
รู้จัก “LNG” ก๊าซธรรมชาติในรูปของเหลว พลังงานหลัก... ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่เป้าหมาย Net Zero
รู้จัก “LNG” ก๊าซธรรมชาติในรูปของเหลว พลังงานหลัก... ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่เป้าหมาย Net Zero
ในวันที่โลกกำลังเร่งเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero Emission หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ พลังงานสะอาดกลายเป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
แต่ในระหว่างทางสู่อนาคตสีเขียว เราจำเป็นต้องมี “พลังงานในยุคเปลี่ยนผ่าน” ที่มั่นคงและปลอดภัย ซึ่งก๊าซธรรมชาติได้กลายเป็นคำตอบสำคัญ
ด้วยเหตุนี้ หลายประเทศ รวมถึงไทย จึงเลือกนำเข้า LNG หรือก๊าซธรรมชาติเหลว มาเป็นแหล่งพลังงานในประเทศ
แล้ว LNG คืออะไร ?
ทำไมถึงสำคัญกับเศรษฐกิจโลกและประเทศไทย ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ทำไมถึงสำคัญกับเศรษฐกิจโลกและประเทศไทย ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
LNG หรือ Liquefied Natural Gas คือ ก๊าซธรรมชาติที่ถูกทำให้เป็นของเหลว
ด้วยการลดอุณหภูมิลงถึง -160 องศาเซลเซียส ทำให้ปริมาตรเล็กลงถึง 600 เท่า สะดวกต่อการขนส่งทางเรือไปยังประเทศต่าง ๆ
ด้วยการลดอุณหภูมิลงถึง -160 องศาเซลเซียส ทำให้ปริมาตรเล็กลงถึง 600 เท่า สะดวกต่อการขนส่งทางเรือไปยังประเทศต่าง ๆ
สำหรับประเทศไทย การใช้ก๊าซธรรมชาติเริ่มต้นในปี 1981 หลังค้นพบแหล่งก๊าซในอ่าวไทย และวางท่อส่งก๊าซขึ้นฝั่ง เพื่อนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าและเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ด้วยคุณสมบัติของก๊าซธรรมชาติ ที่มีข้อดีกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น นั่นคือเป็นพลังงานสะอาด ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า ทำให้ก๊าซธรรมชาติกลายเป็นพลังงานหลักของประเทศ
แต่เมื่อความต้องการใช้พลังงานในประเทศเพิ่มสูงขึ้น การนำเข้าก๊าซธรรมชาติในรูปแบบ LNG จึงเป็นแนวทางเพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน ไทยจึงเริ่มนำเข้า LNG รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้ ปตท. ดำเนินโครงการ LNG Receiving Terminal เพื่อรองรับการนำเข้า LNG
โดยเรือบรรทุก LNG ลำแรก จากกาตาร์ ได้เดินทางมาถึงไทยในเดือนพฤษภาคมปี 2011 ถือเป็นจุดเริ่มต้นการนำเข้า LNG อย่างเป็นทางการของประเทศ
ปัจจุบัน LNG ถูกนำมาผ่านกระบวนการ Regasification เพื่อเปลี่ยนสถานะกลับมาเป็นก๊าซ และถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของระบบพลังงานไทย ทั้งในด้าน
- ผลิตไฟฟ้า
ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในโรงไฟฟ้า ที่ให้ประสิทธิภาพสูงและปล่อยมลพิษต่ำกว่าพลังงานฟอสซิลชนิดอื่น
ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในโรงไฟฟ้า ที่ให้ประสิทธิภาพสูงและปล่อยมลพิษต่ำกว่าพลังงานฟอสซิลชนิดอื่น
- อุตสาหกรรม
ใช้เป็นพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม
ใช้เป็นพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม
- ภาคขนส่ง และเชิงพาณิชย์
ใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์ ทั้งรถ NGV และ LNG Fuel สำหรับรถบรรทุก
ใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์ ทั้งรถ NGV และ LNG Fuel สำหรับรถบรรทุก
และเนื่องจาก LNG เป็นก๊าซที่นำเข้าจากต่างประเทศ และมีผลโดยตรงต่อความผันผวนของราคาก๊าซธรรมชาติในประเทศ การเข้าใจวิธีการซื้อขายและปัจจัยที่กำหนดราคา LNG จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ปัจจุบัน ราคาซื้อขาย LNG แตกต่างกันไปตามภูมิภาค โดยอิงกับตลาดหลัก 3 แห่ง คือ
1. ภูมิภาคอเมริกาเหนือ ใช้ Henry Hub (HH)
เป็นราคาก๊าซธรรมชาติที่ซื้อขายผ่านระบบท่อ โดยเป็นราคาเนื้อก๊าซ ยังไม่รวมค่าทำให้เป็นของเหลวและค่าขนส่ง
เป็นราคาก๊าซธรรมชาติที่ซื้อขายผ่านระบบท่อ โดยเป็นราคาเนื้อก๊าซ ยังไม่รวมค่าทำให้เป็นของเหลวและค่าขนส่ง
2. ภูมิภาคยุโรป
มีตลาดอ้างอิง 2 ตลาดหลัก คือ National Balancing Point (NBP) ของอังกฤษ และ Title Transfer Facility (TTF) ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นราคาก๊าซธรรมชาติที่ซื้อขายผ่านระบบท่อเช่นเดียวกัน
มีตลาดอ้างอิง 2 ตลาดหลัก คือ National Balancing Point (NBP) ของอังกฤษ และ Title Transfer Facility (TTF) ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นราคาก๊าซธรรมชาติที่ซื้อขายผ่านระบบท่อเช่นเดียวกัน
3. ภูมิภาคเอเชีย
ฝั่งเอเชียจะแตกต่างออกไป โดยใช้ 2 ดัชนีหลัก ได้แก่
ฝั่งเอเชียจะแตกต่างออกไป โดยใช้ 2 ดัชนีหลัก ได้แก่
- Japanese Crude Cocktail (JCC) ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยนำเข้าของญี่ปุ่น ใช้เป็นฐานอ้างอิงในสัญญาซื้อขายระยะยาว (Term Contracts)
- Japan/Korea Marker (JKM) ราคาซื้อขาย สำหรับรูปแบบสัญญารายเที่ยว (Spot LNG) ที่ใช้ในญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน และไต้หวัน
- Japan/Korea Marker (JKM) ราคาซื้อขาย สำหรับรูปแบบสัญญารายเที่ยว (Spot LNG) ที่ใช้ในญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน และไต้หวัน
โดยรูปแบบการซื้อขาย LNG สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
1. Term Contract (สัญญาระยะยาว)
เป็นสัญญาซื้อขายที่กำหนดราคา ปริมาณ และรอบส่งมอบแน่นอน ราคามักอิงกับราคาน้ำมันหรือก๊าซในตลาด
ช่วยให้บริหารต้นทุนและปริมาณได้ง่าย เหมาะสำหรับประเทศที่ต้องการความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาว
เป็นสัญญาซื้อขายที่กำหนดราคา ปริมาณ และรอบส่งมอบแน่นอน ราคามักอิงกับราคาน้ำมันหรือก๊าซในตลาด
ช่วยให้บริหารต้นทุนและปริมาณได้ง่าย เหมาะสำหรับประเทศที่ต้องการความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาว
2. Spot LNG (สัญญารายเที่ยว)
การซื้อขาย LNG แบบรายเที่ยว อิงราคาตลาดช่วงเวลานั้น เหมาะกับการบริหารความต้องการระยะสั้น หากซื้อช่วงราคาต่ำจะช่วยประหยัดต้นทุน แต่ก็เสี่ยงหากราคาพุ่งหรือซัปพลายตึงตัว
การซื้อขาย LNG แบบรายเที่ยว อิงราคาตลาดช่วงเวลานั้น เหมาะกับการบริหารความต้องการระยะสั้น หากซื้อช่วงราคาต่ำจะช่วยประหยัดต้นทุน แต่ก็เสี่ยงหากราคาพุ่งหรือซัปพลายตึงตัว
ปัจจุบัน หลายประเทศหันมาใช้ Term Contract มากขึ้น เพื่อล็อกต้นทุนและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด Spot ที่มีแนวโน้มขาขึ้น
แล้วอะไรคือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาของ LNG ?
1. ปัจจัยด้านอุปสงค์ เช่น
- สภาพอากาศตามฤดูกาล
ช่วงฤดูหนาวในยุโรปและอเมริกาเหนือ ความต้องการใช้ LNG เพื่อทำความร้อนพุ่งสูง ส่วนฤดูร้อนในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ความต้องการใช้ไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศก็สูงขึ้นตาม
ช่วงฤดูหนาวในยุโรปและอเมริกาเหนือ ความต้องการใช้ LNG เพื่อทำความร้อนพุ่งสูง ส่วนฤดูร้อนในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ความต้องการใช้ไฟฟ้าสำหรับเครื่องปรับอากาศก็สูงขึ้นตาม
- การเติบโตของเศรษฐกิจ
เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่าง ๆ กลับมาเดินเครื่องเต็มที่ ทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น อุปสงค์ LNG จึงสูงขึ้นตาม
เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่าง ๆ กลับมาเดินเครื่องเต็มที่ ทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น อุปสงค์ LNG จึงสูงขึ้นตาม
- ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ยุโรปต้องลดการพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย และหันมานำเข้า LNG จากแหล่งอื่น ก็เป็นปัจจัยดันราคาให้พุ่งสูง
เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ยุโรปต้องลดการพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย และหันมานำเข้า LNG จากแหล่งอื่น ก็เป็นปัจจัยดันราคาให้พุ่งสูง
2. ปัจจัยด้านอุปทาน เช่น
- กำลังการผลิตและการส่งออก
LNG ส่วนใหญ่ผลิตจากไม่กี่ประเทศ เช่น สหรัฐฯ, กาตาร์ และออสเตรเลีย หากมีโครงการใหม่ ๆ เข้ามา จะช่วยเพิ่มซัปพลายในตลาด
LNG ส่วนใหญ่ผลิตจากไม่กี่ประเทศ เช่น สหรัฐฯ, กาตาร์ และออสเตรเลีย หากมีโครงการใหม่ ๆ เข้ามา จะช่วยเพิ่มซัปพลายในตลาด
- ปัญหาด้านเทคนิคหรือภัยพิบัติ
การซ่อมบำรุง หรือภัยธรรมชาติ เช่น พายุเฮอริเคน ส่งผลกระทบต่อกำลังผลิตและส่งออก ทำให้ซัปพลายลดลง
การซ่อมบำรุง หรือภัยธรรมชาติ เช่น พายุเฮอริเคน ส่งผลกระทบต่อกำลังผลิตและส่งออก ทำให้ซัปพลายลดลง
สรุปง่าย ๆ ว่า ราคาของ LNG ก็เหมือนสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ทั่วไป เช่น น้ำมัน หรือทองคำ
ซึ่งก็คือเมื่อความต้องการเพิ่ม ราคาก็จะปรับขึ้น แต่หากความต้องการลดลง ราคาก็จะปรับตัวลงตาม...
ซึ่งก็คือเมื่อความต้องการเพิ่ม ราคาก็จะปรับขึ้น แต่หากความต้องการลดลง ราคาก็จะปรับตัวลงตาม...