
สรุปธุรกิจ NTF Intergroup ส่งออกทุเรียนไทยรายได้เกิน 1,000 ล้าน กับเส้นทางสู่ IPO
สรุปธุรกิจ NTF Intergroup ส่งออกทุเรียนไทยรายได้เกิน 1,000 ล้าน กับเส้นทางสู่ IPO / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x NTF Intergroup
90,000 ล้านบาท คือมูลค่าส่งออกทุเรียนในประเทศไทย
ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 คิดเป็นสัดส่วน 23% ของมูลค่าสินค้าเกษตรส่งออกในประเทศไทย
ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 คิดเป็นสัดส่วน 23% ของมูลค่าสินค้าเกษตรส่งออกในประเทศไทย
ซึ่งมูลค่าทุเรียนที่ส่งออกได้ด้วยตัวเลขขนาดนี้ ก็มากพอที่จะบอกว่า ตลาดทุเรียนส่งออกของประเทศไทยนั้นใหญ่ขนาดไหน
นอกจากประเทศไทยจะมีซัปพลายเชนด้านอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งอย่างสินค้ายานยนต์ หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์แล้ว
ซัปพลายเชนทางด้านเกษตรกรรมบ้านเรา ก็มีมุมที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน
ซัปพลายเชนทางด้านเกษตรกรรมบ้านเรา ก็มีมุมที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน
โดยหากพูดถึงสินค้าเรือธงของไทยอย่างทุเรียนบ้านเราก็มีความแข็งแกร่งทางด้านต้นน้ำ คือ
สวนทุเรียนที่เกษตรกรนิยมหันมาปลูกมากขึ้นตามจังหวัดในภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ไปจนถึงล้งทุเรียน โรงงานแปรรูปทุเรียน และท้ายสุดก็คือ ผู้ส่งออกผลไม้อย่างทุเรียน
ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ ก็มีหนึ่งในผู้ส่งออกผลไม้อย่าง NTF ที่เติบโตจากการหาตลาดส่งออกทุเรียนใหม่ ๆ อย่างเช่น ตามมณฑลต่าง ๆ ในประเทศจีน จนมีรายได้และกำไรที่เติบโตมากกว่า 50% ต่อปี
ซึ่งในตอนนี้ NTF ก็พร้อมจะเป็นบริษัทส่งออกผลไม้ไทย ที่กำลังเตรียมพร้อม IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ไปอีกบริษัทหนึ่ง
เรื่องราวของ NTF ที่เกิดจากความตั้งใจของนักธุรกิจไทย ผู้ที่อยากยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรในประเทศไทยทั้ง 2 ท่านนั้นเป็นอย่างไร ?
ทำไมจากธุรกิจส่งออกผลไม้ ที่เริ่มจากเล็ก ๆ ถึงอยาก IPO ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ทำไมจากธุรกิจส่งออกผลไม้ ที่เริ่มจากเล็ก ๆ ถึงอยาก IPO ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
NTF ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2563 โดย 2 ผู้ประกอบการชาวไทยคือ คุณวิชัย ศิระมานะกุล และคุณอิศรา ภูววิเชียรฉาย
ที่มีประสบการณ์ในการทำผลไม้สดและผลไม้แช่แข็งเพื่อส่งออกเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
ที่มีประสบการณ์ในการทำผลไม้สดและผลไม้แช่แข็งเพื่อส่งออกเป็นเวลานานกว่า 10 ปี
โดยลักษณะธุรกิจคร่าว ๆ คือ NTF ไม่มีสวนผลไม้ และไม่มีล้งผลไม้เป็นของตัวเอง
แต่ NTF จะเป็นผู้ส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศ และจัดจำหน่ายภายในประเทศ ตามความต้องการของลูกค้า
แต่ NTF จะเป็นผู้ส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศ และจัดจำหน่ายภายในประเทศ ตามความต้องการของลูกค้า
โดยในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่ก่อตั้งบริษัท NTF เริ่มส่งออกลำไยไปที่ประเทศจีน ในนครกว่างโจว
ต่อมาปี 2564 NTF ก็เริ่มส่งออกทุเรียนไปที่จีน
โดยมีนครเซี่ยงไฮ้เป็นตลาดส่งออกให้กับ NTF เพิ่มขึ้นมาอีกแห่ง
ต่อมาปี 2564 NTF ก็เริ่มส่งออกทุเรียนไปที่จีน
โดยมีนครเซี่ยงไฮ้เป็นตลาดส่งออกให้กับ NTF เพิ่มขึ้นมาอีกแห่ง
ซึ่งต้องบอกว่าทุเรียนที่ส่งออกไปประเทศจีน ก็ได้รับผลตอบรับอย่างดี และทำรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
จึงทำให้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา NTF ก็เน้นไปที่ส่งออกทุเรียนเป็นหลัก
จึงทำให้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา NTF ก็เน้นไปที่ส่งออกทุเรียนเป็นหลัก
ที่ต้องส่งออกทุเรียนเป็นหลัก ก็เพราะว่าทุเรียนเป็นผลไม้ยอดนิยมของทั่วโลก
มี Demand ในต่างประเทศสูง แถมยังส่งออกไปขายได้ราคาดี และสร้างอัตรากำไรให้กับบริษัทได้เยอะ
มี Demand ในต่างประเทศสูง แถมยังส่งออกไปขายได้ราคาดี และสร้างอัตรากำไรให้กับบริษัทได้เยอะ
โดยสินค้าเรือธงของ NTF ได้แก่ทุเรียนพรีเมียม แบรนด์ต่าง ๆ อย่าง MEILI, TAIJI, MO MAN TAI และ JINYAN
ซึ่งสินค้าแบรนด์เหล่านี้ ได้ถูกคัดสรรจากแหล่งเพาะปลูกที่ดีที่สุดทั่วประเทศ เพื่อให้ผลไม้มีคุณภาพ
และร่วมมือกับพันธมิตร โดยใช้โรงคัดและบรรจุผลไม้ที่มีความเชี่ยวชาญ ก่อนดำเนินการส่งออกด้วยขนส่งมาตรฐานที่ควบคุมอุณหภูมิของผลไม้ ให้คงที่ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง
ปัจจุบัน NTF ยังคงมีสินค้าเป็นผลไม้หลัก ๆ อยู่ 3 ชนิด นั่นคือ ทุเรียน ลำไย มะพร้าว โดยทุเรียนถือเป็นสินค้าที่ทำรายได้จากการส่งออกมากถึง 97%
ซึ่ง NTF ก็มีเครือข่ายล้งและสวนทุเรียนต่าง ๆ จากทุกภูมิภาค
โดยเฉพาะจากภาคตะวันออกและภาคใต้ ที่เป็นแหล่งเพาะปลูกทุเรียนหลักของประเทศ
โดยเฉพาะจากภาคตะวันออกและภาคใต้ ที่เป็นแหล่งเพาะปลูกทุเรียนหลักของประเทศ
อย่างสวนทุเรียนในภาคตะวันออก อย่างระยอง จันทบุรี และตราด
และส่วนทุเรียนภาคใต้ อย่างชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และยะลา
และส่วนทุเรียนภาคใต้ อย่างชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และยะลา
ซึ่งสินค้าที่มาจากแต่ละภูมิภาคนั้น ก็มีฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่ไม่เหมือนกัน
นั่นจึงทำให้ NTF สามารถจัดหาทุเรียนและมีทุเรียนสำหรับส่งออกตามออเดอร์ได้ทุกฤดูกาลนั่นเอง
ซึ่ง NTF ก็ได้จับกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นล้งคัดแยกผลไม้ หรือกลุ่มเกษตรกร เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีและเติบโตไปด้วยกันกับคนในชุมชน
ปัจจุบัน ทุเรียนไทยก็ยังคงรักษาตำแหน่งผลไม้ส่งออกมากเป็นอันดับ 1 เป็นเวลานานกว่า 10 ปี
และแม้ว่าตลาดส่งออกทุเรียน จะมีผู้เล่นมากมายหลายเจ้า แต่สินค้าอย่างทุเรียนของ NTF ก็ยังคงความโดดเด่นเป็นอันดับต้น ๆ
ด้วยสินค้าที่ได้รับการคัดสรรอย่างดี แถมยังผ่านกระบวนการบรรจุภัณฑ์ และการขนส่งสินค้าที่ได้มาตรฐาน จึงทำให้สินค้าแบรนด์ต่าง ๆ ของ NTF ยังคงเป็นตัวเลือกแรก ๆ สำหรับตลาดในประเทศจีน
ถ้าหากเราลองไปดูผลประกอบการ ของ NTF หรือ บมจ. เอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) เราก็จะเห็นว่า
ปี 2565 มีรายได้ 346.7 ล้านบาท กำไร 8.2 ล้านบาท
ปี 2566 มีรายได้ 562.5 ล้านบาท กำไร 22.6 ล้านบาท
ปี 2567 มีรายได้ 1,114.7 ล้านบาท กำไร 64.3 ล้านบาท
ปี 2568 (6 เดือน) มีรายได้ 1,661.0 ล้านบาท กำไร 165.8 ล้านบาท
ปี 2566 มีรายได้ 562.5 ล้านบาท กำไร 22.6 ล้านบาท
ปี 2567 มีรายได้ 1,114.7 ล้านบาท กำไร 64.3 ล้านบาท
ปี 2568 (6 เดือน) มีรายได้ 1,661.0 ล้านบาท กำไร 165.8 ล้านบาท
และทั้งปี 2568 NTF ได้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,900 ล้านบาท
และพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและส่งออกเพื่อรักษาอัตรากำไร พร้อมกับปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน ด้วยการบริหารความเสี่ยงเรื่องค่าเงินด้วย
และพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและส่งออกเพื่อรักษาอัตรากำไร พร้อมกับปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน ด้วยการบริหารความเสี่ยงเรื่องค่าเงินด้วย
ซึ่งจากจุดนี้ NTF ก็ยังมองว่า ตลาดส่งออกทุเรียนยังคงเติบโตไปได้อีกมาก โดยเฉพาะในประเทศจีน
เพราะประเทศจีน ยังมีอัตราการบริโภคทุเรียนที่น้อย เมื่อเทียบกับประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย
โดยชาวจีน 1 คน ได้บริโภคทุเรียนเฉลี่ย 1 กิโลกรัมใน 1 ปี
เมื่อเปรียบเทียบกับชาวไทย ที่บริโภคทุเรียนเฉลี่ย 5 กิโลกรัมใน 1 ปี
และชาวมาเลเซีย บริโภคทุเรียนเฉลี่ย 13 กิโลกรัมใน 1 ปี
เมื่อเปรียบเทียบกับชาวไทย ที่บริโภคทุเรียนเฉลี่ย 5 กิโลกรัมใน 1 ปี
และชาวมาเลเซีย บริโภคทุเรียนเฉลี่ย 13 กิโลกรัมใน 1 ปี
เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้ NTF มองเห็นศักยภาพของตลาดว่า คนจีนน่าจะบริโภคทุเรียนได้อีกมาก แถมยังมีอีกหลายพื้นที่ที่สินค้ายังไปไม่ถึง
นั่นจึงเป็นโอกาสที่ NTF จะเข้าไปขยายธุรกิจ และขยายตลาดในประเทศจีน
โดยก่อนหน้านี้ NTF มีตลาดหลัก ๆ ในประเทศจีนอยู่แล้ว 2 แห่งนั่นก็คือ ตลาดผลไม้เจียซิง นครเซี่ยงไฮ้ และตลาดผลไม้เจียงหนาน นครกว่างโจว
โดยก่อนหน้านี้ NTF มีตลาดหลัก ๆ ในประเทศจีนอยู่แล้ว 2 แห่งนั่นก็คือ ตลาดผลไม้เจียซิง นครเซี่ยงไฮ้ และตลาดผลไม้เจียงหนาน นครกว่างโจว
และในปีมานี้ NTF ก็ได้ขยายตลาดเพิ่มไปอีก 2 แห่งนั่นก็คือ ตลาดผลไม้ปักกิ่ง ที่กรุงปักกิ่ง และตลาดผลไม้วันปัง นครเจิ้งโจว
นอกจากนี้ ก็ยังมีการขยายไปในตลาดประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติมอย่างฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา
เพื่อลดการพึ่งพาตลาดประเทศจีนเพียงตลาดเดียว
เพื่อลดการพึ่งพาตลาดประเทศจีนเพียงตลาดเดียว
ปัจจุบันสินค้าของ NTF ที่เน้นจำหน่ายในเมืองขนาดใหญ่ของจีน ยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะ 1 มณฑลของจีน มีขนาดใหญ่เท่ากับ 1 ประเทศ
แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะ 1 มณฑลของจีน มีขนาดใหญ่เท่ากับ 1 ประเทศ
ซึ่ง NTF ก็ยังมีโอกาสในตลาดอื่น ๆ หรือในมณฑลอื่น ๆ อีกมาก แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเงินทุนหมุนเวียน
ทำให้ยังไม่สามารถส่งออกไปจำหน่ายในเขตพื้นที่รอบ ๆ หรือมณฑลข้างเคียงได้
ทำให้ยังไม่สามารถส่งออกไปจำหน่ายในเขตพื้นที่รอบ ๆ หรือมณฑลข้างเคียงได้
ปัจจุบัน NTF ก็ได้ยื่นไฟลิ่งให้กับ กลต. เพื่อนำบริษัทเข้า IPO ในตลาดหุ้น
โดย NTF มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หรือราคาพาร์ ที่หุ้นละ 0.50 บาท
โดย NTF มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หรือราคาพาร์ ที่หุ้นละ 0.50 บาท
โดย NTF จะเสนอขายหุ้น IPO ทั้งหมด 60 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 30% ให้กับนักลงทุนทั่วไป
ซึ่งวัตถุประสงค์ของการขายหุ้น IPO ก็คือ
ซึ่งวัตถุประสงค์ของการขายหุ้น IPO ก็คือ
- เป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับยอดสั่งซื้อจากลูกค้า
ทั้งกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน และกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ จากต่างประเทศ
ทั้งกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน และกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ จากต่างประเทศ
- ลงทุนในเครื่องจักร และระบบ Automation
อย่างเครื่องคัดเกรดทุเรียน และเครื่องบรรจุทุเรียน เพื่อเพิ่มกำลังในการผลิต
เพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกและบรรจุ
เพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกและบรรจุ
เพื่อลดต้นทุนต่อหน่วย และยังเพิ่มอัตรากำไรให้มากขึ้น ด้วยการนำระบบ Automation มาใช้ตรวจสอบคุณภาพ อย่างเครื่อง CT Scan สำหรับคัดแยกความอ่อน-แก่ และหนอนในทุเรียน
ซึ่ง NTF ได้นำเครื่องคัดเกรดและบรรจุทุเรียน มาใช้เป็นเจ้าแรก ๆ โดยได้เริ่มติดตั้งเครื่องแล้วที่ ล้งพันธมิตรที่ภาคใต้ เพื่อคัดบรรจุทุเรียนได้รวดเร็วขึ้น
- นำเงินทุนบางส่วนไปชำระคืนเงินกู้ ที่ได้ยืมกับสถาบันการเงิน และเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน พร้อมกับยกระดับฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง
โดยคาดว่า NTF จะสามารถกำหนดราคาขาย และเสนอขายหุ้น IPO ได้ภายในปี 2568..
Reference :
- ข่าวประชาสัมพันธ์ IPO จากบริษัท NTF Intergroup
- ข่าวประชาสัมพันธ์ IPO จากบริษัท NTF Intergroup