
สรุป กลุ่ม Vingroup ตัวลาก ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่เป็นระเบิดเวลา
สรุป กลุ่ม Vingroup ตัวลาก ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่เป็นระเบิดเวลา /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า ตลาดหุ้นเวียดนาม (HOSE) มีมูลค่า 8.6 ล้านล้านบาท
แต่สัดส่วนราว 15% หรือ 1.3 ล้านล้านบาท คือมูลค่าบริษัทของทั้งกลุ่ม Vingroup รวมกัน ซึ่งเป็นกลุ่มทุนใหญ่สุดของเวียดนาม
รู้ไหมว่า ตลาดหุ้นเวียดนาม (HOSE) มีมูลค่า 8.6 ล้านล้านบาท
แต่สัดส่วนราว 15% หรือ 1.3 ล้านล้านบาท คือมูลค่าบริษัทของทั้งกลุ่ม Vingroup รวมกัน ซึ่งเป็นกลุ่มทุนใหญ่สุดของเวียดนาม
แปลว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในกลุ่มบริษัทนี้
ส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามมากตามไปด้วย
ส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามมากตามไปด้วย
ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
- Vingroup +205%
- Vinhomes +139%
- Vincom +75%
- Vinpearl -20% (เข้าตลาดหุ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา)
- Vingroup +205%
- Vinhomes +139%
- Vincom +75%
- Vinpearl -20% (เข้าตลาดหุ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา)
เทียบกับ ตลาดหุ้นเวียดนาม +30%
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ หลายคนลงทุนหุ้นเวียดนามแล้วรู้สึกว่าไม่ไปไหน หุ้นขึ้นน้อยกว่าดัชนี
ล่าสุด ดร.นิเวศน์ เขียนบทความตลาดหุ้นเวียดนามขึ้น แต่หุ้นเวียดนามในพอร์ตของ ดร.นิเวศน์ ไม่ขึ้น หนึ่งในสาเหตุหลักก็คือเรื่องนี้
กลุ่ม Vingroup กำลังมีราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นแรงกว่าหุ้นกลุ่มอื่นในตลาดเวียดนาม จนกำลังบิดเบือนภาพรวมตลาดหุ้นเวียดนามให้ขึ้นสูงเกินจริง และกลายเป็นระเบิดเวลาในอนาคต
แล้ว Vingroup คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Vingroup ถูกก่อตั้งขึ้นโดยคุณ Pham Nhat Vuong
มหาเศรษฐีรวยสุดในเวียดนามคนปัจจุบัน
มหาเศรษฐีรวยสุดในเวียดนามคนปัจจุบัน
เกิดจากการควบรวม Vincom ธุรกิจศูนย์การค้า และ Vinpearl ธุรกิจโรงแรม เข้าด้วยกันในปี 2012
ปัจจุบัน Vingroup เป็นบริษัทโฮลดิง ที่ประกอบไปด้วยเครือบริษัทอื่น ๆ
มีทั้ง ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ศูนย์การค้า โรงแรม โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย เทคโนโลยี รวมไปถึงธุรกิจรถยนต์
มีทั้ง ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ศูนย์การค้า โรงแรม โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย เทคโนโลยี รวมไปถึงธุรกิจรถยนต์
บริษัทนี้มีมูลค่า 579,500 ล้านบาท ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียง Vietcombank ธนาคารใหญ่สุดของเวียดนาม
ซึ่งวันนี้ Vingroup ซื้อขายบน P/E สูงถึง 35 เท่า
ซึ่งวันนี้ Vingroup ซื้อขายบน P/E สูงถึง 35 เท่า
และถ้าไปดู P/BV ระดับ 3 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก
เทียบกับบริษัท Conglomerate ระดับโลกที่เป็นโฮลดิง ที่มีธุรกิจกระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรม
เทียบกับบริษัท Conglomerate ระดับโลกที่เป็นโฮลดิง ที่มีธุรกิจกระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรม
- Samsung 1.2 เท่า
- Berkshire Hathaway 1.6 เท่า
- Reliance Industries 1.9 เท่า
- Berkshire Hathaway 1.6 เท่า
- Reliance Industries 1.9 เท่า
ผลประกอบการที่ผ่านมาของ Vingroup
ปี 2021
รายได้ 150,800 ล้านบาท กำไร -3,000 ล้านบาท
รายได้ 150,800 ล้านบาท กำไร -3,000 ล้านบาท
ปี 2022
รายได้ 122,200 ล้านบาท กำไร 10,500 ล้านบาท
รายได้ 122,200 ล้านบาท กำไร 10,500 ล้านบาท
ปี 2023
รายได้ 193,700 ล้านบาท กำไร 2,600 ล้านบาท
รายได้ 193,700 ล้านบาท กำไร 2,600 ล้านบาท
ปี 2024
รายได้ 226,900 ล้านบาท กำไร 14,300 ล้านบาท
รายได้ 226,900 ล้านบาท กำไร 14,300 ล้านบาท
6 เดือนแรก ปี 2025
รายได้ 156,400 ล้านบาท กำไร 7,700 ล้านบาท
รายได้ 156,400 ล้านบาท กำไร 7,700 ล้านบาท
โดยบริษัทในเครือ Vingroup แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มธุรกิจ
1. อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
- VinAI, VinBigData, VinHMS, VinCSS, VinRobotics, VinMotion ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AI, เทคโนโลยีข้อมูล, แพลตฟอร์มการจัดการธุรกิจ, ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และหุ่นยนต์
- VinBus ผู้ให้บริการรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะ
- VinFast ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ที่มีมูลค่าบริษัท 268,300 ล้านบาท
โดยจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดย Vingroup ถือหุ้นใหญ่อยู่ 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
ผลประกอบการที่ผ่านมาของ VinFast
ปี 2024 มีรายได้ 52,800 ล้านบาท ขาดทุน 92,700 ล้านบาท
2. พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบริการ
- Vinhomes ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีโครงการที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดมิเนียม, บ้านเดี่ยว รวมไปถึงโครงการแบบ Mixed-Use ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 14 เท่า
มีมูลค่าบริษัทใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเวียดนาม ประมาณ 476,100 ล้านบาท โดย Vingroup ถือหุ้นใหญ่ ในสัดส่วน 74% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
ผลประกอบการปี 2024 ของ Vinhomes
รายได้ 122,800 ล้านบาท กำไร 38,200 ล้านบาท
รายได้ 122,800 ล้านบาท กำไร 38,200 ล้านบาท
เทียบให้เห็นภาพ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่สุดของไทย มี P/E 9 เท่า
ผลประกอบการปี 2024 ของ LH
รายได้ 26,000 ล้านบาท กำไร 5,500 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 2024 ของ LH
รายได้ 26,000 ล้านบาท กำไร 5,500 ล้านบาท
- Vinpearl ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว โดยมีรีสอร์ต, โรงแรม, วิลลา, สวนสนุก และสนามกอล์ฟ
มีมูลค่าบริษัทประมาณ 175,400 ล้านบาท
และ Vingroup ถือหุ้นใหญ่อยู่ในสัดส่วน 86%
และ Vingroup ถือหุ้นใหญ่อยู่ในสัดส่วน 86%
ผลประกอบการที่ผ่านมาของ Vinpearl
ปี 2024
รายได้ 17,300 ล้านบาท กำไร 3,100 ล้านบาท
รายได้ 17,300 ล้านบาท กำไร 3,100 ล้านบาท
ซึ่งถ้าลองคิด P/E บนกำไรของปี 2024 Vinpearl จะซื้อขายกันบน P/E สูงถึง 56 เท่า
และเทียบกับ กลุ่มไมเนอร์ฯ (MINT) ในไทย ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมหลายแห่งในไทยและต่างประเทศ ที่มีมูลค่า 136,600 ล้านบาท และมี P/E 19 เท่า
โดยผลประกอบการปี 2024 ของ MINT
รายได้ 165,400 ล้านบาท กำไร 7,800 ล้านบาท
รายได้ 165,400 ล้านบาท กำไร 7,800 ล้านบาท
ซึ่ง MINT มีกำไรเป็น 2 เท่า ของ Vinpearl
แต่มูลค่าบริษัทเล็กกว่า Vinpearl เสียอีก..
แต่มูลค่าบริษัทเล็กกว่า Vinpearl เสียอีก..
- Vincom Retail เป็นผู้พัฒนาและให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าที่เปิดดำเนินการอยู่ 88 แห่ง ครอบคลุม 48 เมืองทั่วประเทศ
Vincom Retail ปัจจุบันซื้อขายกันที่ P/E 15 เท่า มีมูลค่าบริษัทประมาณ 81,800 ล้านบาท โดย Vingroup ถือหุ้นอยู่ราว ๆ 19%
ผลประกอบการที่ผ่านมาของ Vincom Retail
ปี 2024 มีรายได้ 10,700 ล้านบาท กำไร 4,900 ล้านบาท
ปี 2024 มีรายได้ 10,700 ล้านบาท กำไร 4,900 ล้านบาท
คล้ายกับ เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ในไทย ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาศูนย์การค้าในไทย ที่ปัจจุบันมีมูลค่าบริษัท 241,200 ล้านบาท ซื้อขายกันที่ P/E 15 เท่า เช่นกัน
โดยผลประกอบการปี 2024 ของ CPN
มีรายได้ 53,900 ล้านบาท กำไร 16,700 ล้านบาท
มีรายได้ 53,900 ล้านบาท กำไร 16,700 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่ม Vingroup มีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับหุ้นไทยในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ก็มีหุ้นบางตัว เช่น Vincom Retail ที่อาจมีราคาอยู่ในระดับเดียวกับหุ้นไทยในอุตสาหกรรมเดียวกัน
3. กิจการเพื่อสังคม
- Vinmec ให้บริการด้านสุขภาพและการแพทย์ มีโรงพยาบาลและคลินิก
- Vinschool โรงเรียนที่มีระบบการศึกษา ครอบคลุมตั้งแต่ระดับอนุบาล ถึงชั้น ม.6
- VinUniversity มหาวิทยาลัยเอกชน
- Vinschool โรงเรียนที่มีระบบการศึกษา ครอบคลุมตั้งแต่ระดับอนุบาล ถึงชั้น ม.6
- VinUniversity มหาวิทยาลัยเอกชน
อย่างไรก็ตาม หลายปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงอุปสรรคของกลุ่ม Vingroup มาตลอด
ไล่ตั้งแต่ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ที่เกิดขึ้นในเวียดนาม
จนธนาคารเข้มงวดในการปล่อยกู้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ และผู้กู้ ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ กดดันผลประกอบการของ Vinhomes ที่เป็นแหล่งรายได้หลักของ Vingroup
จนธนาคารเข้มงวดในการปล่อยกู้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ และผู้กู้ ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ กดดันผลประกอบการของ Vinhomes ที่เป็นแหล่งรายได้หลักของ Vingroup
รวมถึงการสนับสนุนเงินใน VinFast อย่างมหาศาล
ที่กำลังอยู่ในจุดที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องหลายปี
เพื่อดันธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าไปตีตลาดโลก ท่ามกลางคู่แข่งมากมาย
ที่กำลังอยู่ในจุดที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องหลายปี
เพื่อดันธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าไปตีตลาดโลก ท่ามกลางคู่แข่งมากมาย
ซึ่งเป็นตัวฉุดผลประกอบการ และสถานะการเงินของบริษัทแม่อย่าง Vingroup
ถ้าเราลองดูกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ผ่านมา
ปี 2021
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน -17,000 ล้านบาท
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน -17,000 ล้านบาท
ปี 2022
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน -4,000 ล้านบาท
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน -4,000 ล้านบาท
ปี 2023
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน -24,000 ล้านบาท
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน -24,000 ล้านบาท
ปี 2024
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 25,000 ล้านบาท
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 25,000 ล้านบาท
6 เดือน ปี 2025
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 52,900 ล้านบาท
กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 52,900 ล้านบาท
จะเห็นว่า กระแสเงินสดจากการดำเนินงานติดลบติดต่อกัน และแม้จะมีทิศทางดีขึ้น นับตั้งแต่ปี 2024 แต่จุดที่น่าสังเกตคือ หนี้สินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ณ ไตรมาส 2 ปี 2025
Vingroup มีหนี้สินกว่า 967,000 ล้านบาท (เป็นหนี้ระยะสั้น 608,000 ล้านบาท)
Vingroup มีหนี้สินกว่า 967,000 ล้านบาท (เป็นหนี้ระยะสั้น 608,000 ล้านบาท)
และคิดเป็นอัตราหนี้สินต่อทุนสูงถึง 5 เท่า..
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของทั้งกลุ่ม Vingroup ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ถือเป็นแรงสำคัญในการลากดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามให้ขึ้นแรง
โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา การที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว +30% หรือขึ้นมา +400 จุดของดัชนี เป็นผลจากราคาหุ้นของทั้งกลุ่ม Vingroup ปรับตัวเพิ่มขึ้น สร้างผลกระทบถึง +160 จุดเลยทีเดียว..
ถือเป็นตัวบิดเบือนตลาดหุ้นเวียดนาม ที่หลายคนลงทุนหุ้นเวียดนาม หรือกองทุนหุ้นเวียดนาม ที่ไม่ได้มีหุ้นกลุ่มนี้ อาจไม่ได้รู้สึกว่าพอร์ตปรับตัวขึ้นตามดัชนี หรือผลตอบแทนแพ้ตลาด..
และการที่ราคาหุ้นทั้งกลุ่ม Vingroup พุ่งแรง ก็ทำให้คุณ Pham Nhat Vuong ผู้ก่อตั้ง Vingroup ร่ำรวยขึ้นมาก
โดยตอนนี้เขามีความมั่งคั่งกว่า 370,000 ล้านบาท รวยขึ้น 117% หรือมากกว่าเท่าตัว นับจากตอนต้นปี..
และนอกจากประเด็นของกลุ่ม Vingroup ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
อีกปัจจัยสำคัญในการลากดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามให้ขึ้นมาอย่างร้อนแรง คือ เรื่องการใช้มาร์จิน หรือใช้เงินกู้มาซื้อหุ้น ที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
โดยปัจจุบัน ข้อมูลเดือนกรกฎาคม เงินกู้ยืมมาลงทุนหุ้นสูงราว 400,000 ล้านบาท คิดเป็น 110% ของมูลค่าของสินทรัพย์ที่ค้ำประกัน
หรือพูดง่าย ๆ ว่า วันนี้นักลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ที่ใช้มาร์จิน มีเงินลงทุนของตัวเอง 100 บาท จะกู้เงินมาอีก 110 บาท เพื่อนำไปลงทุนหุ้น
แน่นอนว่า ถ้าหากตลาดเวียดนามปรับตัวลง
เราอาจจะเห็นภาพนักลงทุนถูกบังคับขายหุ้น เพราะหาเงินมาเติมหลักประกันไม่ทัน
เราอาจจะเห็นภาพนักลงทุนถูกบังคับขายหุ้น เพราะหาเงินมาเติมหลักประกันไม่ทัน
ซึ่งอาจเป็นเหมือนระเบิดเวลาอีกลูก ในตลาดหุ้นเวียดนามในตอนนี้..
หมายเหตุ : โพสต์นี้เพียงนำเสนอข้อมูล มิได้แนะนำให้ซื้อหรือขายหุ้นแต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน