
“โชคดีที่เกิดในสหรัฐฯ” คำพูดของ Buffett ที่นักลงทุนไทยน่าฉุกคิด
“โชคดีที่เกิดในสหรัฐฯ” คำพูดของ Buffett ที่นักลงทุนไทยน่าฉุกคิด /โดย ลงทุนแมน
คุณ Warren Buffett เคยพูดว่า “ผมโชคดีที่เกิดในสหรัฐฯ และเกิดมาพร้อมความสามารถที่เข้ากับระบบเศรษฐกิจนี้”
คุณ Warren Buffett เคยพูดว่า “ผมโชคดีที่เกิดในสหรัฐฯ และเกิดมาพร้อมความสามารถที่เข้ากับระบบเศรษฐกิจนี้”
คำพูดของคุณ Buffett อาจฟังดูเหมือนเรื่องของโชคดี ที่การเกิดมาในสภาพแวดล้อมและความสามารถที่เหมาะสม เป็นแต้มต่อในชีวิตการลงทุนของเขา
แต่ในอีกมุมยังสะท้อนถึง ความจริงที่บางประเทศมีโอกาสการลงทุนมากกว่าอีกประเทศหนึ่ง รวมถึงการเลือกตลาดที่จะลงทุน มีผลต่อผลตอบแทนเป็นอย่างมาก..
และด้วยบริบทของตลาดหุ้นไทยวันนี้ ที่เชื่อมโยงกับภาพเศรษฐกิจไทยอย่างแยกขาดกันไม่ได้
และด้วยบริบทของตลาดหุ้นไทยวันนี้ ที่เชื่อมโยงกับภาพเศรษฐกิจไทยอย่างแยกขาดกันไม่ได้
คำพูดนี้ของคุณ Buffett อาจต้องทำให้นักลงทุนไทยได้ฉุกคิด
เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 TRI ให้ผลตอบแทน 283%
- ตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET TRI ให้ผลตอบแทน 26%
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 TRI ให้ผลตอบแทน 283%
- ตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET TRI ให้ผลตอบแทน 26%
เพื่อให้เห็นภาพ สมมติเราลงทุน 1 ล้านบาท ในดัชนี S&P 500 TRI เมื่อ 10 ปีก่อน วันนี้เงินจะกลายเป็น 3.83 ล้านบาท
แต่ถ้าเรานำเงิน 1 ล้านบาท ไปลงทุนในดัชนี SET TRI วันนี้จะมีเงินแค่ 1.26 ล้านบาท เท่านั้น
ต้องบอกว่า ภาพนี้แตกต่างจากหลายสิบปีก่อนอย่างสิ้นเชิง
ที่ถือเป็นยุคทองตลาดหุ้นไทย โดยให้ผลตอบแทนดีมาอย่างยาวนาน จนมักได้ยินเรื่องเล่าจากนักลงทุนไทยจำนวนไม่น้อย สามารถสร้างความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นไทยได้
แต่ปัจจุบัน เราอาจแทบไม่มีโอกาสเห็นเรื่องราวอะไรแบบนี้อีกในตลาดหุ้นไทยก็ได้
ไม่กี่ปีมานี้ เราได้เห็นนักลงทุนรายใหญ่หลายคน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ประเทศไทยหมดศักยภาพในการเติบโต ส่งผลให้บริษัทในตลาดหุ้นไทยไม่น่าสนใจตามไปด้วย
สะท้อนได้จาก บริษัทใหญ่ในตลาดหุ้นไทยยังเป็นธุรกิจดั้งเดิม Old Economy แทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเลย อย่างเช่น พลังงาน ธนาคาร ค้าปลีก ที่วันนี้กลายมาเป็นธุรกิจอิ่มตัว ตามภาพเศรษฐกิจไทยที่โตช้า
แน่นอนว่าปัญหาเชิงโครงสร้างนี้ คงแก้ไม่ได้ด้วยโครงการคนละครึ่ง แล้วหวังว่าเงินตรงนี้จะมากระตุ้นเศรษฐกิจ
แต่โจทย์สำคัญคือจะทำอย่างไร ให้ประเทศไทยมีธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีนวัตกรรม หรือมีจุดเด่นที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกได้บ้าง
ซึ่งหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็คงรู้ว่า ประเทศไทยมีปัญหานี้ และมีแผนที่จะแก้ แต่ปัญหาก็คือ แผนต้องมีความเร่งด่วน และทำในทันที
เพื่อทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ในมุมนักลงทุนไทยหรือนักลงทุนต่างชาติเองก็ตาม
และสอดคล้องไปกับโลกวันนี้ที่ขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
อย่างที่เราเห็นกันว่า บริษัทที่มีมูลค่ามากสุดในโลกคือ บริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ อย่างเช่น Apple, Microsoft, NVIDIA, Amazon, Google
ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ มีขนาดตลาดที่ใหญ่มหาศาล เชื่อมโยงกับชีวิตคนทั่วโลก ขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
และยังสามารถสร้างการเติบโตสูง แม้จะเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่มากแล้วก็ตาม
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่หลายคนออกไปหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ
แหล่งรวมที่สุดของบริษัทนวัตกรรมในโลก รวมทั้งยังมีมูลค่าตลาดหุ้นที่สูงที่สุดในโลก และกินสัดส่วนมูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลก ไปกว่า 40%
ถ้าวันนี้เราเห็นด้วยว่า จำเป็นต้องออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ
เราสามารถลงทุนผ่านกองทุนได้ หนึ่งในนั้นก็คือกองทุน MEGA10 จาก บลจ.ทาลิส
ซึ่งเน้นในการเข้าไปลงทุนใน 10 บริษัทผู้นำในด้านตราสินค้าระดับโลก จากสหรัฐฯ ที่คนส่วนใหญ่บนโลกใช้ในชีวิตประจำวันและขาดไม่ได้ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568)
1. ALPHABET INC
2. AMAZON.COM INC
3. APPLE INC
4. JPMORGAN CHASE & CO
5. MASTERCARD INC
6. META PLATFORMS INC
7. MICROSOFT CORP
8. NVIDIA CORP
9. ORACLE CORP
10. VISA INC
2. AMAZON.COM INC
3. APPLE INC
4. JPMORGAN CHASE & CO
5. MASTERCARD INC
6. META PLATFORMS INC
7. MICROSOFT CORP
8. NVIDIA CORP
9. ORACLE CORP
10. VISA INC
โดยปัจจุบัน MEGA10 มีให้เลือกทั้งหมด 2 รูปแบบกองทุน ซึ่งได้แก่
- กองทุนเปิด MEGA10 ชนิดสะสมมูลค่า (MEGA10-A) เป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุน ที่ต้องการผลตอบแทนผ่านการเพิ่มมูลค่าของหน่วยลงทุนเป็นหลัก (Total Return)
- กองทุนเปิด MEGA10 เพื่อการเลี้ยงชีพ (MEGA10RMF) ที่เป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการออมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ
กองทุนที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้คือ MEGA10RMF
โดยเงินลงทุนนี้ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ แต่ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กรมสรรพากร และ/หรือหน่วยงานของทางการประกาศกำหนด
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียด และเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส talisam.co.th
โทร. 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 และ ผู้สนับสนุนการขายหลายราย
โทร. 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 และ ผู้สนับสนุนการขายหลายราย
*บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการลงทุน ณ ขณะนั้น
คำเตือน : กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ และการลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน
กองทุนนี้มีการลงทุนในต่างประเทศ มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีการลงทุนกระจุกตัวของหลักทรัพย์ และ หมวดอุตสาหกรรมและประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต