระบบต่าง ๆ แบบ End-to-End
- Tech & Back-Office Operations ที่ช่วยลดงานซ้ำซ้อน เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน
แม้องค์กรทั่วไปในระดับนี้อาจต้องใช้พนักงานกว่า 4,000 คน แต่ KBTG มีเพียง 2,300 คน ก็สามารถดำเนินงานในระดับเดียวกันได้
และยังตั้งเป้าเพิ่ม Productivity ของ Software Development Life Cycle อีก 10% ภายในปี 2025 และ 20% ภายในปี 2026 อีกด้วย
3. AI & Data Platform
ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเองอย่าง Athena Mind และ MDP เพื่อวางรากฐานในการสร้างและต่อยอด AI Use Cases ในอนาคต
จุดเด่นคือ ระบบหลังบ้านแบบ Modular ที่เปิดกว้าง รองรับ AI Models จากหลากหลายผู้พัฒนา ลดการผูกติดกับแพลตฟอร์ม และปรับตัวตามเทคโนโลยีได้ง่าย
4. Governance & Ecosystem
ด้วยการเข้าร่วมเป็นสมาชิกร่วมกับองค์กรระดับโลก เช่น AI Governance Alliance ที่จัดตั้งโดย World Economic Forum เน้นการกำกับดูแลที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
และ AI Alliance โดย Meta และ IBM เน้น Open Source AI เพื่อการสร้าง AI ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
5. AI Tech Business
ไม่ว่าจะเป็น การเปิด “AI and Data Playground” ให้พนักงานและพาร์ตเนอร์ทดลองสร้าง AI Agents ด้วยตัวเอง หรือการพัฒนา AI Products ที่สามารถนำไปใช้งานจริงในตลาด
และสุดท้าย +1 คือ การยกระดับทักษะด้าน AI ให้กับพนักงานทุกคน ผ่านโครงการ AI Literacy เพื่อสร้างบุคลากรที่พร้อมใช้งาน และเติบโตไปพร้อมกับโลก AI อย่างมีความรับผิดชอบ
แล้วปัจจุบัน KBTG พัฒนา Agentic AI อย่างไรบ้าง และเห็นผลลัพธ์จริงหรือไม่ ?
คุณจิรัฎฐ์ ศรีสวัสดิ์ Assistant Managing Director - Software Development Excellence, KBTG กล่าวว่า หนึ่งในก้าวสำคัญคือการพัฒนา Athena Mind แพลตฟอร์มที่เปิดให้พนักงานสามารถสร้างและใช้งาน AI Agents ได้ด้วยตนเอง
ปัจจุบัน KBTG มีการพัฒนาและใช้งาน AI Agents หลากหลายรูปแบบในองค์กร
- AI Chatbot (RAG) ตอบคำถามจากฐานข้อมูลภายใน 24 ชั่วโมง ลดภาระทีมสนับสนุน
- Autonomous Agent ทำงานซ้ำ ๆ ที่ใช้เวลานานแทนมนุษย์
- Multi Agents & Augmented Human ผสานการทำงานระหว่างมนุษย์กับ AI หลายตัวอย่างอัตโนมัติ
ตัวอย่าง Agent ที่มีการใช้งานจริงแล้ว เช่น
- HR Agent ตอบคำถามเรื่องลางาน สวัสดิการ และกระบวนการ HR
- PDPA Agent แนะนำและตรวจสอบการใช้ข้อมูลให้สอดคล้องกับกฎหมาย
- Coding Agent แนะนำและช่วยเขียน Code บางส่วน
หนึ่งใน Impact ที่เห็นผลชัดเจนคือ Coding Agent ซึ่งช่วยให้ทีม Engineer และ QA กว่า 600 คน ทำงานได้รวดเร็วขึ้น จน Productivity เพิ่มขึ้นกว่า 45% ในบาง Use Cases
ผลลัพธ์โดยรวมล่าสุดคือ AI ช่วยเขียน Code ที่ผ่านการตรวจสอบโดย Engineers มาแล้วมากกว่า 10 ล้านบรรทัด และช่วยลดต้นทุนไปแล้วกว่า 32 ล้านบาท
นอกจากนี้ KBTG ยังขยายการใช้ Agentic AI ให้ครอบคลุมทุกบทบาทใน Software Development Life Cycle (SDLC) ตั้งแต่ Business Analyst, Architect, Engineer, Testing ไปจนถึง DevOps
ซึ่งผลจากการทดลองใช้งาน SDLC Agents นี้ พบว่าช่วยเพิ่ม Productivity ได้สูงขึ้นไปอีก เช่น การพัฒนาเพิ่มในบาง Feature บนแอปฯ MAKE by KBank ที่เคยใช้เวลา 1 วันถ้าทำโดยมนุษย์ ลดเหลือเพียง 15 นาที โดยได้คุณภาพใกล้เคียงกัน
การพัฒนา Agentic AI ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้
แต่คือการวางรากฐานเพื่อให้องค์กรพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
โดยมี AI ที่คิด วิเคราะห์ และลงมือทำได้เอง เป็นทรัพยากรหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน...
แต่เอาเข้าจริง ในมุมผู้ใช้งานอย่างเรา จะมั่นใจได้อย่างไรว่า Agentic AI ที่สามารถตัดสินใจเองได้ทุกขั้นตอน จะไม่กลายเป็นดาบสองคม ?
คุณเมสินี นาคมณี Deputy Managing Director, Software Quality Management, KBTG ได้กล่าวว่า
“KBTG เป็นบริษัทเทคโนโลยีภายใต้ KBank และเมื่อพูดถึงธุรกรรมทางการเงิน ‘Trust’ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว ก็อาจทำให้ลูกค้าหมดความเชื่อมั่นได้
เราจึงพัฒนา Agentic AI ขึ้นมาเป็นอีกชั้นของระบบ ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของ AI และกระบวนการต่าง ๆ อย่างรอบด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลลูกค้าปลอดภัย และไม่มีข้อผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น
AI ที่รับหน้าที่นี้มีชื่อว่า ‘ไฉไล’ (Chai LAI) และ ‘ใส่ใจ’ (Sai JAI) เสมือน AI ผู้ตรวจสอบ AI ทำงานแบบอัตโนมัติในทุกขั้นตอน”
ไฉไล คือ Agentic AI เสมือน AI QA Team หรือทีมตรวจสอบคุณภาพซอฟต์แวร์อัตโนมัติ ดูแลตั้งแต่
- การวางแผนการทดสอบ (Test Planning)
- การตรวจสอบผลลัพธ์ (Result Validation)
- การประเมินประสิทธิภาพระบบ (Performance Testing)
เมื่อต้องพัฒนาแอปฯ หรือระบบใหม่ ไฉไล จะช่วยเลือกเครื่องมือ วิเคราะห์ข้อผิดพลาด และตรวจสอบว่า AI หรือระบบทำงานได้ถูกต้อง
ส่วน ใส่ใจ คือ Agentic AI จะเป็นแกนกลางของ AI Testing Framework เน้นการกำกับดูแลคุณภาพของ AI ก่อนใช้งานจริง ครอบคลุม 3 มิติหลัก ได้แก่
- Test Strategy & Execution เช่น การออกแบบ AI Solutions และจัดการวงจรการทดสอบ
- Quality Dimensions ที่อิงตามแนวทางความปลอดภัย ความเป็นธรรม และความโปร่งใส
- Infrastructure & Governance เช่น แพลตฟอร์ม, เครื่องมือ และแนวทางควบคุมมาตรฐาน
ถึงตรงนี้คงเห็นภาพว่า KBTG ต่อยอด AI จากระบบหลังบ้าน สู่ Agentic AI ที่ตัดสินใจและทำงานแทนมนุษย์ได้มากขึ้น
แล้ว “มนุษย์” ยังสำคัญอยู่ไหมในสมการนี้ ?
โดยเฉพาะเมื่อคุณ Sam Altman ผู้พัฒนา ChatGPT เพิ่งหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูด
คุณวรรณลภย์ วิสิฐธรรมคุณ Assistant Managing Director - Intelligence Engineering and Data Technology กล่าวว่า
“ตอนนี้มนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญในยุค AI เพราะเทคโนโลยียังมีความเสี่ยงและขาดการดูแลไม่ได้
ที่สำคัญกว่าคือ มนุษย์ต้องตามทันและมีความเข้าใจ AI ด้วย”
KBTG จึงผลักดันแนวคิด AI Platformization เพื่อสร้างคุณค่าทางธุรกิจผ่านสองเสาหลัก ได้แก่
- Ignite Innovation
เปิดพื้นที่ให้ทุกคนสามารถทดลองใช้ AI ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแล
เช่น AI and Data Playground ที่ช่วยลดระยะเวลาการพัฒนาจาก 30 วัน เหลือเพียง 1 วัน
ปัจจุบันมีการทดลองแล้วกว่า 100 Use Cases และมี AI Engineers เข้าร่วมมากกว่า 1,000 คน
- Scale Intelligence
ต่อยอด AI ให้เป็นระบบระดับองค์กรที่ใช้งานได้จริง มีประสิทธิภาพ ตรวจสอบได้ และปรับปรุงต่อเนื่อง
ปัจจุบัน มีผู้ใช้งาน AI Agents มากกว่า 10,000 คน ความเร็วในการ Deploy เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า และมี AI Agents ทำงานจริงในระบบผลิตแล้วมากกว่า 10 ตัว
สุดท้ายแล้ว คุณเรืองโรจน์ พูนผล ได้กล่าวปิดท้ายว่า
“แม้โลกของ Agentic AI จะเต็มไปด้วยโอกาสใหม่ ๆ แต่นี่ก็ยังเป็นพื้นที่ที่ทุกคน กำลังเรียนรู้และทดลองไปพร้อมกัน
โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่ยังไม่มีต้นแบบชัดเจน องค์กรจึงต้องกล้าคิด กล้าทำ และค่อย ๆ พัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทของตนเอง
เพราะในโลก AI “There is no best practice, only better practice”
ไม่มีสูตรสำเร็จ มีแต่สิ่งที่เราต้องทำให้ดีขึ้นในทุกวัน
และนี่คือแนวคิดที่ KBTG ยึดถือ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กร AI ระดับโลก ภายใต้แนวทาง Human-First x AI Transformation” นั่นเอง...
#KBTG
#AgentAI
#HumanFirstAIFirst
Reference :
- สรุปสัมมนา Banking on Agentic AI Towards AI-Infused Tech Powerhouse โดยลงทุนแมน
Tag: KBTG

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon