[UPDATE] NETFLIX โตแรงกว่าที่คาด มูลค่าเพิ่มขึ้น 8 แสนล้านทันที หลังปิดตลาด
20 ม.ค. 2021
[UPDATE] NETFLIX โตแรงกว่าที่คาด มูลค่าเพิ่มขึ้น 8 แสนล้านทันที หลังปิดตลาด
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา บริษัท Netflix ได้ประกาศผลประกอบการ ไตรมาสที่ 4 ปี 2020
ซึ่งทางบริษัท ทำได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์หลายคน คาดการณ์ไว้
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา บริษัท Netflix ได้ประกาศผลประกอบการ ไตรมาสที่ 4 ปี 2020
ซึ่งทางบริษัท ทำได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์หลายคน คาดการณ์ไว้
นั่นจึงทำให้หลังประกาศผลประกอบการ มูลค่าของบริษัท Netflix พุ่งขึ้นทันทีกว่า 12.4%
คิดเป็นมูลค่า 8.2 แสนล้านบาท ดันมูลค่าบริษัทแตะ 7.5 ล้านล้านบาท
คิดเป็นมูลค่า 8.2 แสนล้านบาท ดันมูลค่าบริษัทแตะ 7.5 ล้านล้านบาท
ด้วยมูลค่าระดับนี้ จะทำให้ Netflix ที่เพิ่งผันธุรกิจเข้าสู่วิดีโอสตรีมมิงมาได้ราว 13 ปี
มีมูลค่าบริษัทมากกว่า Comcast เจ้าของเคเบิลทีวียักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
ที่ทำธุรกิจมายาวนานถึง 57 ปี
มีมูลค่าบริษัทมากกว่า Comcast เจ้าของเคเบิลทีวียักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
ที่ทำธุรกิจมายาวนานถึง 57 ปี
โดยผลประกอบการ Netflix ไตรมาส 4 ปี 2020
รายได้ 1.99 แสนล้านบาท กำไร 1.62 หมื่นล้านบาท
รายได้ 1.99 แสนล้านบาท กำไร 1.62 หมื่นล้านบาท
รายได้เติบโต 21.5%
กำไรลดลง 7.6%
กำไรลดลง 7.6%
โดยกำไรที่ลดลงมาจากรายการพิเศษทางบัญชีในปีที่ผ่านมา
ซึ่งหากเรามาดู กำไรจากการดำเนินงาน จะเติบโตมากถึง 107.8%
ซึ่งหากเรามาดู กำไรจากการดำเนินงาน จะเติบโตมากถึง 107.8%
ในขณะที่จำนวนสมาชิกบนระบบเพิ่มขึ้น 8.5 ล้านบัญชี คิดเป็นการเติบโตขึ้น 23.5%
ทำให้ตอนนี้ Netflix มีสมาชิกบนระบบแล้วกว่า 203.66 ล้านบัญชี
ทำให้ตอนนี้ Netflix มีสมาชิกบนระบบแล้วกว่า 203.66 ล้านบัญชี
โดย Netflix ก็ได้ระบุว่าในปีนี้ การแข่งขันด้านคอนเทนต์ระหว่างเจ้าของแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงสูงขึ้นมากโดยเฉพาะ Disney+ ที่เปิดตัวได้เพียงปีเดียว แต่สามารถโกยสมาชิกทั่วโลกไปได้แล้วกว่า 87 ล้านบัญชี
ในส่วนนี้ คุณ Reed Hastings ผู้เป็นซีอีโอของทางบริษัท ก็ได้ระบุว่าความสำเร็จของ Disney แสดงให้เห็นถึง พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ยอมจ่ายให้กับคอนเทนต์คุณภาพดี
เรื่องนี้ก็ถือเป็นมุมมองที่น่าติดตาม เพราะว่าหลายคนอาจจะคาดการณ์ว่าการเข้ามาวิดีโอสตรีมมิง เช่น Disney+ จะเข้ามาแย่งสมาชิกของ Netflix ก็อาจจะไม่จริงเสมอไป
เพราะเราอาจจะเป็นสมาชิกของทั้ง 2 แพลตฟอร์มไปพร้อม ๆ กันได้
หากคอนเทนต์จากทั้ง 2 แห่ง มีคุณภาพที่พอที่ทำให้เรายอมจ่าย
หากคอนเทนต์จากทั้ง 2 แห่ง มีคุณภาพที่พอที่ทำให้เรายอมจ่าย
สำหรับ Netflix เอง ก็ได้ขยายขอบเขตของซีรีส์ที่มีความเป็น Local Original Content
เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่แปลกใหม่ไปพร้อม ๆ กับการเจาะกลุ่มผู้รับชมตามแต่ละท้องถิ่น มากขึ้น
เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่แปลกใหม่ไปพร้อม ๆ กับการเจาะกลุ่มผู้รับชมตามแต่ละท้องถิ่น มากขึ้น
ตัวอย่างก็เช่น
Barbarians ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ประเทศเยอรมนี
Sweet Home ซีรีส์สยองขวัญเกาหลี
Selena ซีรีส์ดราม่าเม็กซิกัน อเมริกัน
Alice in Borderland ซีรีส์ไซไฟญี่ปุ่น
และ Lupin ซีรีส์จอมโจรฝรั่งเศส
Barbarians ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ประเทศเยอรมนี
Sweet Home ซีรีส์สยองขวัญเกาหลี
Selena ซีรีส์ดราม่าเม็กซิกัน อเมริกัน
Alice in Borderland ซีรีส์ไซไฟญี่ปุ่น
และ Lupin ซีรีส์จอมโจรฝรั่งเศส
ในขณะเดียวกัน กระแสเงินสดอิสระของบริษัท Netflix ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่นักลงทุนจับตามอง
โดยกระแสเงินสดอิสระในที่นี้ อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เงินสดไหลเข้า ลบกับ เงินสดไหลออก
โดยกระแสเงินสดอิสระในที่นี้ อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เงินสดไหลเข้า ลบกับ เงินสดไหลออก
ซึ่งเดิมที Netflix มีกระแสเงินสดอิสระติดลบมาโดยตลอด
แต่ในปีที่ผ่านมา โรคระบาดโควิด 19 ได้ทำให้การจัดทำภาพยนตร์ หรือซีรีส์ถูกเลื่อนออก
ส่งผลให้กระแสเงินสดอิสระกลายมาเป็นบวกติดต่อกันตลอด 3 ไตรมาสแรกของปี 2020
แต่ในปีที่ผ่านมา โรคระบาดโควิด 19 ได้ทำให้การจัดทำภาพยนตร์ หรือซีรีส์ถูกเลื่อนออก
ส่งผลให้กระแสเงินสดอิสระกลายมาเป็นบวกติดต่อกันตลอด 3 ไตรมาสแรกของปี 2020
อย่างไรก็ตาม Netflix ก็ได้ระบุว่าในปี 2021 กระแสเงินสดอิสระของบริษัทจะเลยจุด Breakeven
หรือเปลี่ยนจากลบกลายเป็นบวก และ Netflix ก็เชื่อว่าทางบริษัทไม่ต้องการเงินกู้สำหรับการดำเนินงานอีกต่อไป
หรือเปลี่ยนจากลบกลายเป็นบวก และ Netflix ก็เชื่อว่าทางบริษัทไม่ต้องการเงินกู้สำหรับการดำเนินงานอีกต่อไป
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ Netflix ก็ได้กางแผนที่จะซื้อหุ้นคืน เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุน เช่นกัน
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้
รวมกับการให้ Guidance ของทางบริษัท
ที่ยังรักษาอัตราการเติบโตที่ดี ในไตรมาสแรกของปีนี้
มันก็ได้สะท้อนไปยังมูลค่าของ Netflix หลังปิดตลาด
ที่พุ่งขึ้นกว่า 12.4% คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมากถึง 8.2 แสนล้านบาท ทันที..
รวมกับการให้ Guidance ของทางบริษัท
ที่ยังรักษาอัตราการเติบโตที่ดี ในไตรมาสแรกของปีนี้
มันก็ได้สะท้อนไปยังมูลค่าของ Netflix หลังปิดตลาด
ที่พุ่งขึ้นกว่า 12.4% คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมากถึง 8.2 แสนล้านบาท ทันที..