
รู้จัก Distribution Moat อาวุธไร้เทียมทานของธุรกิจ ที่ Warren Buffett ชื่นชอบ
รู้จัก Distribution Moat อาวุธไร้เทียมทานของธุรกิจ ที่ Warren Buffett ชื่นชอบ /โดย ลงทุนแมน
ทำไม Coca-Cola ถึงกลายมาเป็นผู้นำน้ำอัดลมเบอร์ 1 ของโลกได้ ?
ทำไม Coca-Cola ถึงกลายมาเป็นผู้นำน้ำอัดลมเบอร์ 1 ของโลกได้ ?
หลายคนอาจมองว่า เพราะเครื่องดื่ม Coke มีรสชาติอร่อย หรืออาจมองว่า Coke เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Coca-Cola ครองบัลลังก์ได้ คือการเข้าถึงผู้คนได้แทบทุกมุมของโลก
โดยเราเรียกอาวุธอันทรงพลังนี้ว่า Distribution Moat
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด ของบรรดาธุรกิจยักษ์ใหญ่หลายแห่ง
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด ของบรรดาธุรกิจยักษ์ใหญ่หลายแห่ง
แล้ว Distribution Moat คืออะไร ? ทำไมถึงเป็นอาวุธที่ไร้เทียมทานของบริษัท ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในโลกธุรกิจ เรามักได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ถ้าสินค้าดี.. เดี๋ยวลูกค้าก็มาเอง”
แต่ความเป็นจริง ในสุสานธุรกิจ ล้วนเต็มไปด้วยสินค้าคุณภาพเยี่ยมมากมาย ที่แทบไม่เคยไปถึงมือผู้บริโภคเลย..
เพราะขาดท่อส่งสินค้าของตนไปยังลูกค้า ซึ่งท่อส่งที่ว่านี้ ก็คือ Distribution Moat นั่นเอง
เพราะขาดท่อส่งสินค้าของตนไปยังลูกค้า ซึ่งท่อส่งที่ว่านี้ ก็คือ Distribution Moat นั่นเอง
Distribution Moat เป็นความได้เปรียบทางการแข่งขัน ที่เกิดจากการมีช่องทางการกระจายสินค้า หรือบริการ
ที่ทั้งเข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่า เร็วกว่า และถูกกว่าคู่แข่ง
ที่ทั้งเข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่า เร็วกว่า และถูกกว่าคู่แข่ง
โดย Distribution Moat ถือเป็นอาวุธทางธุรกิจที่ทรงพลังมาก เพราะต้องใช้ทั้งเงินทุนและเวลามหาศาลในการสร้างขึ้นมา
เรียกได้ว่าถ้าคู่แข่งอยากจะเอาชนะ ก็ต้องใช้ทรัพยากรไม่น้อยเลยทีเดียว
ทำไม Distribution Moat ถึงเป็นอาวุธที่ไร้เทียมทาน ?
ลองจินตนาการง่าย ๆ ว่า ถ้าเราทำธุรกิจโรงงานผลิตน้ำประปา โดยที่โรงงานของเราสามารถผลิตน้ำประปาได้ใสสะอาด และมีคุณภาพดีที่สุด ซึ่งลูกค้าก็รู้เรื่องนี้ดี
แม้การมีโรงงานผลิตน้ำที่ดี อาจทำให้เราได้น้ำที่มีคุณภาพ แต่ถ้าเราไม่มี “ท่อส่งน้ำ” ที่วางรากฐานไปถึงก๊อกน้ำในทุก ๆ บ้าน น้ำที่ใสสะอาดนั้น ก็แทบจะไร้ค่า..
ในขณะที่คู่แข่ง อาจผลิตน้ำได้คุณภาพธรรมดา ๆ แต่ว่ามีท่อส่งน้ำ ที่เชื่อมตรงเข้าสู่บ้านคนนับล้าน
สุดท้ายแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะเลือกดื่มน้ำจากคู่แข่ง เพียงด้วยเหตุผลคือ “ความสะดวก” และ “การเข้าถึงที่ง่ายกว่า”
นี่เองเป็นหัวใจสำคัญของ Distribution Moat ซึ่งก็คือการเป็นเจ้าของ “ถนน” หรือ “ท่อส่ง” ที่คู่แข่งยากจะลอกเลียนแบบได้
กลับมาที่ Coca-Cola สิ่งที่ทำให้บริษัทแข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่สูตรน้ำดำที่เป็นความลับ แต่คือ “เครือข่ายการขนส่ง” ที่หยั่งรากลึกไปทั่วโลกกว่า 200 ประเทศ
กลยุทธ์ที่ Coca-Cola ใช้เพื่อรักษาความเป็นเบอร์ 1 ไม่ใช่การทำ R&D เพื่อคิดค้นเครื่องดื่มรสชาติใหม่ ๆ ตลอดเวลา
แต่กลับเป็นการใช้ประโยชน์จากท่อส่งน้ำ ที่ตัวเองสร้างไว้ ให้คุ้มค่าที่สุด
โดยเมื่อ Coca-Cola เห็นว่าเทรนด์การดื่มของโลกเปลี่ยนไป เช่น คนเริ่มหันมาดื่มน้ำผลไม้ ชา กาแฟ หรือแม้แต่เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
สิ่งที่บริษัททำ ก็แค่ไปซื้อแบรนด์ดาวรุ่งเหล่านั้น หรือสร้างเครื่องดื่มสูตรใหม่ขึ้นมา แล้วจับสินค้าใหม่ “ยัดใส่ท่อ” ของตัวเอง ซึ่งก็คือเครือข่าย Distribution ที่แข็งแรง และครอบคลุมทั่วโลก
เพียงเท่านี้ สินค้าใหม่เหล่านั้น ก็จะไปโผล่อยู่ในตู้แช่ ตั้งแต่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก ยันหมู่บ้านในชนบทของแอฟริกา ได้ในชั่วข้ามคืน
ซึ่งนี่ก็คืออำนาจของ Distribution Moat ที่คู่แข่งหน้าใหม่ แทบไม่มีทางเลียนแบบหรือสู้ได้ง่าย ๆ
โดยสุดยอดอาวุธนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ธุรกิจยุคเก่า (Old Economy) ที่มีการขนส่งสินค้าจริง ๆ เท่านั้น
แต่ในโลกยุคใหม่ (New Economy) บริษัทหลายแห่ง ก็ครอบครอง Distribution Moat อยู่เช่นกัน
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ก็คือ Microsoft
เจ้าพ่อซอฟต์แวร์ ที่ฝังอยู่ในคอมพิวเตอร์ทั่วโลก
เจ้าพ่อซอฟต์แวร์ ที่ฝังอยู่ในคอมพิวเตอร์ทั่วโลก
โดย Microsoft นั้น ได้ใช้ Distribution Moat ในการเอาชนะคู่แข่งมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง..
ครั้งแรก ต้องย้อนกลับไปในช่วงปี 1995 ที่ Netscape สามารถครองส่วนแบ่งตลาดเว็บเบราว์เซอร์ของโลกไปกว่า 80%
จนสามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ แม้เพิ่งก่อตั้งมาเพียงปีเดียว
ในตอนนั้น ดูเหมือนว่า Netscape จะเป็นผู้เล่นที่ไร้เทียมทานมาก จนการมาของ Internet Explorer ที่สร้างโดย Microsoft ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ซึ่งวิธีการหนึ่งที่ Microsoft ใช้ในการเอาชนะ Netscape คือการผูกโปรแกรม Internet Explorer ไว้เป็นเว็บเบราว์เซอร์เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการ Windows โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาไปดาวน์โหลด
ด้วยความที่ระบบปฏิบัติการ Windows ของ Microsoft นั้น ครองส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์กว่า 90% ส่งผลให้การใช้งาน Internet Explorer เพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก
จนในที่สุด Netscape ก็พ่ายแพ้ให้แก่ Microsoft ซึ่งไม่ใช่เพราะ Internet Explorer เป็นเบราว์เซอร์ที่มีฟีเชอร์ดีกว่า
แต่เป็นเพราะด้วยพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ที่มักเลือกใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วบนหน้าจอ มากกว่าสิ่งที่ต้องขวนขวายไปหามาติดตั้งเอง
ครั้งที่สอง ก็คือเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่เกือบทุกประเทศทั่วโลก มีการล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ผู้คนต้องทำงานจากที่บ้าน
นั่นเป็นโอกาสที่ทำให้โปรแกรมประชุมออนไลน์อย่าง Zoom นั้น เติบโตอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านช่วงเวลาทองได้ไม่นาน
Microsoft ซึ่งพัฒนาโปรแกรม Microsoft Teams อยู่ก่อนแล้ว ก็ได้อาศัย Distribution Moat ผ่านชุดโปรแกรม Microsoft Office ที่มีผู้ใช้งานอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะลูกค้าองค์กร
ทำให้ Microsoft Teams เติบโตขึ้นมาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ Zoom ได้สำเร็จ และกลายเป็นโปรแกรมประชุมออนไลน์มาตรฐานในยุคปัจจุบัน
ทั้งสองกรณีนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของ Distribution Moat ที่ Microsoft ใช้ในการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่า ผู้ที่มี Distribution Moat นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของแบรนด์หรือผู้ผลิตสินค้าเองเสมอไป
โดยบางบริษัท อาจอยู่ในรูปแบบของ Gatekeeper ที่เป็นทางผ่านของสินค้าหรือบริการ ไปสู่ลูกค้า
ตัวอย่างเช่น Apple ที่เป็น Gatekeeper ในฐานะเจ้าของ App Store โดยมีฐานลูกค้าเป็นผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Apple ทั่วโลก
ซึ่งทำให้แม้ Apple จะไม่ได้เป็นคนสร้างแอปพลิเคชันเอง แต่ก็มีอำนาจในการเก็บส่วนแบ่งรายได้ จากการซื้อแอปฯ ผ่านทางท่อขนส่งของตัวเองอย่าง App Store
มาถึงตรงนี้ บางคนอาจนึกออกอีกอย่างว่า ทั้ง Coca-Cola และ Apple นั้น ต่างก็เป็นบริษัทที่คุณปู่ Warren Buffett ชื่นชอบ
ซึ่งทั้งสองบริษัทนี้ มีจุดร่วมตรงที่มี Distribution Moat ทั้งคู่ นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ
เมื่อไม่นานมานี้ ในสมรภูมิ AI
มีคนจำนวนไม่น้อยมองว่า ChatGPT ของ OpenAI คือผู้ชนะในสงครามนี้ จากการเป็นผู้ที่เข้ามาก่อน (First Mover) และเติบโตอย่างรวดเร็ว จนสามารถครองใจผู้ใช้งานทั่วโลกไปแล้ว
ขณะที่ Gemini ของ Google แลดูเป็นผู้ตามในศึกนี้
จนทำให้หุ้นของ Alphabet ถูกเทขายไปพอสมควร
จนทำให้หุ้นของ Alphabet ถูกเทขายไปพอสมควร
แต่ถ้าหากเรามองผ่านเลนส์ของ Distribution Moat เราอาจเห็นภาพที่ต่างออกไป
หลายคนคงลืมไปว่า Google คือเจ้าของ “ระบบนิเวศ” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ Android ที่อยู่ในสมาร์ตโฟน กว่าพันล้านเครื่องทั่วโลก เว็บเบราว์เซอร์ Chrome ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด แพลตฟอร์มวิดีโอยอดนิยมอย่าง YouTube ไปจนถึงระบบค้นหา Google Search ที่ทุกคนใช้กันทุกวัน
สิ่งเหล่านี้ ถือเป็น Distribution Moat ชั้นดี ที่ Google สามารถฝัง Gemini ลงไปได้แทบจะทันที โดยที่ไม่ต้องไปเหนื่อยหาผู้ใช้งานใหม่เลย
ซึ่ง ณ ตอนนี้หลายคนก็คงเห็นแล้วว่า Google ก็ได้ใช้อาวุธอันทรงพลังนี้แล้วจริง ๆ จนสามารถพลิกจากผู้ตาม มาเป็นผู้นำได้สำเร็จ
ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นศึกน้ำดำ ศึกซอฟต์แวร์ หรือแม้แต่ศึก AI
ผู้ชนะตัวจริง อาจไม่ใช่คนที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำที่สุด แต่เป็นคนที่มี “ท่อส่ง” ที่แข็งแกร่งที่สุด..