
กรณีศึกษา เมื่อ Kerry กลายเป็น Generic name ในตลาดส่งพัสดุ
Kerry x ลงทุนแมน
กรณีศึกษา เมื่อ Kerry กลายเป็น Generic name ในตลาดส่งพัสดุ
กรณีศึกษา เมื่อ Kerry กลายเป็น Generic name ในตลาดส่งพัสดุ
ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ต้องบอกว่าชีวิตหลายคนกำลังเปลี่ยนไปมาก
บางคนไม่เคยทำอาหาร ก็หันมาชอปปิงวัตถุดิบทางออนไลน์ ฝึกทำเมนูอร่อยๆ
บางคนที่เคยซื้อเครื่องสำอางแต่ในห้าง ก็หันมาซื้อทางออนไลน์
หรือบางคนที่ไม่เคยขายของใน Facebook ก็หันมา Live ขายสารพัดสินค้า
บางคนไม่เคยทำอาหาร ก็หันมาชอปปิงวัตถุดิบทางออนไลน์ ฝึกทำเมนูอร่อยๆ
บางคนที่เคยซื้อเครื่องสำอางแต่ในห้าง ก็หันมาซื้อทางออนไลน์
หรือบางคนที่ไม่เคยขายของใน Facebook ก็หันมา Live ขายสารพัดสินค้า
จะเห็นได้ว่าแม้ผลกระทบจาก COVID-19 จะสร้างความเครียดให้ใครหลายๆ คน
แต่..ท้ายที่สุดแล้วตัวเราเองต่างหากที่ขีดเส้นเลือกได้ว่าจะมี ความสุข หรือ ความทุกข์ กับช่วงเวลานี้
แต่..ท้ายที่สุดแล้วตัวเราเองต่างหากที่ขีดเส้นเลือกได้ว่าจะมี ความสุข หรือ ความทุกข์ กับช่วงเวลานี้
ซึ่งทุกกิจกรรมความสุขที่กล่าวมาข้างต้น เราต้องพึ่งบริษัทขนส่งพัสดุเป็น “ตัวกลาง” ใช้เป็นสะพานในการรับส่งสินค้า
พอเรื่องเป็นเบบนี้ ก็เลยทำให้ Kerry มองเห็นโอกาสในการสร้างแบรนด์ให้ “ต่าง” จากคู่แข่ง
พอเรื่องเป็นเบบนี้ ก็เลยทำให้ Kerry มองเห็นโอกาสในการสร้างแบรนด์ให้ “ต่าง” จากคู่แข่ง
แล้วความต่างที่ว่า..นั้นคืออะไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ณ วันนี้ ตลาดขนส่งพัสดุรายใหญ่ๆในบ้านเรา ต่างพัฒนายกระดับบริการตัวเอง
จนมาถึงจุดที่การบริการ แทบจะใกล้เคียงกันหมด
สุดท้ายก็มาแข่งขันกันในเรื่องของ “ราคา”
จนมาถึงจุดที่การบริการ แทบจะใกล้เคียงกันหมด
สุดท้ายก็มาแข่งขันกันในเรื่องของ “ราคา”
ซึ่งก็ดูเหมือนจะเข้าทางผู้บริโภค เพราะเวลานี้หากบริษัทขนส่งพัสดุรายไหนมีค่าบริการที่ถูกกว่า
ก็มักจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในใจลูกค้า
ซึ่งนั่นหมายความว่า ตลาดนี้ผู้บริโภคไม่ได้รักเดียวใจเดียว
ก็มักจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในใจลูกค้า
ซึ่งนั่นหมายความว่า ตลาดนี้ผู้บริโภคไม่ได้รักเดียวใจเดียว
ส่วนที่มาของหนึ่งในจุดอ่อนนี้ก็คือ
หากมองไปที่บริษัทขนส่งพัสดุรายใหญ่ทุกราย ผู้บริโภคต่างมีภาพจำเหมือนกันหมด
ก็คือเป็น แบรนด์ขนส่งพัสดุ ไม่มีแบรนด์ไหนที่ผู้บริโภค รู้สึกว่ามีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนจนทำให้รู้สึกผูกพัน
หากมองไปที่บริษัทขนส่งพัสดุรายใหญ่ทุกราย ผู้บริโภคต่างมีภาพจำเหมือนกันหมด
ก็คือเป็น แบรนด์ขนส่งพัสดุ ไม่มีแบรนด์ไหนที่ผู้บริโภค รู้สึกว่ามีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนจนทำให้รู้สึกผูกพัน
เป็นเรื่องที่ Kerry รับรู้ พร้อมกับตั้งโจทย์การตลาดว่าต่อไปนี้จะ ลงทุนเพื่อแบรนด์
เป้าหมายก็เพื่อ ให้เวลาคนคิดที่จะส่งพัสดุจะนึกถึง Kerry เป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียว
เหมือนอย่างที่เราพูดว่าซื้อ “มาม่า” 1 ซอง แทนคำว่าซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
เป้าหมายก็เพื่อ ให้เวลาคนคิดที่จะส่งพัสดุจะนึกถึง Kerry เป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียว
เหมือนอย่างที่เราพูดว่าซื้อ “มาม่า” 1 ซอง แทนคำว่าซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ซึ่งการจะไปให้ถึงจุดหมายนั้นได้ ก็ต้องทำให้แบรนด์ไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันของคนไทย
จึงทำให้มีแคมเปญการตลาดใหม่ที่ชื่อว่า Keep calm and Kerry on
จึงทำให้มีแคมเปญการตลาดใหม่ที่ชื่อว่า Keep calm and Kerry on
โดยช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่หลายคนต้องกักตัวอยู่บ้านเพื่อช่วยลดการระบาดของ COVID-19
Kerry ก็สื่อสารแบรนด์ตัวเองผ่านสื่อรอบตัวเราว่า
“ขอเป็นตัวกลางสร้างรอยยิ้ม และความสุข ผ่านการส่งพัสดุทั่วประเทศ”
Kerry ก็สื่อสารแบรนด์ตัวเองผ่านสื่อรอบตัวเราว่า
“ขอเป็นตัวกลางสร้างรอยยิ้ม และความสุข ผ่านการส่งพัสดุทั่วประเทศ”
ขณะเดียวกันก็มีคลิปโฆษณาที่สื่อสารว่าหากเราเป็น พ่อค้าออนไลน์, เป็นพ่อครัว, เป็นนักตกแต่ง
หรือจะเป็นอะไรตามความชอบของแต่ละคน Kerry ก็จะขอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา
หรือจะเป็นอะไรตามความชอบของแต่ละคน Kerry ก็จะขอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา
ปรากฏการณ์ตรงนี้ ก็เลยทำให้แบรนด์ Kerry
ในสายตาผู้บริโภคกำลังเป็นแบรนด์ที่น่ารัก อารมณ์ดี รู้สึกเข้าถึงง่าย
ในสายตาผู้บริโภคกำลังเป็นแบรนด์ที่น่ารัก อารมณ์ดี รู้สึกเข้าถึงง่าย
เรื่องนี้ก็เลยทำให้ย้อนนึกถึงเพลงลูกทุ่ง “ให้เคอรี่มาส่งได้บ่” ของคุณ เบลล์ นิภาดา ที่สร้างยอด 1 ล้านวิวภายใน 5 วันซึ่งจะเป็นความบังเอิญหรือเป็นการซื้อโฆษณาเนียนๆ ก็ไม่มีใครรู้
แต่ที่ตอบได้แน่ๆ แค่เพลงนี้เพลงเดียวก็ทำให้ Kerry เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนต่างจังหวัดจนกลายเป็นคำฮิตติดปาก
ที่น่าสนใจก็คือ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ Kerry เท่านั้น ซึ่งต่อจากนี้ไปเราอาจจะเห็น Kerry
มีสารพัดกลยุทธ์การตลาดเพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกดีกับแบรนด์
มีสารพัดกลยุทธ์การตลาดเพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกดีกับแบรนด์
ถึงตรงนี้หลายคนคงตั้งคำถามว่าทำไม Kerry ต้องการสร้างแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันคนไทย
ทั้งๆ ที่ปัจจุบันก็มียอดส่งพัสดุมหาศาลเฉลี่ยวันละกว่าล้านชิ้น ผ่านจุดบริการมากกว่า 10,000 จุด
เพราะว่ากันว่า หากแบรนด์ไหนสามารถทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต
จนเกิดความคุ้นชินเรียกชื่อแบรนด์นั้นแทนชื่อประเภทสินค้าที่ตัวเองจะซื้อได้
ก็จะมีแต้มต่อได้เปรียบคู่แข่งทันที
ทั้งๆ ที่ปัจจุบันก็มียอดส่งพัสดุมหาศาลเฉลี่ยวันละกว่าล้านชิ้น ผ่านจุดบริการมากกว่า 10,000 จุด
เพราะว่ากันว่า หากแบรนด์ไหนสามารถทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต
จนเกิดความคุ้นชินเรียกชื่อแบรนด์นั้นแทนชื่อประเภทสินค้าที่ตัวเองจะซื้อได้
ก็จะมีแต้มต่อได้เปรียบคู่แข่งทันที
เพราะเสมือนเป็นการย้ำว่า ณ วันนี้ หากใครต้องการส่งพัสดุก็ขอส่งกับ Kerry เท่านั้น
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือยอดส่งพัสดุของ Kerry จะเพิ่มขึ้นตลอดอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายอาจไม่จำเป็นที่จะต้องไปแข่งขันอัตราค่าบริการกับบริษัทคู่แข่ง
ซึ่งก็จะทำให้ Kerry มีกำไรในธุรกิจนี้มากขึ้น
สุดท้ายอาจไม่จำเป็นที่จะต้องไปแข่งขันอัตราค่าบริการกับบริษัทคู่แข่ง
ซึ่งก็จะทำให้ Kerry มีกำไรในธุรกิจนี้มากขึ้น
และตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าหลายคนที่ไปส่งพัสดุ
แทนที่จะพูดว่า “จะไปส่งของ”
แต่พวกเขากลับพูดว่า “จะไปส่ง Kerry” กันแล้ว..
แทนที่จะพูดว่า “จะไปส่งของ”
แต่พวกเขากลับพูดว่า “จะไปส่ง Kerry” กันแล้ว..
Reference
ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
Tag: Kerry