
โปแลนด์ ประเทศที่รายได้ต่อหัวโต 1,100% ใน 30 ปี เพราะใช้ยาแรง ปฏิรูปเศรษฐกิจ
โปแลนด์ ประเทศที่รายได้ต่อหัวโต 1,100% ใน 30 ปี เพราะใช้ยาแรง ปฏิรูปเศรษฐกิจ /โดย ลงทุนแมน
- โปแลนด์ อดีตประเทศที่เคยเข้าใกล้การล่มสลายของเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบัน กลายเป็นประเทศที่มีการเติบโตสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มสหภาพยุโรป (EU)
- โปแลนด์ อดีตประเทศที่เคยเข้าใกล้การล่มสลายของเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบัน กลายเป็นประเทศที่มีการเติบโตสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มสหภาพยุโรป (EU)
เส้นทางของเศรษฐกิจโปแลนด์ ทำไมถึงน่าสนใจ
จากประเทศที่เกือบล่มสลาย กลายเป็นดาวเด่น ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จากประเทศที่เกือบล่มสลาย กลายเป็นดาวเด่น ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจโปแลนด์ เริ่มต้นขึ้นในปี 1989 หลังโปแลนด์หลุดออกจากอิทธิพลของสหภาพโซเวียต
แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจก็เปลี่ยนแปลงตามไป โดยรัฐบาลโปแลนด์ที่ได้รับเลือกตั้งในปีนั้น ตั้งใจปฏิรูปเศรษฐกิจ จากที่พึ่งพาภาครัฐ ให้เปลี่ยนเป็นการพึ่งพาระบบตลาดเสรีแทน
โดยเริ่มต้นด้วยการดำเนินแผนปฏิรูปเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1990
แผนดังกล่าวถูกเรียกในเวลาต่อมาว่า “แผนบัลเซโรวิช” (Balcerowicz Plan) ซึ่งตั้งตามชื่อของนายเลสเซก บัลเซโรวิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนักเศรษฐศาสตร์ ในเวลานั้น
ตัวอย่างนโยบายที่สำคัญในแผน
- กำหนดค่าเงินซวอตี ไว้ในระดับต่ำ (ชั่วคราว)
- ยกเลิกการออกใบอนุญาตทางการค้าจากรัฐ
- กำหนดเพดานค่าจ้างเฉพาะบริษัท และปรับตามเงินเฟ้อเพียงบางส่วน
- ยกเลิกการออกใบอนุญาตทางการค้าจากรัฐ
- กำหนดเพดานค่าจ้างเฉพาะบริษัท และปรับตามเงินเฟ้อเพียงบางส่วน
นโยบายข้างต้น มีส่วนส่งเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของธุรกิจเอกชน เพื่อให้สามารถผลิตเพื่อการส่งออกได้
อย่างไรก็ดี ในช่วงแรกของการดำเนินแผนปฏิรูปเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจของเอกชนที่รัฐบาลตั้งความหวังให้เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนภาครัฐนั้น ยังไม่ได้ขยายตัวขึ้นได้มากพอ ที่จะสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีได้
ขณะเดียวกัน นโยบายอีกหลายรายการ ที่พยายามเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจ โดยมุ่งให้รัฐจำกัดหน้าที่การสนับสนุนทางเศรษฐกิจ เช่น
- ระงับเงินสนับสนุนกับรัฐวิสาหกิจ ที่ประสบผลขาดทุน
- บังคับใช้กฎหมายล้มละลายกับรัฐวิสาหกิจมากขึ้น
- การปล่อยเสรีราคาสินค้าเกือบทั้งหมด
- บังคับใช้กฎหมายล้มละลายกับรัฐวิสาหกิจมากขึ้น
- การปล่อยเสรีราคาสินค้าเกือบทั้งหมด
ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้โปแลนด์เจอกับภาวะเงินเฟ้อสูง พร้อมกับการว่างงานในระดับสูง
ซึ่งรัฐบาลแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับสูง แม้สามารถชะลอเงินเฟ้อลงได้จริง แต่นับเป็นการซ้ำเติมภาคเศรษฐกิจเข้าไปอีก
