ถ้าลงทุนใน S&P 500 เดือนละ 3,000 บาท จนเกษียณ จะรวยไหม ?

ถ้าลงทุนใน S&P 500 เดือนละ 3,000 บาท จนเกษียณ จะรวยไหม ?

ถ้าลงทุนใน S&P 500 เดือนละ 3,000 บาท จนเกษียณ จะรวยไหม ? /โดย ลงทุนแมน
ช่วงนี้กระแส S&P 500 (ที่ไม่ใช่ขนม) กำลังมาแรง จึงทำให้เกิดคำถามมากมาย อย่างเช่น
S&P 500 คืออะไร ให้ผลตอบแทนเท่าไร ?
ลงทุนใน S&P 500 สามารถทำให้รวยได้หรือไม่ ?
แล้วคำว่ารวย ต้องมีเงินเท่าไร ?
S&P 500 คือดัชนีหุ้นที่รวม 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
จากสถิติบอกว่า ดัชนี S&P 500 ตั้งแต่ปี 1957 ถึงปัจจุบัน ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย (รวมปันผล) ประมาณ 10.54% ต่อปี
และด้วยผลตอบแทนระดับนี้
ถ้าเราลงทุนใน S&P 500 เดือนละ 3,000 บาท จนเกษียณ จะมีเงินกี่ล้าน ?
และจะทำให้เราสามารถรวยได้หรือไม่ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในรายงาน UBS Global Wealth Report 2023 ระบุว่า
หากคุณมีทรัพย์สินสุทธิ (Net Worth) มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 32.65 ล้านบาท คุณจะอยู่ใน 1% แรกของคนรวยที่สุดในโลก
ถ้านิยามคำว่ารวยคือ ต้องมีเงิน 32.65 ล้านบาท
ในกรณีนี้ การออม 3,000 บาทต่อเดือนจนเกษียณ กับผลตอบแทนเฉลี่ยระดับ 10.54% ต่อปี
ไม่สามารถทำให้เรารวยติด 1% แรกของคนรวยที่สุดในโลกได้
แต่..
สำหรับบางคน เงินจำนวนนี้ก็ถือว่าไม่น้อยเลย เมื่อเทียบกับแรง และเวลาที่ลงไป
ถามว่าเพราะอะไร ?
ก่อนอื่นเราก็ต้องรู้จัก แก้ว 3 ประการ จาก ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่จะเป็นตัวกำหนดความมั่งคั่งของนักลงทุนกันเสียก่อน
1. เงินออม หรือเงินตั้งต้น
เพราะว่าแต่ละคน มีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจมีพื้นฐานครอบครัวที่ร่ำรวย จึงทำให้มีเงินตั้งต้นสูง สามารถนำมาใช้ในการสร้างความมั่งคั่งได้อย่างรวดเร็ว
แต่สำหรับคนบางคน ที่อาจไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองในช่วงเริ่มต้นที่มากมายนัก ก็จำเป็นจะต้องค่อย ๆ เริ่มหาและเก็บออมเงินผสมเล็กผสมน้อยเอาเอง
ซึ่งหากเราไม่ได้เริ่มต้นจากการมีเงินตั้งต้นที่มาจากทางครอบครัวช่วยสนับสนุน เราก็ควรเริ่มเก็บออมเงินด้วยตัวเอง ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้มีเงินตั้งต้นสำหรับการลงทุนให้มากที่สุด
2. ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน
ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตั้งแต่ประเภทสินทรัพย์ที่เราเลือกลงทุน เช่น หุ้น, ทองคำ, พันธบัตร ซึ่งมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน
รวมถึงความรู้และประสบการณ์ของนักลงทุนแต่ละคน ไปจนถึงเรื่องของจังหวะเวลาหรือโชค ที่จะเป็นตัวกำหนดผลตอบแทนจากการลงทุน ที่เราจะได้รับ
ยิ่งเราทำผลตอบแทนได้สูง (และยั่งยืน) ความมั่งคั่งของเราก็จะยิ่งมีโอกาสเพิ่มพูนมากขึ้น
และในกรณีนี้ ถ้าเราลงทุนในดัชนี S&P 500 เราก็จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 10.54%
3. ระยะเวลาในการลงทุน
ยิ่งอยู่รอดในตลาด และลงทุนนานเท่าไร เงินทุนของเรา ก็ยิ่งมีโอกาสเพิ่มพูนเป็นก้อนที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ มากขึ้นเท่านั้น จากพลังของดอกเบี้ยทบต้น
ก็คือ หากเราเริ่มเก็บออมและนำเงินมาลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ เราก็จะมีเวลาทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนของเรา ทบต้นได้มากขึ้น
กรณีนี้ถ้าเราเรียนจบ ทำงาน เก็บออมตั้งแต่ตอนอายุ 22 ปี และเกษียณตอนอายุ 60 ปี จะเท่ากับว่าเรามีระยะเวลาลงทุน 38 ปี
ดังนั้นสมมติฐานที่ได้ คือ
- ออมเดือนละ 3,000 บาท
- ลงทุนได้นาน 38 ปี
- ลงทุนต่อเนื่องทุกเดือน ในดัชนี S&P 500
- ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10.54%
ทีนี้ เมื่อเรามีสถานการณ์สมมติสำหรับคนทั่วไปกันแล้ว ก็มาลองดูผลลัพธ์กัน
เมื่อเราอายุ 60 ปี เราจะได้รับผลตอบแทนรวมเงินต้น กลับมา 18.08 ล้านบาท จากเงินต้นที่ลงทุนไป 1.37 ล้านบาท
พูดง่าย ๆ ก็คือ ในระยะเวลา 38 ปี หากเรามีวินัยในการเก็บออมและลงทุนทุกเดือน และได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10.54%
เงินต้นของเราจะเติบโตได้มากเป็น 13 เท่า
แต่ก็ใช่ว่าการลงทุนในดัชนี S&P 500 ไม่มีความเสี่ยงเลย
เพราะบางครั้ง นักลงทุนก็ต้องเจอความเสี่ยงของตลาด กล่าวคือ วิกฤติต่าง ๆ ที่ทำให้ตลาดหุ้นร่วงนั่นเอง
สุดท้ายแล้ว การลงทุนไม่ได้มีสูตรตายตัว
ผลตอบแทน 10.54% ต่อปีจากดัชนี S&P 500 ในอดีตเป็นเพียงตัวอย่างของความเป็นไปได้ แต่ในอนาคตอาจมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้
แต่การเกษียณโดยมีเงิน 18.08 ล้านบาท ก็ฟังดูไม่ได้แย่สำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะเราไม่ต้องลงแรงอะไรมากเลย ซึ่งใคร ๆ ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องเหนื่อยศึกษาหาหุ้นเอง หรือต้องปรับพอร์ตอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นสิ่งที่เราควบคุมได้คือ วินัยในการออม การลงทุน และระยะเวลา
ถ้าเราทำได้ครบทั้ง 3 อย่าง แม้เริ่มต้นจากเงินเล็ก ๆ ก็มีโอกาสสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวได้จริง
อย่ามัวแต่รอโอกาสสมบูรณ์แบบ เริ่มจากสิ่งที่มี เริ่มจากวันนี้ แล้วให้เวลาและดอกเบี้ยทบต้น ช่วยทำงานให้เรา จนถึงวันที่เราพร้อมเกษียณ..
คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
ผลตอบแทนในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลตอบแทนในอนาคต

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon