กรณีศึกษา ทำไม Baidu ยอมจ่ายเงินแสนล้าน แลกกับ แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิง

กรณีศึกษา ทำไม Baidu ยอมจ่ายเงินแสนล้าน แลกกับ แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิง

30 พ.ย. 2020
กรณีศึกษา ทำไม Baidu ยอมจ่ายเงินแสนล้าน แลกกับ แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิง /โดย ลงทุนแมน
เมื่อไม่นานมานี้ วงการเทคโนโลยีมีข่าวที่น่าสนใจเกิดขึ้น
นั่นคือ “Baidu” บริษัท Search Engine อันดับหนึ่งของประเทศจีน
ประกาศเข้าซื้อแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิงในประเทศจีน ชื่อว่า “YY” ด้วยราคาสูงถึง 109,000 ล้านบาท
ความเคลื่อนไหวของ Baidu ครั้งนี้
น่าจะทำให้การแข่งขันในธุรกิจโซเชียลมีเดียจีน ดุเดือดมากยิ่งขึ้น
YY คือใคร ทำอะไร
แล้วทำไม Baidu ถึงต้องการซื้อแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Baidu เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ จากประเทศจีน
ประกอบธุรกิจหลัก คือ การให้บริการระบบค้นหาข้อมูล หรือ Search Engine
ซึ่งมีผู้ใช้งานประจำถึง 204 ล้านคนต่อวัน
จึงมักจะถูกเปรียบว่าเป็น “Google แห่งเมืองจีน”
Baidu จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา ผลประกอบการของ Baidu กลับไม่ได้เติบโตสูงเหมือนกับบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม
ปี 2019
ไตรมาสที่ 1 รายได้ 109,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 2 รายได้ 116,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 3 รายได้ 119,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 4 รายได้ 123,000 ล้านบาท
ปี 2020
ไตรมาสที่ 1 รายได้ 96,000 ล้านบาท
ไตรมาสที่ 2 รายได้ 112,000 ล้านบาท
รายได้ของ Baidu ซึ่งมีสัดส่วนหลักมาจากค่าโฆษณา มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะครึ่งแรกของปีนี้ ที่รายได้ลดลงราว 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะมันสะท้อนว่า ธุรกิจออนไลน์ในประเทศจีนมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง จนบริษัทคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น ByteDance, Tencent, Alibaba สามารถแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณาที่เคยเป็นส่วนของ Baidu ไปได้
สาเหตุเนื่องจาก คอนเทนต์ที่กำลังเป็นที่นิยมของชาวจีน และดึงดูดเม็ดเงินโฆษณาส่วนใหญ่
คือ แพลตฟอร์มที่เป็น “สื่อโซเชียลมีเดีย”
ByteDance
เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น Douyin หรือ TikTok เวอร์ชันภาษาจีน
ซึ่งมีผู้ใช้งานประจำ 600 ล้านบัญชีต่อวัน
Tencent
เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น Kuaishou
ซึ่งมีผู้ใช้งานประจำ 300 ล้านบัญชีต่อวัน
Alibaba
เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Taobao ที่มีฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมมิง สำหรับนำเสนอสินค้า
ซึ่งมีผู้ใช้งานประจำ 299 ล้านบัญชีต่อวัน
ความจริงแล้ว Baidu เองก็เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ขนาดใหญ่ ชื่อว่า iQiyi ซึ่งมีผู้สมัครใช้บริการสูงถึง 530 ล้านบัญชี
แต่แพลตฟอร์มดังกล่าว เน้นให้บริการคอนเทนต์ภาพยนตร์ คล้ายกับ Netflix
ซึ่งแตกต่างจากโซเชียลมีเดีย ที่มีพื้นที่ให้ผู้คนสามารถแชร์คอนเทนต์ของตนเองได้
ที่สำคัญคือ iQiyi ยังไม่เคยมีกำไรจากการดำเนินงานเลย
โดยปี 2019 ขาดทุนสูงถึง 45,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมงบการเงินของ Baidu
นอกจากนั้น บริษัทคู่แข่งก็มีแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ในลักษณะคล้ายกัน เช่น Tencent Video ของ Tencent ที่มีสมาชิก 900 ล้านบัญชี หรือ Youku ของ Alibaba ที่มีสมาชิก 500 ล้านบัญชี
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Baidu พยายามหาโอกาสลงทุนในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อกระจายความเสี่ยงกิจการ และสร้างการเติบโตตามเทรนด์ของตลาด
ซึ่งก่อนหน้านี้ Baidu เริ่มขยับตัวบ้างแล้ว
โดยในปี 2017 ได้เปิดให้บริการแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้น ชื่อว่า Haokan
ปัจจุบันมีผู้ใช้งานประจำ 110 ล้านบัญชีต่อวัน
แต่ตัวเลขนี้ก็ถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับเจ้าตลาดอย่าง Douyin หรือ Kuaishou
อย่างไรก็ตาม Baidu ยังพอมีจุดแข็งไว้ใช้ต่อสู้อยู่
นั่นคือ เงินสดในมือกว่า 660,000 ล้านบาท
และเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
บริษัทได้ตัดสินใจยื่นข้อเสนอ เพื่อขอซื้อกิจการ “YY” แพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิงชื่อดังของประเทศจีน ด้วยราคาประมาณ 109,000 ล้านบาท
เจ้าของแพลตฟอร์ม YY คือ JOYY Inc. บริษัทเทคโนโลยี สัญชาติจีน
ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดราว 2.7 แสนล้านบาท
โดยนอกจาก YY แล้ว บริษัทยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมมิงอื่นๆ ด้วย เช่น Bigo Live ที่คนไทยน่าจะพอคุ้นชื่อกันอยู่บ้าง
แต่บริษัทยอมตกลงขาย YY ให้กับ Baidu เนื่องจากต้องการลดการพึ่งพารายได้จากประเทศจีน ซึ่งกำลังมีการกำกับดูแลที่เข้มงวด เพื่อไปมุ่งเน้นตลาดต่างประเทศแทน

แล้ว YY ตอบโจทย์การขยายธุรกิจโซเชียลมีเดียของ Baidu อย่างไร?
ในปัจจุบัน YY มีผู้ใช้งานประจำอยู่ราว 41 ล้านบัญชีต่อเดือน ซึ่งอาจไม่ใช่จำนวนที่สูงมากนัก
แต่ทาง Baidu จะได้ครอบครองเทคโนโลยี โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเริ่มต้นพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่เองตั้งแต่ต้น ซึ่งอาจทำให้ตามผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดไม่ทัน
ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะทำการเชื่อมต่อแพลตฟอร์ม YY เข้ากับ Baidu
เพื่อนำเสนอฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมมิงให้แก่ฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของ Baidu ได้ในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้ใช้งานต้องการข้อมูลสำหรับใช้สร้างคอนเทนต์ในการไลฟ์สตรีมมิง
ไม่ว่าจะเรื่องข่าวสาร, ความบันเทิง หรือแคสต์เกม
ก็จะสามารถเข้าไปค้นหาใน Baidu ที่เปรียบเสมือนคลังข้อมูลออนไลน์ ได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งก็น่าติดตามต่อไปว่า Baidu และ YY จะช่วยส่งเสริมประโยชน์ให้กันและกันได้ดีแค่ไหน
และพวกเขาจะไล่ตามโซเชียลมีเดียรายอื่นทันหรือไม่
แต่ที่แน่ๆ คือ ในอนาคต เราคงได้เห็นข่าวดีลซื้อขายแพลตฟอร์มออนไลน์อีกมากมาย ไม่ว่าในจีนหรือประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ
ที่บริษัทชั้นนำต่างๆ กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงเวลาทุกวินาทีบนโลกออนไลน์ให้ได้มากที่สุด
ใครเดินช้าไปแม้แต่ก้าวเดียว คงยากที่จะไล่ตามคนอื่นทัน
และทางลัดก็คือ การซื้อกิจการที่มีอยู่แล้ว เพื่อนำมาขยายให้ดีขึ้นนั่นเอง..
----------------------
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.