
ข้าวไทย เจอสงครามราคา จากอินเดีย-เวียดนาม ราคาข้าวโลก ต่ำสุดรอบ 8 ปี
ข้าวไทย เจอสงครามราคา จากอินเดีย-เวียดนาม ราคาข้าวโลก ต่ำสุดรอบ 8 ปี /โดย ลงทุนแมน
ถ้า Netflix จะมีซีรีส์แบบสงครามส่งด่วนอีกครั้ง ตอนนี้
ข้าวไทย ก็คงเป็นพล็อตเรื่องที่แทบไม่ต่างอะไรกัน
ถ้า Netflix จะมีซีรีส์แบบสงครามส่งด่วนอีกครั้ง ตอนนี้
ข้าวไทย ก็คงเป็นพล็อตเรื่องที่แทบไม่ต่างอะไรกัน
เพราะปัจจุบัน ข้าวไทยกำลังเจอสงครามราคา จากเวียดนามและอินเดียที่มีราคาถูกกว่า มาแย่งส่วนแบ่งตลาดจากไทยไปเรื่อย ๆ
และล่าสุด พออินเดียกลับมาส่งออกข้าวอีกครั้ง หลังจากห้ามส่งออกเพราะต้องเก็บไว้บริโภคในประเทศ ก็ทำให้ราคาข้าวโลกต่ำสุดในรอบ 8 ปีเลยทีเดียว
ข้าวไทย กำลังเจอสงครามราคามากแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าบอกว่า ตอนนี้ข้าวไทยกำลังเจอสงครามราคา
ก็แปลว่า เราโดนคู่แข่งประเทศอื่น เข้ามาตัดราคาแข่งกับข้าวไทยมากขึ้น
ก็แปลว่า เราโดนคู่แข่งประเทศอื่น เข้ามาตัดราคาแข่งกับข้าวไทยมากขึ้น
ซึ่งถ้าถามว่าตัดราคาแข่งมากแค่ไหน ลองมาดูราคาข้าวแต่ละชนิดในตลาดโลกกัน
ข้าวขาวที่ผ่านการขัดสี โดยมีข้าวหักผสมไม่เกิน 5%
- อินเดีย 12,161 บาทต่อตัน
- ไทย 12,258 บาทต่อตัน
- เวียดนาม 12,810 บาทต่อตัน
- อินเดีย 12,161 บาทต่อตัน
- ไทย 12,258 บาทต่อตัน
- เวียดนาม 12,810 บาทต่อตัน
ข้าวนึ่ง
- อินเดีย 11,934 บาทต่อตัน
- ไทย 12,680 บาทต่อตัน
- อินเดีย 11,934 บาทต่อตัน
- ไทย 12,680 บาทต่อตัน
ข้าวหอม
- เวียดนาม 17,998 บาทต่อตัน
- อินเดีย 27,890 บาทต่อตัน
- ไทย 34,246 บาทต่อตัน
- เวียดนาม 17,998 บาทต่อตัน
- อินเดีย 27,890 บาทต่อตัน
- ไทย 34,246 บาทต่อตัน
ตัวเลขทั้งหมดนี้ สรุปอีกทีได้ว่า อินเดียส่งออกข้าวทุกแบบถูกกว่าไทย ส่วนเวียดนามส่งออกข้าวหอมได้ถูกกว่าไทย
พูดอีกอย่างก็คือ ข้าวไทยแพงกว่าข้าวอินเดียและเวียดนามนั่นเอง
แล้วทำไมข้าวไทย ถึงแพงกว่า ?
เหตุผลหลักเลยก็เพราะว่า ต้นทุนการผลิตแพง ถึงทำให้ข้าวไทยต้องตั้งราคาแพงตามขึ้นไปด้วย
ถ้าถามว่าทำไมต้นทุนการผลิตแพง ก็เพราะว่าผลผลิตต่อไร่ ของนาไทย ต่ำกว่าคู่แข่ง แถมยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลกอีกด้วย..
ผลผลิตต่อไร่ทั่วโลกปัจจุบันอยู่ที่ไร่ละ 507 กิโลกรัม
แต่ไทยทำได้เพียงไร่ละ 318 กิโลกรัม ต่ำกว่าเวียดนามที่ทำได้ไร่ละ 610 กิโลกรัม และอินเดีย 464 กิโลกรัม
แต่ไทยทำได้เพียงไร่ละ 318 กิโลกรัม ต่ำกว่าเวียดนามที่ทำได้ไร่ละ 610 กิโลกรัม และอินเดีย 464 กิโลกรัม
แล้วผลผลิตต่อไร่นี้สำคัญอย่างไร ให้ลองนึกภาพตามว่า ยิ่ง 1 ไร่ของเราให้ข้าวเยอะแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้ต้นทุนเฉลี่ยต่อการผลิตข้าว 1 ไร่ของเรา ต่ำลงมากขึ้นเท่านั้น
พอเป็นแบบนี้ เวลาที่ชาวนาไทยทำนา 1 ไร่ จึงมีต้นทุนเฉลี่ยที่แพงกว่าชาวนาเวียดนามและอินเดียนั่นเอง
นอกจากต้นทุนปลูกข้าวเฉลี่ยต่อไร่ที่แพงกว่าแล้ว
ชาวนาไทยส่วนใหญ่ยังปลูกข้าวนาปี ซึ่งต้องพึ่งพาน้ำฝนตามธรรมชาติในปริมาณสูงอีกด้วย
ชาวนาไทยส่วนใหญ่ยังปลูกข้าวนาปี ซึ่งต้องพึ่งพาน้ำฝนตามธรรมชาติในปริมาณสูงอีกด้วย
ทำให้ผลผลิตในบางปีออกมาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งต่างจากชาวนาเวียดนาม ที่อยู่ในเขตชลประทานกว่า 90% จึงลดความเสี่ยงในการพึ่งพาฝนจากธรรมชาติแค่อย่างเดียว
จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมผลผลิตต่อไร่ของไทย ถึงต่ำกว่าคู่แข่งอย่างมาก และเมื่อต้องพึ่งพาฝนจากธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นช้ากว่าคู่แข่งไปอีก
เห็นได้จากในช่วงปี 2556-2566 ผลผลิตต่อไร่ของข้าวไทย เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 0.08% ต่างกับเวียดนาม ที่เพิ่มขึ้นปีละ 0.53% และอินเดีย ที่เพิ่มขึ้นถึงปีละ 1.79%
ตัวเลขแค่นี้ดูไม่ต่างกันมาก แต่พอผ่านไป 10 ปี
พลังทบต้นของผลผลิตต่อไร่ ทำให้ชาวนาอินเดียมีข้าวเพิ่มขึ้นเกือบ 20% และชาวนาเวียดนามมีข้าวเพิ่มขึ้น 5%
พลังทบต้นของผลผลิตต่อไร่ ทำให้ชาวนาอินเดียมีข้าวเพิ่มขึ้นเกือบ 20% และชาวนาเวียดนามมีข้าวเพิ่มขึ้น 5%
แต่ชาวนาไทย ได้แต่มองข้าวที่ตัวเองผลิตได้เพิ่มขึ้นมาแค่
0.8% เท่านั้น เรียกได้ว่า มองด้วยตาเปล่าก็คงไม่เห็นความแตกต่างอะไรเลยแม้แต่น้อย..
0.8% เท่านั้น เรียกได้ว่า มองด้วยตาเปล่าก็คงไม่เห็นความแตกต่างอะไรเลยแม้แต่น้อย..
และนอกจากต้นทุนผลิตที่ทำให้ข้าวไทยแพงกว่าข้าวอินเดียกับเวียดนามแล้ว เงินบาทไทย ก็เป็นตัวฉุดให้ข้าวไทยแพงขึ้นในสายตาประเทศนำเข้าอีกด้วย
เวลาผ่านไป 10 ปี ถ้าเอาเงินบาท เงินดอง และเงินรูปี ไปเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐแล้ว จะพบว่า
- เงินบาท แข็งค่าขึ้น 8.8%
- เงินดอง อ่อนค่าลง 18.8%
- เงินรูปี อ่อนค่าลง 33.3%
- เงินดอง อ่อนค่าลง 18.8%
- เงินรูปี อ่อนค่าลง 33.3%
การที่เงินดองและรูปีอ่อนค่า ก็แปลว่า ข้าวอินเดียกับเวียดนาม ดูถูกลงในสายตาประเทศอื่น สวนทางกับข้าวไทย ที่ดูแพงขึ้นเมื่อนำเข้ามานั่นเอง
สรุปแล้ว ไม่ใช่แค่ต้นทุนผลิตที่แพงเท่านั้น แต่ค่าเงินบาท
ที่แข็งกว่าประเทศคู่แข่ง ก็ยิ่งแปะป้ายให้ข้าวไทย แพงมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก..
ที่แข็งกว่าประเทศคู่แข่ง ก็ยิ่งแปะป้ายให้ข้าวไทย แพงมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก..
ทั้งหมดนี้เอง ก็ทำให้ข้าวไทยเสียส่วนแบ่งตลาดเกือบทุกทวีปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่แอฟริกา เอเชีย ยุโรป ไปจนถึงออสเตรเลียและโอเชียเนีย
ซึ่งส่วนแบ่งตลาดที่เสียไปก็ไม่ได้หายไปไหนไกล แต่ไป
เข้ากระเป๋าชาวนาอินเดียและเวียดนาม ที่ขยับมาแทนที่ข้าวไทยในทวีปเหล่านี้แทน
เข้ากระเป๋าชาวนาอินเดียและเวียดนาม ที่ขยับมาแทนที่ข้าวไทยในทวีปเหล่านี้แทน
โดยในฝั่งทวีปแอฟริกาที่นิยมกินข้าวนึ่ง แม้เป็นข้าวที่มีแป้งน้อย แต่มีสารอาหารอื่น ๆ อย่างโปรตีนและวิตามินสูง ถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดจากอินเดียที่ทำต้นทุนได้ถูกกว่า
ส่วนในฝั่งข้าวหอม ที่เป็นข้าวคุณภาพสูง เวียดนามก็เข้ามาแย่งตลาดในฝั่งเอเชีย เพราะสามารถผลิตข้าวพันธุ์พื้นนุ่ม ที่มีราคาไม่แพง ตรงกับความต้องการของตลาดได้
แม้ปัจจุบัน ไทยกำลังปลูกข้าวพันธุ์แบบนี้มากขึ้น แต่ก็ยังปลูกไม่แพร่หลายเท่าไร ทำให้ยังไม่มีผลผลิตส่งออกไปแข่งขันกับเวียดนามได้มากเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม แม้ข้าวไทยเสียส่วนแบ่งตลาดเกือบทุกทวีป
แต่ยังมีทวีปหนึ่งที่ข้าวไทยยังปักธงได้แน่น นั่นคือ ทวีปอเมริกา ที่มีตลาดหลักเป็นสหรัฐอเมริกา
แต่ยังมีทวีปหนึ่งที่ข้าวไทยยังปักธงได้แน่น นั่นคือ ทวีปอเมริกา ที่มีตลาดหลักเป็นสหรัฐอเมริกา
ซึ่งปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกข้าวหลักของไทย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่มีราคาแพง แต่ยังคงคุณภาพสูงและมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน
แต่สุดท้าย ก็ปฏิเสธความจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ดีว่า
ข้าวไทยกำลังเจอสงครามราคาสองด้าน ทั้งฝั่งอินเดียและเวียดนามที่พร้อมมาแย่งตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ข้าวไทยกำลังเจอสงครามราคาสองด้าน ทั้งฝั่งอินเดียและเวียดนามที่พร้อมมาแย่งตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
และถ้าประเทศไทยยังติดกับดักการเล่นเกมสงครามราคาแบบนี้ต่อไป ราคาในตลาดโลกที่ตกต่ำ ก็จะยิ่งถูกกดให้ต่ำมาเรื่อย ๆ จนถึงชาวนาที่ปลูกข้าวอยู่ต้นน้ำ
ชาวนาไทยที่มีต้นทุนการผลิตสูงอยู่แล้ว ก็ต้องคอยรอรับเงินอุดหนุนราคาจากรัฐต่อไป จนไม่สามารถพัฒนาการผลิตใหม่ ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ได้
กลับกัน ถ้าประเทศไทยสามารถหลุดพ้นกับดักสงครามราคาออกมาได้ด้วยการเลือกตลาดพรีเมียมไปเลย หรือแปรรูปข้าวให้มีมูลค่าเพิ่มมากกว่านี้
ข้าวไทยก็ยังคงยืนหยัดได้ในเวทีโลก แม้ต้องเจอสงครามราคาเข้ามามากแค่ไหนก็ตาม..
References
-การศึกษาแนวทางการสร้างเสถียรภาพการค้าสินค้าข้าว สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์
-สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
-https://www.ft.com/content/68b38273-5a03-4943-bfea-0f8085671033
-http://www.thairiceexporters.or.th/
-https://www.xe.com/currencycharts/?from=USD&to=INR&view=10Y
-การศึกษาแนวทางการสร้างเสถียรภาพการค้าสินค้าข้าว สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์
-สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
-https://www.ft.com/content/68b38273-5a03-4943-bfea-0f8085671033
-http://www.thairiceexporters.or.th/
-https://www.xe.com/currencycharts/?from=USD&to=INR&view=10Y