การแข่งกันของ Lyft และ Uber ในสหรัฐอเมริกา

การแข่งกันของ Lyft และ Uber ในสหรัฐอเมริกา

การแข่งกันของ Lyft และ Uber ในสหรัฐอเมริกา / โดย ลงทุนแมน
ในยุคปัจจุบันหากเราพูดถึงบริการเรียกรถ
คนไทยหลายคนคงนึกถึง Uber และ Grab
ตอนนี้ในตลาดอาเซียน Grab ซื้อกิจการ Uber ไปแล้ว
แต่ในสหรัฐอเมริกา Uber ยังเป็นผู้นำตลาดอยู่
และคู่แข่งคนสำคัญของ Uber ที่นั่นจะมีอีกชื่อหนึ่งว่า “Lyft”
Lyft เป็นแพลตฟอร์มเรียกรถที่เป็นคู่แข่งที่สำคัญของ Uber
แล้ว Lyft เป็นใคร แตกต่างกับ Uber หรือไม่
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
http://www.blockdit.com
┗━━━━━━━━━━━━┛
Lyft เดิมทีนั้นเป็นเพียงบริการหนึ่งที่อยู่ภายใต้บริษัทที่ชื่อว่า Zimride
ก่อตั้งโดย Logan Green และ John Zimmer
ซึ่ง Lyft จะให้บริการเรียกรถที่มีระยะทางสั้นกว่า Zimride
แต่ต่อมาในปี 2012 Green และ Zimmer ได้ลดการให้บริการระยะไกลลง
และมุ่งเน้นการให้บริการเรียกรถระยะสั้นมากกว่า
จึงทำให้มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Zimride มาเป็น Lyft ในที่สุด
โดย Lyft มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ San Francisco และ New York
แล้ว Lyft กับ Uber ต่างกันอย่างไร?
คงต้องบอกว่าด้วยตัวลักษณะธุรกิจ มีเพียงแค่ 2 ประเด็นหลักๆ ที่ต่างกัน
1. Uber ให้บริการที่ครอบคลุมกว่า 60 ประเทศ
แต่ Lyft จะให้บริการแค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
2. Uber ไม่ได้ให้บริการขนส่งคนเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้บริการเรียกรถเพื่อส่งอาหารและส่งของอีกด้วย
ในขณะที่ Lyft จะให้บริการขนส่งคนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ในปี 2018 Uber มีการให้บริการลูกค้าไปกว่า 5,000 ล้านครั้ง
ในขณะที่ Lyft มีการให้บริการไปเพียง 620 ล้านครั้ง หรือน้อยกว่า 8 เท่า
อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกันในสหรัฐอเมริกา
Lyft มีส่วนแบ่งตลาดบริการเรียกรถอยู่ที่ประมาณ 40% ของตลาดทั้งหมด ซึ่งต้องบอกว่าสูสีกับ Uber
แล้วผลประกอบการของทั้ง 2 บริษัทเป็นอย่างไร
ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2019
Uber มีรายได้ 90,000 ล้านบาท
ขาดทุน 37,000 ล้านบาท
ในขณะที่ Lyft มีรายได้ประมาณ 30,000 ล้านบาท
ขาดทุน 15,000 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าในตลาดบริการเรียกรถ ไม่มีใครสามารถทำกำไรได้
ไม่ว่าจะมีบริการอื่นเข้ามาร่วมด้วยอย่าง Uber หรือจะเป็นการเรียกรถโดยสารอย่างเดียวอย่าง Lyft
ถ้าเราดูมูลค่าบริษัททั้ง 2 แห่งใน Nasdaq
มูลค่าบริษัทของ Uber มีมากถึง 1,400,000 ล้านบาท
ในขณะที่ Lyft มีมูลค่าอยู่เพียงแค่ 400,000 ล้านบาท
คำถามสำคัญคือ แล้วเพราะอะไรนักลงทุนถึงให้ความเชื่อมั่นกับทั้ง 2 บริษัทนี้
คำตอบก็คือ นักลงทุนอาจมองไปข้างหน้า และเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 บริษัทสามารถทำกำไรได้ในที่สุด
เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าในอนาคต ทั้ง 2 บริษัทนี้จะทำกำไรได้จริงหรือไม่
และตลาด Ridesharing ในสหรัฐอเมริกา Uber หรือ Lyft จะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดได้
สำหรับในอนาคต
เราอาจได้เห็นบริษัทสตาร์ตอัปใหม่เข้ามาแข่งในตลาดนี้อีก
เพราะโมเดลธุรกิจอย่าง Ridesharing ยังถือว่าง่ายต่อการเลียนแบบ
มีช่องว่างให้คู่แข่งสามารถเข้ามาแข่งได้อยู่ตลอดเวลา
แต่คนเข้ามาก็ต้องคิดหนัก
เพราะขนาดเจ้าตลาด ยังทำกำไรไม่ได้เลย..
----------------------
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
http://www.blockdit.com
----------------------
References
-https://www.nasdaq.com/market-activity/stocks/lyft
-https://www.nasdaq.com/market-activity/stocks/uber
-https://www.businessinsider.com/uber-delivers-mixed-q3-results-2019-11
-https://www.forbes.com/sites/bizcarson/2019/03/01/its-official-lyft-files-to-go-public/#7e0ab458649d
-https://www.forbes.com/sites/greatspeculations/2019/04/22/how-do-uber-and-lyft-compare-in-terms-of-key-revenue-and-valuation-metrics/#233c2be160bc
-https://www.theverge.com/2019/10/30/20940450/lyft-q3-earnings-loss-revenue-2019
-https://www.cnbc.com/2019/11/04/uber-uber-q3-2019-earnings.html

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon