
ทำไม “ห้าแยกลาดพร้าว” ถูกมองว่าเป็น New CBD ต่อไปของกรุงเทพฯ
ทำไม “ห้าแยกลาดพร้าว” ถูกมองว่าเป็น New CBD ต่อไปของกรุงเทพฯ / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x AP
หนึ่งในข่าวใหญ่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นการมาของ “The Central พหลโยธิน” โครงการใหม่จากเซ็นทรัลพัฒนา
ที่หลายคนมองว่ามีโอกาสจะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ในระดับเดียวกับ “เซ็นทรัลเวิลด์”
ที่หลายคนมองว่ามีโอกาสจะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ในระดับเดียวกับ “เซ็นทรัลเวิลด์”
สิ่งที่ทำให้โครงการนี้ถูกจับตามองอย่างมาก คือเม็ดเงินลงทุนกว่า 21,000 ล้านบาท
ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในบรรดาศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ และยังมากกว่าตอนที่เซ็นทรัลพัฒนาใช้สร้าง “เซ็นทรัลเวิลด์” เมื่อกว่า 20 ปีก่อน เสียอีก
ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในบรรดาศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ และยังมากกว่าตอนที่เซ็นทรัลพัฒนาใช้สร้าง “เซ็นทรัลเวิลด์” เมื่อกว่า 20 ปีก่อน เสียอีก
ด้วยพื้นที่รวมกว่า 220,000 ตารางเมตร The Central พหลโยธิน ถูกวางให้เป็น Flagship แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ที่รวมทั้งศูนย์การค้า พื้นที่ไลฟ์สไตล์ และแบรนด์ระดับโลกไว้ในที่เดียว
ที่น่าสนใจคือ ทำเลของโครงการนี้อยู่ห่างจาก “เซ็นทรัลลาดพร้าว” ไม่ถึง 1 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นสาขาเรือธงเดิมของเซ็นทรัลพัฒนาในย่านนี้
คำถามจึงตามมาว่า ทำไมเซ็นทรัลถึงกล้าลงทุนซ้ำในพื้นที่ที่มีสาขาเดิมอยู่แล้ว ?
อะไรทำให้ “ห้าแยกลาดพร้าว–พหลโยธิน” กลายเป็นสมรภูมิใหม่ ที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ พร้อมใจกันทุ่มเงินระดับหมื่นล้านบาท ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
อะไรทำให้ “ห้าแยกลาดพร้าว–พหลโยธิน” กลายเป็นสมรภูมิใหม่ ที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ พร้อมใจกันทุ่มเงินระดับหมื่นล้านบาท ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในอดีต ทำเลทองของกรุงเทพฯ มักกระจุกอยู่ในโซน CBD กลางเมือง เช่น สีลม สาทร หรือเพลินจิต ซึ่งเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับที่อยู่อาศัยและการลงทุน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความหนาแน่นของเมืองเพิ่มสูงขึ้น ราคาที่ดินก็พุ่งขึ้นต่อเนื่อง
หลายคนจึงเริ่มมองหาทำเลใหม่ที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองออกมาเล็กน้อย แต่ยังเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก
หลายคนจึงเริ่มมองหาทำเลใหม่ที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองออกมาเล็กน้อย แต่ยังเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก
หนึ่งในทำเลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่นี้ได้ดีที่สุด คือ ห้าแยกลาดพร้าว–พหลโยธิน
เพราะเป็นจุดตัดของรถไฟฟ้าสายสำคัญ ทั้ง BTS และ MRT
ทำให้เดินทางเชื่อมต่อได้ทั่วกรุงเทพฯ ทั้งแนวเหนือ–ใต้ และตะวันออก–ตะวันตก
เพราะเป็นจุดตัดของรถไฟฟ้าสายสำคัญ ทั้ง BTS และ MRT
ทำให้เดินทางเชื่อมต่อได้ทั่วกรุงเทพฯ ทั้งแนวเหนือ–ใต้ และตะวันออก–ตะวันตก
ถ้ามองภาพรวมแล้ว ย่านนี้ถือเป็น “ไข่แดง” ทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ
ที่ล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกมิติ ทั้งแหล่งออฟฟิศ แหล่งช็อปปิง โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล รวมถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่หาได้ยากในเมือง
ที่ล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกมิติ ทั้งแหล่งออฟฟิศ แหล่งช็อปปิง โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล รวมถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่หาได้ยากในเมือง
และเมื่อศูนย์การค้าขนาดใหญ่จากผู้เล่นระดับประเทศ เข้ามาปักหมุดในย่านเดียวกัน ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึง “กำลังซื้อที่หนาแน่น” และ “ศักยภาพในการเติบโต” ของพื้นที่นี้ในระยะยาว
ทีนี้ เราลองมาดูกันว่าอะไรคือ “จุดแข็ง” ที่ทำให้ ห้าแยกลาดพร้าว–พหลโยธิน กลายเป็นทำเลที่ทุกคนจับตามอง
1. ด้านคมนาคม
ย่านนี้ถือว่าครบที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของระบบขนส่งมวลชนหลักสองสาย
ทั้ง BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว ที่วิ่งจากปลายสายคูคตผ่านใจกลางเมืองไปจนถึงบางนา
และ MRT สถานีพหลโยธิน ที่เชื่อมตรงเข้าสู่ย่านธุรกิจสำคัญอย่างอโศกและรัชดาภิเษกได้อย่างสะดวก
ทั้ง BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว ที่วิ่งจากปลายสายคูคตผ่านใจกลางเมืองไปจนถึงบางนา
และ MRT สถานีพหลโยธิน ที่เชื่อมตรงเข้าสู่ย่านธุรกิจสำคัญอย่างอโศกและรัชดาภิเษกได้อย่างสะดวก
พูดได้ว่านี่คือ “Intersection ใหม่” ของกรุงเทพฯ ที่กำลังเติบโตเร็วที่สุด
จากเดิมที่หลายคนอาจนึกถึงอโศกเป็นอันดับแรก
แต่วันนี้ “ห้าแยกลาดพร้าว–พหลโยธิน” กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งจุดตัดสำคัญ ที่สร้างทั้งแทรฟฟิกและเม็ดเงินทางเศรษฐกิจให้โซนเหนือของเมือง
จากเดิมที่หลายคนอาจนึกถึงอโศกเป็นอันดับแรก
แต่วันนี้ “ห้าแยกลาดพร้าว–พหลโยธิน” กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งจุดตัดสำคัญ ที่สร้างทั้งแทรฟฟิกและเม็ดเงินทางเศรษฐกิจให้โซนเหนือของเมือง
สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ถนนพหลโยธินยังเชื่อมต่อกับ ถนนวิภาวดีรังสิต ได้โดยตรง
สามารถขึ้นทางด่วนศรีรัชไปยังใจกลางเมือง หรือใช้ ดอนเมืองโทลเวย์ เพื่อเดินทางไปสนามบินได้อย่างสะดวก
สามารถขึ้นทางด่วนศรีรัชไปยังใจกลางเมือง หรือใช้ ดอนเมืองโทลเวย์ เพื่อเดินทางไปสนามบินได้อย่างสะดวก
เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น “รถไฟฟ้าบนดิน รถใต้ดิน หรือรถยนต์ส่วนตัว”
ย่านนี้ก็สามารถเชื่อมต่อไปได้แทบทุกมุมของกรุงเทพฯ
ย่านนี้ก็สามารถเชื่อมต่อไปได้แทบทุกมุมของกรุงเทพฯ
2. ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก
ย่านห้าแยกลาดพร้าว–พหลโยธินถือว่า “อุดมสมบูรณ์” ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เพราะรวมครบทั้งแหล่งช็อปปิง ร้านอาหาร โรงเรียน มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาล
เริ่มจาก เซ็นทรัลลาดพร้าว ห้างแรกของเครือเซ็นทรัล ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ร้านอาหารชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น KFC, MK, Bar B Q Plaza หรือ Swensen’s ซึ่งล้วนมีสาขาแรกเริ่มต้นจากที่นี่
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เซ็นทรัลลาดพร้าวได้รีโนเวตและปรับโฉมครั้งใหญ่ เพื่อให้ทันกับไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ทั้งขยายพื้นที่ร้านค้า เพิ่มแบรนด์แฟชั่นระดับสากล และยกระดับโซนร้านอาหารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
ถัดมาเพียงไม่กี่ก้าวคือ Union Mall ศูนย์การค้ายอดนิยมของวัยรุ่นและผู้ประกอบการแฟชั่น ที่กลายเป็นแหล่งรวมสินค้าราคาเข้าถึงง่าย และยังเป็นพื้นที่จัดงานอิเวนต์และตลาดนัดเชิงสร้างสรรค์ ที่มีคนเข้ามาเยี่ยมชมหลายหมื่นคนต่อวัน
ย่านนี้ยังมี โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน จากเครือ BDMS รวมถึง โรงเรียนนานาชาติ St. Stephen’s International School ที่ช่วยเติมเต็มคุณภาพชีวิตของครอบครัวในย่านนี้ได้อย่างครบวงจร
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ การอยู่ติดกับ สวนจตุจักร พื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองกว่า 155 ไร่ หรือเทียบได้กับสนามฟุตบอลไซซ์มาตรฐานราว 35 สนาม
ซึ่งไม่เพียงเป็นพื้นที่พักผ่อนของคนในย่านนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นที่ตั้งของ “ตลาดนัดจตุจักร” แหล่งท่องเที่ยวระดับโลกที่ดึงดูดทั้งคนไทยและต่างชาติทุกสุดสัปดาห์
เรียกได้ว่า ภายในรัศมีไม่กี่กิโลเมตรรอบ “ห้าแยกลาดพร้าว–พหลโยธิน” มีครบทุกองค์ประกอบของการใช้ชีวิตเมืองอย่างแท้จริง
และด้วยศักยภาพของทำเลที่รายล้อมด้วยรถไฟฟ้า โครงการมิกซ์ยูส และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
จึงไม่น่าแปลกใจที่ย่านนี้ถูกมองว่าเป็น New CBD แห่งต่อไปของกรุงเทพฯ…
จึงไม่น่าแปลกใจที่ย่านนี้ถูกมองว่าเป็น New CBD แห่งต่อไปของกรุงเทพฯ…
และถ้าถามว่า ปัจจุบันมีโครงการไหนในย่านนี้ที่น่าจับตามองที่สุด
หนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ LIFE พหลฯ–ลาดพร้าว จากเครือ AP
หนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ LIFE พหลฯ–ลาดพร้าว จากเครือ AP
แล้วโครงการ LIFE พหลฯ–ลาดพร้าว มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ?
LIFE พหลฯ–ลาดพร้าว คือคอนโดที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ได้อย่างสมดุล ทั้งในด้านการออกแบบและประสบการณ์การอยู่อาศัย

โครงการออกแบบภายใต้แนวคิด Simplicity Luxury หรือ “ความเรียบหรูในแบบมีชั้นเชิง” ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม แม้อยู่ในความเรียบง่าย สะท้อนผ่าน 2 มิติหลัก
1. Sculptural Patterns
แรงบันดาลใจจาก “งานประติมากรรม” ที่ผสานความแข็งแกร่งและความอ่อนช้อย
เส้นสายของอาคารถูกออกแบบให้มีจังหวะและมิติ สะท้อนภาพลักษณ์ที่สง่างาม เรียบหรู และร่วมสมัย
ให้ความรู้สึกโดดเด่นอย่างสงบ งดงามเหนือกาลเวลา (Timeless Elegance)
แรงบันดาลใจจาก “งานประติมากรรม” ที่ผสานความแข็งแกร่งและความอ่อนช้อย
เส้นสายของอาคารถูกออกแบบให้มีจังหวะและมิติ สะท้อนภาพลักษณ์ที่สง่างาม เรียบหรู และร่วมสมัย
ให้ความรู้สึกโดดเด่นอย่างสงบ งดงามเหนือกาลเวลา (Timeless Elegance)
2. Craft Patterns
แรงบันดาลใจจาก “งานคราฟต์” และลวดลายของธรรมชาติ ถ่ายทอดในรูปแบบร่วมสมัย
ผ่านวัสดุ พื้นผิว และการเล่นแสงเงา สะท้อนรสนิยมของผู้อยู่อาศัยที่ให้คุณค่ากับรายละเอียดเล็ก ๆ ในชีวิต
แรงบันดาลใจจาก “งานคราฟต์” และลวดลายของธรรมชาติ ถ่ายทอดในรูปแบบร่วมสมัย
ผ่านวัสดุ พื้นผิว และการเล่นแสงเงา สะท้อนรสนิยมของผู้อยู่อาศัยที่ให้คุณค่ากับรายละเอียดเล็ก ๆ ในชีวิต


ที่น่าสนใจคือ ภายในโครงการยังเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ เช่น
- Nero Chanel Marble และ White Arabescato จากอิตาลี
หินอ่อนระดับไอคอนิกที่มีลวดลายธรรมชาติอันงดงาม ให้ความรู้สึกสง่างามและเหนือกาลเวลา
หินอ่อนระดับไอคอนิกที่มีลวดลายธรรมชาติอันงดงาม ให้ความรู้สึกสง่างามและเหนือกาลเวลา
- White Onyx จากอิหร่าน
หินกึ่งโปร่งแสงที่สะท้อนแสงได้อย่างนุ่มนวล เพิ่มความอบอุ่นและหรูหราให้บรรยากาศภายใน
หินกึ่งโปร่งแสงที่สะท้อนแสงได้อย่างนุ่มนวล เพิ่มความอบอุ่นและหรูหราให้บรรยากาศภายใน
- Van Gogh Onyx จากตะวันออกกลาง
หินหายากที่มีลวดลายสีสันราวภาพวาดของ Van Gogh จนถูกยกให้เป็น “งานศิลป์จากธรรมชาติ” ที่เติมชีวิตชีวาให้พื้นที่อยู่อาศัย
หินหายากที่มีลวดลายสีสันราวภาพวาดของ Van Gogh จนถูกยกให้เป็น “งานศิลป์จากธรรมชาติ” ที่เติมชีวิตชีวาให้พื้นที่อยู่อาศัย
ในยุคที่การอยู่อาศัยไม่ได้หมายถึงแค่พื้นที่ใช้สอยครบฟังก์ชัน
โดยเฉพาะเมื่อหลายคนใช้ชีวิตแบบ Hybrid Living ทำงานจากที่บ้านมากขึ้น และมองหาพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและการใช้ชีวิตอย่างสมดุล
โดยเฉพาะเมื่อหลายคนใช้ชีวิตแบบ Hybrid Living ทำงานจากที่บ้านมากขึ้น และมองหาพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและการใช้ชีวิตอย่างสมดุล
พื้นที่ส่วนกลางของโครงการได้รับการออกแบบอย่างประณีต ยกฟังก์ชันหลักขึ้นสู่ชั้นบนสุดของอาคาร
ภายใต้คอนเซปต์ Quadruple Sky Facilities ที่กระจายอยู่ตั้งแต่ชั้น 38 ถึงดาดฟ้า
เปิดรับวิวเมืองและสวนจตุจักรแบบพาโนรามา สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยเหนือระดับในทุกมุมมอง
ภายใต้คอนเซปต์ Quadruple Sky Facilities ที่กระจายอยู่ตั้งแต่ชั้น 38 ถึงดาดฟ้า
เปิดรับวิวเมืองและสวนจตุจักรแบบพาโนรามา สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยเหนือระดับในทุกมุมมอง


ประกอบด้วย
- Exclusive Sky Club
พื้นที่พักผ่อนและพบปะในบรรยากาศสงบและเป็นส่วนตัว แบ่งโซน The Sky Wing, The Sunset Wing และ The Entertainment
พื้นที่พักผ่อนและพบปะในบรรยากาศสงบและเป็นส่วนตัว แบ่งโซน The Sky Wing, The Sunset Wing และ The Entertainment


- The Cloud Social Club
พื้นที่สังคมบนชั้น 39 สำหรับการนัดพบ พูดคุย หรือประชุมส่วนตัว ภายในมีห้อง Social Meeting, Family Meeting และ Private Meeting Room รองรับทั้งการใช้งานแบบส่วนตัวและกลุ่มเล็ก
พื้นที่สังคมบนชั้น 39 สำหรับการนัดพบ พูดคุย หรือประชุมส่วนตัว ภายในมีห้อง Social Meeting, Family Meeting และ Private Meeting Room รองรับทั้งการใช้งานแบบส่วนตัวและกลุ่มเล็ก

- Sky Pool Pavilion
สระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบ All Season Lap Pool พร้อม Sky Jacuzzi, Sky Pool Bed และมุมพักผ่อน Sky Pavilion Seat
สระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบ All Season Lap Pool พร้อม Sky Jacuzzi, Sky Pool Bed และมุมพักผ่อน Sky Pavilion Seat

- The Cardio Club (8th Floor)
ฟิตเนสเปิดตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกาย ภายในจัดสรรพื้นที่อย่างเป็นส่วนตัว พร้อมอุปกรณ์ครบครัน
ฟิตเนสเปิดตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกาย ภายในจัดสรรพื้นที่อย่างเป็นส่วนตัว พร้อมอุปกรณ์ครบครัน

แล้ว “ห้องพัก” ของที่นี่มีจุดเด่นอย่างไร ?
ต้องบอกว่า โครงการมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ 1 Bedroom, 2 Bedroom และ Vertiplex Room
ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยจริง และการลงทุนในอนาคต
ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยจริง และการลงทุนในอนาคต

ภายในห้องจัดฟังก์ชันอย่างลงตัว ทั้ง Close Kitchen และ Double Access
เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว อยู่เป็นคู่ หรืออยู่แบบครอบครัวก็สบายทุกมิติ
เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว อยู่เป็นคู่ หรืออยู่แบบครอบครัวก็สบายทุกมิติ
อีกจุดที่โดดเด่นคือการจัดสรรพื้นที่ภายในอย่างครบครัน
ทั้ง Walk-In Closet, ตู้เสื้อผ้า Built-In ขนาดใหญ่ และพื้นที่ Multifunction ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์
จะใช้เป็นมุมทำงาน ห้องอ่านหนังสือ หรือโซนพักผ่อนส่วนตัวก็ลงตัวทั้งหมด
ทั้ง Walk-In Closet, ตู้เสื้อผ้า Built-In ขนาดใหญ่ และพื้นที่ Multifunction ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์
จะใช้เป็นมุมทำงาน ห้องอ่านหนังสือ หรือโซนพักผ่อนส่วนตัวก็ลงตัวทั้งหมด

โดยเฉพาะ Vertiplex Room ที่มาพร้อมเพดานสูงถึง 4.42 เมตร
เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวเมืองได้เต็มตา ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง และหรูหราในเวลาเดียวกัน
เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวเมืองได้เต็มตา ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง และหรูหราในเวลาเดียวกัน
และถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศของโครงการจริง สามารถเข้าไปชม Virtual Tour ได้บนเว็บไซต์ของ LIFE พหลฯ–ลาดพร้าว
ซึ่งเมื่อเดินชมถึงบริเวณ Terrace จะเห็นวิวเมืองแบบพาโนรามา พร้อมภาพของเซ็นทรัล ลาดพร้าวที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ซึ่งเมื่อเดินชมถึงบริเวณ Terrace จะเห็นวิวเมืองแบบพาโนรามา พร้อมภาพของเซ็นทรัล ลาดพร้าวที่อยู่ไม่ไกลออกไป


และภายในระยะเพียง 1 กิโลเมตร รอบโครงการ ยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกด้าน
- โลตัส ลาดพร้าว 50 เมตร
- BTS ห้าแยกลาดพร้าว 200 เมตร
- เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเดอะเซ็นทรัล พหลโยธิน 300 เมตร
- MRT พหลโยธิน 550 เมตร
- BTS ห้าแยกลาดพร้าว 200 เมตร
- เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเดอะเซ็นทรัล พหลโยธิน 300 เมตร
- MRT พหลโยธิน 550 เมตร
สุดท้ายแล้ว หาก “ห้าแยกลาดพร้าว” กำลังยกระดับสู่การเป็น New CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
การเลือก LIFE พหลฯ–ลาดพร้าว จึงไม่ใช่เพียงการอยู่อาศัยในทำเลดี
แต่คือการลงทุนบนศูนย์กลางแห่งอนาคตเมือง ที่เชื่อมทุกการเดินทาง รายล้อมด้วยแหล่งงาน แหล่งไลฟ์สไตล์ และโอกาสทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นเอง..
การเลือก LIFE พหลฯ–ลาดพร้าว จึงไม่ใช่เพียงการอยู่อาศัยในทำเลดี
แต่คือการลงทุนบนศูนย์กลางแห่งอนาคตเมือง ที่เชื่อมทุกการเดินทาง รายล้อมด้วยแหล่งงาน แหล่งไลฟ์สไตล์ และโอกาสทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นเอง..
ใครที่สนใจโครงการ LIFE พหลฯ–ลาดพร้าว สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://apthai.ly/ST8nWK
https://apthai.ly/ST8nWK
#APThai #APcondo #เริ่มชีวิตที่อยากใช้APคอนโด #APLivingQuality #LifePhahonLadprao