พูดถึง โรงแรมใหญ่ที่สุดในไทย ทุกคนคงนึกถึง ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MINT

ปัจจุบัน มีมูลค่าบริษัท 133,000 ล้านบาท

แต่รู้ไหมว่า หากเราเทียบกับบริษัทที่ทำธุรกิจคล้าย ๆ กัน
ในเวียดนาม อย่าง Vinpearl โรงแรมที่ใหญ่สุดในเวียดนาม จะเป็นเรื่องที่น่าตกใจ

เพราะวันนี้ Vinpearl มีมูลค่าบริษัท 206,000 ล้านบาท
หรือสูงกว่า MINT ราว 73,000 ล้านบาท..

สำหรับ Vinpearl นั้นเป็นเชนโรงแรมและสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม อยู่ภายใต้อาณาจักร Vingroup บริษัท Conglomerate มีธุรกิจกระจายไปในหลากหลายอุตสาหกรรม

ซึ่งเป็นกลุ่มทุนใหญ่สุดในเวียดนาม ของมหาเศรษฐีอย่างคุณ Pham Nhat Vuong

โดย Vingroup ถือหุ้น Vinpearl ในสัดส่วน 86%

ปี 2024 Vinpearl มีจำนวนโรงแรมและรีสอร์ตรวมทั้งหมด 31 แห่ง จำนวนห้องพักรวมกว่า 16,100 ห้อง กระจายอยู่ใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ โดยเน้นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของเวียดนาม

โมเดลธุรกิจของ Vinpearl เน้นไปที่จุดหมายปลายทางแบบครบวงจร โดยในพื้นที่โครงการของ Vinpearl จะประกอบไปด้วย โรงแรมระดับ 5 ดาว, วิลลาหรู, สวนสนุก, สวนสัตว์ และสนามกอล์ฟ

ผลประกอบการที่ผ่านมาของบริษัท

ปี 2023
รายได้ 10,800 ล้านบาท กำไร 800 ล้านบาท

ปี 2024
รายได้ 17,300 ล้านบาท กำไร 3,100 ล้านบาท

9 เดือนแรก ปี 2025
รายได้ 10,800 ล้านบาท กำไร 500 ล้านบาท

โครงสร้างรายได้มาจาก
- 99% การให้บริการโรงแรม การท่องเที่ยว และสันทนาการ
- 1% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และกิจกรรมการให้เช่าและบริการที่เกี่ยวข้อง

เทียบกับ MINT ซึ่งไม่ได้มีแค่โรงแรมในไทย โดยปี 2024 มีโรงแรมทั้งหมด 562 แห่ง รวมจำนวนห้องพัก 81,344 ห้อง กระจายอยู่ใน 58 ประเทศ

ผลประกอบการที่ผ่านมาของบริษัท

ปี 2023
รายได้ 153,000 ล้านบาท กำไร 5,400 ล้านบาท

ปี 2024
รายได้ 165,400 ล้านบาท กำไร 7,800 ล้านบาท

9 เดือนแรก ปี 2025
รายได้ 121,900 ล้านบาท กำไร 6,100 ล้านบาท

โครงสร้างรายได้
- 80% ธุรกิจโรงแรมและอื่น ๆ
- 20% ธุรกิจร้านอาหาร

โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา MINT ราคาหุ้นปรับตัวลงไป 10%

ส่วนฝั่งของ Vinpearl ที่เพิ่ง IPO เข้าตลาดหุ้นเวียดนาม เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไป 20%
เป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาหุ้นของทั้งกลุ่ม Vingroup ที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง

ซึ่งก็น่าคิดว่า Vinpearl ที่มีทั้งรายได้และกำไรน้อยกว่า MINT กว่า 10 เท่า แต่กลับมีมูลค่าบริษัทมากกว่าในตอนนี้

กำลังเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลแล้ว สำหรับการเติบโตในอนาคตของบริษัท

หรือว่า มูลค่าบริษัทสูงระดับนี้ได้เป็นเพราะการถูก Corner

เพราะการที่ Vingroup ถือหุ้นในสัดส่วนมากถึง 86% หมายความว่า Vinpearl มี Free Float ในตลาดน้อยมาก

ซึ่งเป็นการเปิดช่องให้มีการทำราคาหุ้นได้ง่าย โดยที่ใช้เงินน้อยกว่าหุ้นที่มี Free Float สูง เมื่อเทียบกับบริษัทที่มีมูลค่าใกล้เคียงกัน

อย่างที่เราเห็นในหลายตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ที่ราคาหุ้นอาจยืนได้ในระดับสูงได้เป็นระยะเวลานาน หรือปรับตัวขึ้นไปได้เรื่อย ๆ แม้ว่ามีราคาแพงมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐานของธุรกิจ

ซึ่งสุดท้าย ก็ไม่มีใครรู้จริงว่า Corner จะดำเนินต่อไปได้นานแค่ไหน หรือจะจบลงตอนไหน แต่เมื่อ Corner แตก ก็มักจบที่ความเสียหายของนักลงทุนรายย่อยที่เข้าไปเก็งกำไร..

คำเตือน : โพสต์นี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูล ไม่ได้แนะนำให้ซื้อหรือขายแต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน

References
-https://vinpearl.com/en/shareholder-relations
-https://vinpearl.com/en/information-disclosure
-https://www.settrade.com/th/equities/quote/MINT/financial-statement/five-years
-https://finance.vietstock.vn/VPL-vinpearl-joint-stock-company.htm