รู้จัก 3 ยักษ์เล็ก ผู้กุมชะตาเบื้องหลัง อุตสาหกรรมชิปโลก

รู้จัก 3 ยักษ์เล็ก ผู้กุมชะตาเบื้องหลัง อุตสาหกรรมชิปโลก

รู้จัก 3 ยักษ์เล็ก ผู้กุมชะตาเบื้องหลัง อุตสาหกรรมชิปโลก /โดย ลงทุนแมน
ถ้าเราคิดว่า Nvidia ครองโลกการออกแบบชิปแล้ว
ยังมีบริษัทที่คอยกุมอำนาจไม่ต่างจาก Nvidia อีกชั้นขึ้นไปอีก
บริษัทที่ว่านี้ คือยักษ์ตัวเล็ก ๆ 3 บริษัท ที่มีมูลค่าบริษัทรวมกันแล้วเล็กกว่า Nvidia ถึง 30 เท่า
แม้จะตัวเล็กกว่า แถมไม่ได้มีชื่อเสียง จนคนทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดี แต่โลกนี้ก็ขาดบริษัทต่อไปนี้ไม่ได้อีกแล้วในตอนนี้
3 ยักษ์เล็ก แต่มีอำนาจสูงมากที่เราพูดถึงนี้มีใครบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จริง ๆ แล้ว ชิปไม่ต่างอะไรกับการสร้างบ้าน 1 หลัง ที่ต้องมีขั้นตอนตั้งแต่ออกแบบ ก่อสร้าง และตรวจสอบมอบงานกันให้เรียบร้อย
แต่การออกแบบชิปไม่ได้ง่ายเหมือนแปลนบ้าน เพราะความซับซ้อนของชิป ที่มีมากขึ้นตามความต้องการพลังประมวลผลที่ก้าวกระโดดในปัจจุบัน
ดังนั้น จากเดิมที่เครื่องมือการออกแบบชิปยังคงใช้มือ
วาดอยู่ ก็กลายเป็นเครื่องมือในคอมพิวเตอร์ที่เรียกกันว่า Electronic Design Automation หรือ EDA
ซึ่งปัจจุบัน เจ้าของเครื่องมือที่ว่านี้มีแค่ 3 บริษัทในโลกเท่านั้น ที่ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% ของโลก จนเรียกได้ว่าแทบจะผูกขาดเลยทีเดียว
นั่นก็คือ Cadence, Synopsys และ Siemens EDA
3 บริษัทนี้ก่อตั้งมาในเวลาไล่เลี่ยกัน เริ่มจาก Siemens EDA ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1981 ชื่อว่า Mentor Graphics ก่อนจะถูกซื้อกิจการโดย Siemens ในปี 2017 ที่ผ่านมา
ตามมาด้วย Synopsys ในปี 1986 และ Cadence ที่ก่อตั้งในปี 1988
คำถามคือ แล้วทำไมบริษัทพวกนี้ถึงครองตลาด จนแทบจะผูกขาดได้ ?
เหตุผลก็เพราะว่า บริษัทพวกนี้เข้าซื้อกิจการสตาร์ตอัป
รายเล็กที่มีสิทธิบัตรเครื่องมือพวกนี้เข้ามาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ในช่วงแรกที่บริษัทเริ่มก่อตั้งขึ้นมา
พอเป็นแบบนี้ ทำให้ Cadence, Synopsys และ Siemens EDA ค่อย ๆ ครอบงำตลาดนี้มากขึ้น จนปัจจุบันกลายเป็น 3 ยักษ์ที่ยิ่งใหญ่มาถึงทุกวันนี้ได้
นอกจากนี้ ตลาดเครื่องมือออกแบบชิป ก็กีดกันผู้เล่นหน้าใหม่โดยธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะคู่แข่งต้องเข้ามาพลิกล้มกระดานการผลิตชิปใหม่ทั้งระบบเลยทีเดียว
ที่พูดแบบนี้ ก็เพราะว่า เครื่องมือออกแบบชิปของ 3 บริษัทนี้ ถูกปรับให้เข้ากับขั้นตอนการผลิตชิปของโรงงานอย่าง TSMC
ทำให้บริษัทที่ออกแบบชิปของตัวเอง เช่น Nvidia ก็ไม่ต้องคอยมากังวลว่า ออกแบบไปแล้ว จะมีปัญหาในการผลิตไหม จึงช่วยลดความเสี่ยงให้กับบริษัทออกแบบชิปไปในตัวด้วย
ดังนั้น ถ้ามีบริษัทหน้าใหม่เข้ามาแข่งในอุตสาหกรรมนี้
แปลว่า บริษัทออกแบบชิปก็ต้องไปเสี่ยงเอาเองต่อว่า โรงงานจะผลิตชิปได้ไหม ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยาก
ต้นทุนนี้เอง จึงกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า Switching Cost หรือต้นทุนในการเปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่นสูง ที่เป็นหนึ่งในป้อมปราการทางธุรกิจ
เมื่อผู้เล่นหน้าใหม่ถูกกีดกันออกไป แถม 3 บริษัทนี้ยังครอบครองสิทธิบัตรใหม่ ๆ จากการเข้าซื้อสตาร์ตอัปเข้ามาตั้งแต่ช่วงก่อตั้ง
3 บริษัทจึงแบ่งเค้กตลาดนี้กันเองแทน
เพราะตลาดเครื่องมือออกแบบชิป ไม่ได้มีแค่การออกแบบชิปแค่อย่างเดียว แต่ยังมีอย่างน้อย 4 เครื่องมือย่อยในตลาดนี้อีกทอดหนึ่งด้วย
ไล่ตั้งแต่เครื่องมือการวางระบบตรรกะประมวลผล ออกแบบการวางชิปเพื่อประมวลผลตามต้องการ
ไปจนถึงจำลองและตรวจสอบการทำงานของชิปก่อนผลิตได้
Synopsys เลือกจองตลาดเครื่องมือวางระบบตรรกะประมวลผลของชิป
ส่วน Cadence เลือกตลาดออกแบบการวางชิป จำลองและตรวจสอบการทำงานแทน
จะเห็นได้ว่า ทั้ง Synopsys และ Cadence เลือกจองทุกตลาดของเครื่องมือออกแบบชิป จนทำให้ส่วนแบ่งตลาดของทั้งคู่รวมกันถึง 61% ไปแล้ว
โดย Synopsys ครองส่วนแบ่งตลาดมากสุด 31% นำหน้า
Cadence ที่ครองส่วนแบ่งตลาดราว 30%
ทำให้ Siemens EDA สามารถเบียดเข้ามาครองตลาดนี้ได้แค่ 13% เท่านั้น จึงหันไปทำเครื่องมือออกแบบแผงวงจรพิมพ์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าแทน
แล้วที่ผ่านมา บริษัทเหล่านี้มีผลประกอบการเป็นอย่างไร
กันบ้าง ?
เริ่มกันที่ Cadence ปัจจุบันมีรายได้ 87% จากเครื่องมือออกแบบชิปและวางระบบ ส่วนที่เหลือมาจากการขายทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นระบบสำเร็จรูปอยู่แล้ว
ปี 2022
- รายได้ 115,000 ล้านบาท
- กำไร 27,000 ล้านบาท
ปี 2023
- รายได้ 132,000 ล้านบาท
- กำไร 33,000 ล้านบาท
ปี 2024
- รายได้ 150,000 ล้านบาท
- กำไร 34,000 ล้านบาท
ส่วน Synopsys ปัจจุบันมีรายได้ 66% จากเครื่องมือออกแบบชิป ส่วนที่เหลือมาจากการขายทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นระบบสำเร็จรูปเหมือนกับ Cadence
ปี 2022
- รายได้ 149,000 ล้านบาท
- กำไร 31,000 ล้านบาท
ปี 2023
- รายได้ 172,000 ล้านบาท
- กำไร 39,000 ล้านบาท
ปี 2024
- รายได้ 198,000 ล้านบาท
- กำไร 73,000 ล้านบาท
ในขณะที่ Siemens EDA ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นอีกต่อไป
แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Siemens บริษัทยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีในตอนนี้ไปแล้ว
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเรื่องราวของยักษ์ 3 ตัว ที่ยืนอยู่ในเงามืดของวงการชิปโลก ด้วยการมอบเครื่องมือให้บริษัทออกแบบชิปอย่าง Nvidia หรือบริษัทอื่น ๆ ไปใช้งานต่อ
แม้จะเป็นยักษ์ตัวเล็กกว่าบริษัทออกแบบชิปอื่น ๆ หลายเท่าตัว แต่ก็เป็นยักษ์ที่มีอำนาจสูงไม่แพ้บริษัทไหนเลย
เรื่องนี้ก็คงนึกย้อนไปถึงยุคสมัยที่โลกของเรากำลังตื่นทอง
คนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ อาจไม่ใช่คนขุดทอง
แต่เป็นคนที่ขายเครื่องมืออย่างจอบและเสียม ให้คนขุดทองเอาไปใช้ประโยชน์ต่อมากกว่าแทน
โดยเราก็สามารถร่วมเป็นเจ้าของบริษัทขายจอบและเสียมในยุคนี้อย่าง Cadence ได้แล้วผ่านกองทุน MEGA10CYBER..
—----------------------------------------
MEGA10CYBER ร่วมเป็นเจ้าของกับ 10 บริษัทเทคโนโลยี ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) และซอฟต์แวร์องค์กร (Enterprise Software)
- กองทุนเปิด MEGA 10 CYBERSECURITY AND ENTERPRISE SOFTWARE ชนิดสะสมมูลค่า (MEGA10CYBER-A) และ กองทุนเปิด MEGA 10 CYBERSECURITY AND ENTERPRISE SOFTWARE เพื่อการเลี้ยงชีพ (MEGA10CYBERRMF) จะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ทั้งการพัฒนาและการให้บริการที่ถูกจัดกลุ่มอยู่ในหมวดอุตสาหกรรม Information Technology ในกลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) ประเภทซอฟต์แวร์และบริการ (Software & Services) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) หรือ ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq Stock Market: NASDAQ)

