ฮิวแมนซอฟท์ x ลงทุนแมน

หลายคนอาจมองว่าคุณสมบัติของผู้นำที่ดีคือต้องเฉลียวฉลาดและตัดสินใจเด็ดขาด แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหนึ่งทักษะที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “ทักษะความเข้าอกเข้าใจ” หรือ Empathy Skill ซึ่งกำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารคนในยุคนี้

Empathy ที่ว่านี้ไม่ใช่แค่การสงสารหรือเห็นอกเห็นใจแบบผิวเผิน แต่มันคือความสามารถในการ รับรู้และเข้าใจความรู้สึก ความคิด และมุมมองของคนอื่นได้อย่างลึกซึ้ง แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาก็ตาม Empathy Skill ช่วยให้เรามองเห็นโลกผ่านมุมมองของคนอื่น ทำให้ผู้นำเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่า อะไรคือแรงจูงใจเบื้องหลังความคิดและการกระทำของลูกน้อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารทีมยุคใหม่

Empathy หรือ ความสามารถในการเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ไม่ใช่แค่การ “รับฟัง” หรือ “เห็นใจ” แต่เป็นทักษะเชิงลึกที่รวมถึงการเข้าใจความรู้สึก ความต้องการ มุมมอง และแรงจูงใจของผู้อื่น โดยไม่ตัดสิน และสามารถเชื่อมโยงความรู้สึกนั้นกับการตัดสินใจหรือการสื่อสารในฐานะผู้นำได้อย่างเหมาะสม โดย Empathy สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้

1. Cognitive Empathy (ความเข้าใจเชิงรับรู้)
Cognitive Empathy คือการทำความเข้าใจว่าคนอื่นคิดหรือรู้สึกอย่างไร โดยอาศัยการวิเคราะห์เหตุผลและสังเกตสัญญาณต่าง ๆ เช่น สีหน้า ท่าทาง หรือน้ำเสียง เป็นการที่เรา "รู้ว่าเขากำลังรู้สึกอะไร" โดยไม่ได้รู้สึกร่วมไปกับเขา เป็นทักษะที่ช่วยให้เข้าใจมุมมองของผู้อื่นได้อย่างมีเหตุผล

2. Emotional Empathy (ความเข้าใจเชิงอารมณ์)
Emotional Empathy คือความสามารถในการรับรู้และรู้สึกถึงอารมณ์ของผู้อื่นได้ในระดับเดียวกับที่เขารู้สึก เป็นการ "รู้สึกเหมือนที่เขารู้สึก" ซึ่งอาจทำให้เราเกิดความรู้สึกร่วมและคล้อยตามอารมณ์นั้น ๆ ไปด้วย ทักษะนี้ช่วยให้ผู้นำสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับทีมได้

3. Compassionate Empathy (ความเห็นอกเห็นใจเชิงกรุณา)
นี่คือ Empathy ที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะเป็นการรวมกันของ Cognitive Empathy และ Emotional Empathy คือเมื่อเราเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น (Cognitive Empathy) และรู้สึกร่วมไปกับเขา (Emotional Empathy) สิ่งที่ตามมาคือ ความปรารถนาที่จะลงมือช่วยเหลือหรือสนับสนุนเขา เพื่อบรรเทาความทุกข์หรือทำให้เขารู้สึกดีขึ้น

Empathy ไม่ใช่แค่คุณสมบัติที่ดี แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ผู้นำนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นคง โดยเหตุผลที่ผู้นำยุคใหม่ต้องมี Empathy Skill มีดังนี้

1. สร้างความเชื่อใจและทีมที่แข็งแกร่ง
ผู้นำที่มี Empathy จะรับฟังและเข้าใจปัญหาของทีมอย่างแท้จริง ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตัวเองได้รับการยอมรับและมีคุณค่า ความสัมพันธ์ที่ดีนี้จะช่วยสร้าง ความไว้วางใจ และความผูกพันที่แข็งแกร่งภายในทีม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

2. เพิ่มประสิทธิภาพของทีม
การเข้าใจทีมอย่างลึกซึ้ง ทำให้ผู้นำสามารถมอบหมายงานที่เหมาะสมกับจุดแข็งและความสนใจของพนักงานแต่ละคนได้ เมื่อพนักงานได้ทำงานที่ถนัดและมีความสุข ย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมสูงขึ้น

3. ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน
ผู้นำที่มี Empathy จะทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงคนในทีมให้เข้าถึงกันได้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดความขัดแย้ง และทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างตรงไป ตรงมา และสร้างสรรค์

4. ดึงดูดและรักษาคนเก่งไว้กับองค์กร
ในยุคที่คนเก่งมีทางเลือกมากมาย ผู้นำที่ใส่ใจและเข้าใจพนักงานจะสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่น่าอยู่ได้ ทำให้พนักงานอยากอยู่กับองค์กรในระยะยาว ซึ่งช่วยลดต้นทุนการสรรหาบุคลากร และฝึกอบรมบุคลากรใหม่ได้อย่างมาก

Empathy ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็น ทักษะที่สามารถฝึกฝนได้ โดยผู้นำสามารถเริ่มต้น พัฒนา Empathy Skill ได้ง่าย ๆ ดังนี้
• ฝึกการฟังอย่างตั้งใจ
• ตั้งคำถามเพื่อทำความเข้าใจ
• สังเกตภาษากายและน้ำเสียง
• ให้เวลากับคนในทีม

สรุปบทความ
ในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี Empathy คือสิ่งที่ช่วยเชื่อมโยง "ความเป็นมนุษย์" เข้าไว้ด้วยกัน ผู้นำที่ประสบความสำเร็จในวันนี้จึงไม่ได้มีดีแค่เรื่องงาน แต่คือคนที่เข้าใจคน เข้าใจความรู้สึก และสามารถนำพาผู้คนไปสู่เป้าหมายร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้นำที่ต้องการเติบโตในยุคนี้ การเริ่มต้นฝึกฝน Empathy Skill ตั้งแต่วันนี้ คือก้าวแรกสู่การเป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจและเป็นที่รักของทีมได้อย่างแท้จริง