ยิ่งไปกว่านั้นในปี 1991 จากการล่มสลายของกลุ่มสหภาพโซเวียต ทำให้เศรษฐกิจโปแลนด์เจอวิกฤติจากภายนอก มูลค่าการส่งออกสินค้าลดลงอย่างมาก
ทำให้ในช่วงแรกของการปฏิรูปเศรษฐกิจ โปแลนด์ต้องเจอกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย สะท้อนผ่าน
ข้อมูล Real GDP
ปี 1990 หดตัวลง 7.2%
ปี 1991 หดตัวลง 7.0%
ปี 1990 หดตัวลง 7.2%
ปี 1991 หดตัวลง 7.0%
ข้อมูลการว่างงาน
มกราคม ปี 1990 อยู่ที่ 0.3%
ธันวาคม ปี 1991 อยู่ที่ 12.2%
มกราคม ปี 1990 อยู่ที่ 0.3%
ธันวาคม ปี 1991 อยู่ที่ 12.2%
ข้อมูลด้านเงินเฟ้อ
ปี 1990 เพิ่มขึ้นที่ 250%
ปี 1991 เพิ่มขึ้นที่ 70%
ปี 1990 เพิ่มขึ้นที่ 250%
ปี 1991 เพิ่มขึ้นที่ 70%
ถึงจะถดถอยในช่วงแรก แต่เป็นเสมือนยาแรงที่ช่วยทำให้หลังจากนั้นเศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด
เพราะหลังจากเวลานั้น เศรษฐกิจโปแลนด์เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยที่ 5.2% ต่อปี ในระหว่างปี 1992-1998
ภาพเศรษฐกิจที่ดีของโปแลนด์ ทำให้ถูกขนานนามว่าเป็น “เสือแห่งยุโรปตะวันออก” ในเวลานั้น
ซึ่งล้อไปกับช่วงการรุ่งโรจน์ของกลุ่มประเทศเอเชีย ที่มี 4 เสือเศรษฐกิจ รวมถึงมีประเทศว่าที่เสือตัวที่ 5 ของเอเชีย นั่นคือ ไทย
แม้เส้นทางการเป็นเสือเศรษฐกิจของไทย นั้นค่อนข้างหวือหวากว่าโปแลนด์
แต่วิกฤติการเงินเอเชียในปี 1997 ทำให้ไทยหลุดออกจากเส้นทางการเป็นเสือเศรษฐกิจ จนถึงทุกวันนี้
ขณะที่เศรษฐกิจโปแลนด์ สามารถรักษาการเติบโตไว้ได้
ขณะที่เศรษฐกิจโปแลนด์ สามารถรักษาการเติบโตไว้ได้
ซึ่งภาคเอกชน เป็นหัวใจหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโปแลนด์ โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของขนาดเศรษฐกิจในปี 2000 สูงขึ้นจากราว 28% ในปี 1989
ภาคเอกชนของโปแลนด์ เติบโตผ่านทั้งภาคการส่งออก และการลงทุน พร้อมการบริโภคภายในที่แข็งแกร่งขึ้น จากการเติบโตของรายได้ประชากร
โดยรายได้ประชากรยิ่งมีการเร่งตัวขึ้น หลังเปลี่ยนระบบการกำหนดค่าจ้างให้เป็นไปตามกลไกตลาด ควบคู่ไปกับการเจรจาระหว่างกลุ่มนายจ้างและสหภาพแรงงาน ตั้งแต่ปี 1995
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศที่มีส่วนผลักดันการเติบโตของภาคเอกชนของโปแลนด์ คือ กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) ทำให้โปแลนด์เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม EU ในปี 2004
กลุ่มประเทศ EU โดยเฉพาะเยอรมนี ถือเป็นประเทศปลายทางที่สำคัญ สำหรับสินค้าส่งออกของโปแลนด์
อีกทั้งยังนับเป็นผู้สนับสนุนหลักในการลงทุนโดยตรง (FDI) ของภาคธุรกิจในโปแลนด์เช่นกัน
นอกจากเยอรมนีแล้ว โปแลนด์ยังได้รับการสนับสนุนทั้งการค้าและการลงทุน จากประเทศสมาชิก EU อื่น ๆ ตั้งแต่ช่วงก่อนเข้า EU อาทิ เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส
ซึ่งระหว่างปี 1990-2022 โปแลนด์ได้รับเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากขึ้นกว่า 334 เท่า
FDI ดังกล่าว ช่วยส่งเสริมให้เกิดฐานการผลิตอุตสาหกรรมใหม่ ๆ สินค้าส่งออกของโปแลนด์ จึงมีความหลากหลาย และระดับการพัฒนาที่สูงขึ้น
และด้วยสถานะสมาชิก EU ของโปแลนด์ ยังทำให้ได้รับเงินลงทุน จากธุรกิจของประเทศนอกกลุ่ม EU ด้วย
ธุรกิจอาหารไทยที่มีชื่อเสียงอย่าง ซีพีเอฟ, ไทยยูเนี่ยน และ ส.ขอนแก่น ก็ได้มีการลงทุนในโปแลนด์ เพื่อขยายตลาดการส่งออกในประเทศกลุ่ม EU
นอกจากนั้น การศึกษาของโปแลนด์ ยังได้ถูกพัฒนาให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ EU ทำให้ผู้คนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ และกลายเป็นแรงงานที่มีทักษะและความสามารถในระดับสูงขึ้น
ทำให้การเข้าร่วมกลุ่ม EU นับเป็นอีกจุดดีดตัวของเศรษฐกิจโปแลนด์ สะท้อนผ่านมูลค่าการส่งออก
ปี 2003 มีมูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท (ก่อนร่วมกลุ่ม EU)
ปี 2024 มีมูลค่า 12.0 ล้านล้านบาท
ปี 2024 มีมูลค่า 12.0 ล้านล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตถึง 7 เท่า หรือเฉลี่ยที่ 10% ต่อปี
โดยโปแลนด์ส่งออกสินค้าให้กลุ่มประเทศ EU คิดเป็นสัดส่วนราว 3 ใน 4 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด
หนุนให้ในปี 2024 ขนาดเศรษฐกิจของโปแลนด์ เติบโตสู่ 29 ล้านล้านบาท สูงกว่า 13 เท่า จากปี 1990
ส่วนรายได้ต่อหัว (GNI per Capita) มาอยู่ที่ 683,000 บาทต่อปี หรือเติบโตกว่า 1,189% ในช่วงระหว่างปี 1990-2024
ธนาคารโลกจึงจัดให้ โปแลนด์ อยู่ในกลุ่มประเทศรายได้สูง (High-Income Country)
แม้ปัจจุบัน เศรษฐกิจโปแลนด์เติบโตชะลอตัวลง จากช่วงก่อนหน้า แต่ยังคงมีการเติบโตที่สูง เป็นอันดับ 6 ของกลุ่มสหภาพยุโรป และยังคงเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก (CEE)
ซึ่งกลุ่มที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นหลัก ก็ยังคงเป็นภาคเอกชน และรัฐบาลโปแลนด์ ยังจำกัดหน้าที่ ที่จะเป็นเพียงแค่ผู้สนับสนุนภาคเอกชนเช่นเดิม
รูปแบบของเศรษฐกิจโปแลนด์ในวันนี้ ทำให้ช่วงเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ ในระหว่างปี 1990-1991 ถูกตั้งชื่อให้ว่าเป็น “Shock Therapy”
เพราะนับเป็นการใช้ยาแรง ที่ทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงในช่วงแรก แต่นับเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเอกชนในประเทศ ที่จะคอยเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่แท้จริงในระยะยาว..
References
- Blue Europe
- Britannica
- European Union
- International Monetary Fund
- International Monetary Fund, (Mark De Broeck and Vincent Koen)
- PBS
- Polish Economic Institute
- Leszek Balcerowicz
- London School of Economics, (Stanislaw Gomulka and Piotr Jasinski)
- Histofun Deluxe
- The World Bank
- National Bureau of Economic Research, (Andrew Berg and Olivier Jean Blanchard)
- United Nations Statistics Division
- World Integrated Trade Solution
- Blue Europe
- Britannica
- European Union
- International Monetary Fund
- International Monetary Fund, (Mark De Broeck and Vincent Koen)
- PBS
- Polish Economic Institute
- Leszek Balcerowicz
- London School of Economics, (Stanislaw Gomulka and Piotr Jasinski)
- Histofun Deluxe
- The World Bank
- National Bureau of Economic Research, (Andrew Berg and Olivier Jean Blanchard)
- United Nations Statistics Division
- World Integrated Trade Solution