กองทุนจะเลือกลงทุนในตราสารทุนของบริษัทข้างต้นในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อย (Sub-Industry) ดังนี้

- บริการอินเทอร์เน็ตและโครงสร้างพื้นฐาน (Internet Services & Infrastructure)
- ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน (Application Software)
- ซอฟต์แวร์ระบบ (Systems Software)
จากนั้นจะนำมาคัดเลือกบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุดจากการเรียงลำดับ และสภาพคล่องสูง
ดังนั้น กองทุนจึงมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Information Technology
ตัวอย่างบริษัทที่คาดว่า MEGA10CYBER-A และ MEGA10CYBERRMF จะเข้าไปลงทุน เช่น
- CrowdStrike เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ให้บริการ แพลตฟอร์มป้องกันภัยคุกคามแบบคลาวด์ เพื่อป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อการโจมตีทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์
- Palo Alto Networks เกี่ยวกับด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ครบวงจร ทั้ง Firewall, Cloud Security และ Threat Intelligence
- AppLovin แพลตฟอร์มโฆษณาและการทำเงินจากแอปมือถือ ให้บริการ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์
- Cadence บริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการ ซอฟต์แวร์ออกแบบวงจรรวม (Electronic Design Automation) และโซลูชันสำหรับ การจำลอง ออกแบบ และตรวจสอบชิปเซมิคอนดักเตอร์ ที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
- Intuit ซอฟต์แวร์การเงินและภาษีสำหรับบุคคล และธุรกิจขนาดเล็ก
- ServiceNow ระบบ Workflow Automation ระดับองค์กร ช่วยจัดการเรื่องบุคลากร และการให้บริการลูกค้าอัตโนมัติ
- Microsoft บริษัทซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ เจ้าของผลิตภัณฑ์ เช่น Windows, Office, Azure และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน OpenAI เจ้าของ ChatGPT และมีธุรกิจโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น Microsoft Defender for Business, Microsoft Sentinel & Cloud Security และ Microsoft Purview
- Oracle เกี่ยวกับด้านฐานข้อมูลองค์กร ให้บริการระบบ ERP ใช้กันในองค์กรทั่วโลก และมีผลิตภัณฑ์กลุ่มความปลอดภัย เช่น Cloud Security Services และ Database & Infrastructure Security
- Salesforce มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงด้านซอฟต์แวร์บริหารลูกค้าสัมพันธ์ และบริการคลาวด์ด้านการขาย และการตลาด
- Adobe มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงด้านซอฟต์แวร์จัดทำคอนเทนต์ภาพนิ่ง และวิดีโอ
*บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการลงทุน ณ ขณะนั้น
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส โทร. 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 หรือ www.talisam.co.th และผู้สนับสนุนการขายหลายราย
การลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์
กองทุนไม่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
กองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Information Technology จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีของกรมสรรพากร
ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับภายในกำหนดเวลา นอกจากนี้จะต้องชำระเงินเพิ่ม และ/หรือเบี้ยปรับตามประมวลรัษฎากร

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon