
ถอดรหัส Owner Operation โมเดลธุรกิจของ WashXpress ที่ทำให้เทรนด์ซักผ้าเป็นเรื่องง่าย จนทำให้บริษัทเติบโตสู่ IPO
WASH X ลงทุนแมน
ถ้าถามว่า ธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างร้อนแรงยุคนี้ มีธุรกิจอะไรบ้าง
หนึ่งในนั้น น่าจะมี “ร้านสะดวกซักครบวงจร” ที่กำลังขยายสาขาครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
หนึ่งในนั้น น่าจะมี “ร้านสะดวกซักครบวงจร” ที่กำลังขยายสาขาครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
เพราะนี่คือธุรกิจที่มาตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้อย่างลงตัว เมื่อไลฟ์สไตล์คนเมืองขยายตัวต่อเนื่อง พฤติกรรมผู้บริโภคยอมจ่ายเงินในราคาที่คุ้มค่า เพื่อแลกกับความสะดวกสบาย
สิ่งที่ตามมาคือ การเกิดร้านสะดวกซักแบรนด์ใหม่ ๆ มากมาย ที่แย่งชิงลูกค้าอย่างไม่มีใครยอมใคร ผ่านวิธีขยายสาขา โปรโมชัน และเพิ่มบริการใหม่ ๆ จนกลายเป็น Red Ocean ที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 13,500 ล้านบาท ในปี 2567 และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
หากเจาะลึกลงไปในอุตสาหกรรมนี้จะพบว่า “การขยายสาขา” เป็นหนึ่งในอาวุธหลักที่หลายแบรนด์เลือกใช้ เพราะยิ่งมีสาขามากเท่าไร ย่อมสร้างความได้เปรียบในการถึงลูกค้า
แต่รู้หรือไม่ การขยายสาขาด้วยรูปแบบแฟรนไชส์ ถือเป็นท่าประจำที่หลายแบรนด์นิยมใช้กัน แม้จะทำให้ขยายสาขารวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกมากับ 2 เรื่องใหญ่ ๆ คือ การควบคุมมาตรฐานสาขา และ Recurring Income หรือรายได้ประจำต่อเนื่องจากค่าบริการ
เพราะแบรนด์ที่เน้นโมเดลธุรกิจขายแฟรนไชส์ นอกจากจะคุมมาตรฐานบริการได้ยากแล้ว ผู้ขายแฟรนไชส์จะมีรายได้หลักมาจากการขายแฟรนไชส์และเครื่องซักอบผ้า ซึ่งเป็น One-Time Income รับรายได้ครั้งเดียวตอนเปิดสาขา แต่รายได้ที่ลูกค้ามาซักอบที่เป็น Recurring Income จะเป็นของผู้ซื้อแฟรนไชส์
ความน่าสนใจคือ WashXpress ร้านสะดวกซักครบวงจรของ บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) เลือกที่จะ “แตกต่าง” ด้วยการเลือกลงทุนขยายสาขาเองเป็นหลัก เพราะต้องการรักษาคุณภาพบริการในการซักผ้าที่ดีเพื่อให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ
เพราะแบรนด์ที่เน้นโมเดลธุรกิจขายแฟรนไชส์ นอกจากจะคุมมาตรฐานบริการได้ยากแล้ว ผู้ขายแฟรนไชส์จะมีรายได้หลักมาจากการขายแฟรนไชส์และเครื่องซักอบผ้า ซึ่งเป็น One-Time Income รับรายได้ครั้งเดียวตอนเปิดสาขา แต่รายได้ที่ลูกค้ามาซักอบที่เป็น Recurring Income จะเป็นของผู้ซื้อแฟรนไชส์
ความน่าสนใจคือ WashXpress ร้านสะดวกซักครบวงจรของ บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) เลือกที่จะ “แตกต่าง” ด้วยการเลือกลงทุนขยายสาขาเองเป็นหลัก เพราะต้องการรักษาคุณภาพบริการในการซักผ้าที่ดีเพื่อให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ
เป็นวิธีการสร้าง “ป้อมปราการธุรกิจ” ทำให้คู่แข่งเข้ามาแย่งชิงลูกค้าได้ยาก นอกจากนี้ การที่บริษัทเป็นเจ้าของสาขาเอง ยังทำให้ได้ Recurring Income จากแต่ละสาขาอย่างสม่ำเสมอ ต่างจากโมเดลแฟรนไชส์ที่รายได้ประจำน้อยกว่า
นั่นเป็นแนวคิดธุรกิจของแบรนด์ WashXpress ร้านสะดวกซักครบวงจรของ บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ “WASH” ที่ประสบความสำเร็จ จนกลายเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการร้านสะอาดซักครบวงจรชั้นนำของไทย
ล่าสุด WASH กำลังจะ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวนไม่เกิน 105,882,352 หุ้น คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด
โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 52,941,176 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 15%
และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Holistic Impact จำนวน 52,941,176 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 15%
ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Holistic Impact จำนวน 52,941,176 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 15%
ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
การเดินทางเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai ของ WASH เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าสังเกตผลประกอบการของ WASH ในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2565 รายได้รวม 464.47 ล้านบาท กำไรสุทธิ 59.31 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้รวม 657.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 67.28 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้รวม 823.58 ล้านบาท กำไรสุทธิ 83.47 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้รวม 657.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 67.28 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้รวม 823.58 ล้านบาท กำไรสุทธิ 83.47 ล้านบาท
ส่วน 6 เดือนแรกของปี 2568 รายได้รวม 474.12 ล้านบาทเติบโต 27.80% และมีกำไรสุทธิ 50.92 ล้านบาทเติบโต 92.88% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
การเติบโตทั้งรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ในสภาวะอุตสาหกรรมร้านสะดวกซักที่แข่งขันกันดุเดือด ทั้งการขยายสาขา สงครามราคา และการเพิ่มบริการที่หลากหลาย
WASH เลือกสร้าง “จุดแข็ง” ให้แก่ธุรกิจตัวเอง ด้วยระบบการบริหารหลังบ้านที่แข็งแกร่งและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเอง เป้าหมายเพื่อส่งมอบคำว่า Customer Experience ให้ลูกค้าสอดคล้องกับ Vision ของบริษัทคือ ทำเรื่องซักผ้าให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน
รู้หรือไม่ ณ วันที่ 30 มิถุนายน WASH มีทั้งหมด 548 สาขา ครอบคลุม 21 จังหวัด โดย 469 สาขาหรือราว 85.58% เป็นสาขาที่บริษัทลงทุนเอง จึงแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่เน้นการขยายสาขาผ่านแฟรนไชส์
แน่นอนว่าการมีสาขาที่บริษัทลงทุนเองเป็นพอร์ตหลัก และให้น้ำหนักสาขาแฟรนไชส์แค่ 14.42% ทำให้ควบคุมการบริหารจัดการได้ดีกว่าการมีสาขาแฟรนไชส์จำนวนมากที่อาจดูแลไม่ทั่วถึง
ตรงนี้เองที่ทำให้ทุกสาขา WASH มีมาตรฐานเดียวกันหมด เช่น
- เครื่องซักผ้า “Speed Queen” ที่ผลิตโดย Alliance Laundry Systems LLC (“ALS”) บริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกในการผลิตเครื่องซักผ้า
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ล้างถังซักด้วยน้ำร้อนฟรีเพื่อฆ่าเชื้อโรค, ระบบรับฝากซัก-อบ-พับ และกำลังขยายบริการรับรีด, ที่จอดรถสำหรับผู้มาใช้บริการ, ที่นั่งพักรอขณะซักผ้า รวมถึง Free WIFI
- มี WASH Standard มาตรฐานในการทำความสะอาดมากกว่า 80 ข้อ และการออดิตตรวจสอบคุณภาพร้านทุกสาขาอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในประสบการณ์ซักผ้าที่สะอาดและปลอดภัย
ด้วยความสะอาดของผ้าที่ซักและบริการครบวงจร ทำให้นอกจากรายได้สาขาเดิมในปี 2567 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจแล้ว ก็ยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาขาที่เปิดใหม่ด้วย
ทั้งหมดนี้ ทำให้ WASH รักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ได้ และยังเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนบัญชี User ในแอป WashXpress ที่เพิ่มขึ้นจนปัจจุบันสูงกว่า 1,572,296 บัญชี (ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568)
ทีนี้ ลองมาดูฝั่งเทคโนโลยีของ WASH กันบ้าง..
รู้หรือไม่ว่า แอป WashXpress เป็นเทคโนโลยีที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง ด้วยการนำ Insight ของลูกค้าถึงความต้องการในบริการร้านสะดวกซักครบวงจร แล้วนำมาพัฒนาเป็นฟีเชอร์ต่าง ๆ เช่น การค้นหาสาขาใกล้บ้าน, ชำระเงินผ่านแอป, เช็กสถานะการซัก/อบผ้าแบบเรียลไทม์, สะสมแต้มแลกส่วนลด, แจ้งเตือนเมื่อผ้าเสร็จ
ด้วยการลงทุนขยายสาขาที่เป็นของ WASH เอง ระบบหลังบ้านที่ควบคุมมาตรฐานสาขา และเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาเองนี้ จึงกลายเป็น “ป้อมปราการแข็งแกร่ง” ถือเป็นการวางรากฐานธุรกิจให้มั่นคง
ทำให้ง่ายต่อการขยายสาขา และบริการใหม่ ๆ ของ WASH ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและได้รับการยอมรับจากลูกค้าในเวลาอันรวดเร็ว
ทำให้การ IPO ครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้ลงทุนขยายสาขาเพิ่มกว่า 160 สาขา ในช่วงปี 2569-2570 รวมถึงการลงทุนเพื่อปรับปรุงและยกระดับสาขาเดิม และจะนำเงินอีกส่วนหนึ่งไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
เพราะการทำธุรกิจที่มีผู้เล่นหลายรายอยู่ในอุตสาหกรรมนั้น “การสร้างป้อมปราการธุรกิจ” ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้
เพราะการทำธุรกิจที่มีผู้เล่นหลายรายอยู่ในอุตสาหกรรมนั้น “การสร้างป้อมปราการธุรกิจ” ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้
แต่การเติบโตของ WASH พิสูจน์แล้วว่า การสร้าง “ความต่าง” ด้วยการให้ความสำคัญกับ Customer Experience ผ่านบริการของ WASH ที่มีมาตรฐานเดียวกันทุกสาขาจนลูกค้าไว้วางใจ
สุดท้ายแล้ว การเป็นแบรนด์ที่ “ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีที่สุด”
คือ ป้อมปราการธุรกิจที่แข็งแกร่งตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกิจร้านสะดวกซักครบวงจรของ WASH นั่นเอง..
คือ ป้อมปราการธุรกิจที่แข็งแกร่งตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกิจร้านสะดวกซักครบวงจรของ WASH นั่นเอง..
สำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้น IPO ของ WASH จะเปิดจองซื้อในวันที่ 24, 27-28 ต.ค. นี้
ในราคาหุ้นละ 7.50 บาท
ในราคาหุ้นละ 7.50 บาท
สำหรับนักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อหุ้นไอพีโอของ WASH ได้ที่
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=689535
References :
- แบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์
- ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน)
- แบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์
- ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน)