การเปลี่ยนแปลงของ Bond Yield ส่งผลต่อตลาดหุ้น อย่างไร ?

การเปลี่ยนแปลงของ Bond Yield ส่งผลต่อตลาดหุ้น อย่างไร ?

5 มี.ค. 2021
การเปลี่ยนแปลงของ Bond Yield ส่งผลต่อตลาดหุ้น อย่างไร ? /โดย ลงทุนแมน
“Bond Yield” หรือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร
เป็นคำศัพท์ในโลกการลงทุน ที่เรามักได้ยินกันเป็นประจำ
ช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็น Bond Yield ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
สวนทางกับ ราคาหุ้นในหลายตลาด ที่ปรับตัวลดลง
แล้วเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
พันธบัตร คือ ตราสารหนี้ชนิดหนึ่งที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งจะมีอายุของตราสารมากกว่า 1 ปีขึ้นไป
โดยผู้ซื้อหรือนักลงทุน จะมีสถานะเป็น “เจ้าหนี้” ของหน่วยงานของรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ ที่เป็นผู้ออกตราสาร โดยที่เจ้าหนี้ จะได้รับผลตอบแทนในรูปของ “ดอกเบี้ย” หรือ “Bond Yield”
ข้อดีของการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลก็คือ
มีความเสี่ยงต่ำ เพราะมีรัฐบาลเป็นลูกหนี้
ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่รัฐบาลจะผิดชำระหนี้เรา
ขณะที่ผลตอบแทนที่ได้รับนั้น ก็มักจะสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคาร
โดยตราสาร ที่นักลงทุนติดตามกันมากที่สุดตัวหนึ่ง
คือ “พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี”
เพื่อให้เข้าใจคำว่า Bond Yield กันชัด ๆ ลองมาดูตัวอย่างนี้กัน
ถ้ารัฐบาลออกพันธบัตรอายุ 10 ปี มีอัตราดอกเบี้ยที่ระบุไว้เท่ากับ 2% และมีราคาที่ตราไว้ (Par Value) เท่ากับ 1,000 บาท
ถ้าเราลงทุนในพันธบัตรนี้และถือจนครบกำหนด 10 ปี
สิ่งที่เราจะได้คือ ดอกเบี้ยปีละ 2% คิดเป็นปีละ 20 บาท ถ้ารวมดอกเบี้ยตลอด 10 ปี ก็จะรวมได้เป็น 200 บาท
ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่เราได้ปีละ 2% ก็คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
หรือที่เรียกว่า “Bond Yield” นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม พันธบัตรรัฐบาล สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือกันได้ในตลาดรอง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ราคาพันธบัตรจึงสามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงได้
ทำให้นักลงทุน สามารถมาซื้อขายทำกำไรกันตามการขึ้นลงของราคาพันธบัตรได้
โดยถ้ามี Demand ต้องการพันธบัตรในช่วงนั้น ราคาของพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้นจากราคาที่ตราไว้ได้ ซึ่งเมื่อราคาสูงขึ้น Yield หรือผลตอบแทนของพันธบัตร เมื่อเทียบกับราคา ก็จะลดลงสวนทางกัน
เช่น ราคาพันธบัตรสูงขึ้นจาก 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท พันธบัตรให้ดอกเบี้ยปีละ 20 บาทเท่าเดิม ดังนั้น Yield ก็จะลดลงจาก 2% เหลือ 1%
ถ้าเราย้อนกลับไปตอนที่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 อย่างหนักในช่วงต้นปีที่แล้ว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงถึงต่ำสุดที่ 0.54% ช่วงเดือนมีนาคม 2020
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น สะท้อนความกลัวของนักลงทุนในเวลานั้นว่า โควิด 19 จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำ เพราะนักลงทุนเกิดการเทขายหุ้น เพื่อย้ายเงินเข้าไปซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งก็รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งนั่นก็คือ สาเหตุที่ Bond Yield ในตอนนั้นลดต่ำลงมาก
หลังจากนั้น ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก ก็ได้ทำการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการทำ Quantitative Easing (QE) จนมีปริมาณเงินเพิ่มสูงขึ้นในตลาดการเงิน
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลที่ต่ำ บวกกับเงินที่ไหลเข้ามาในระบบจำนวนมาก
สุดท้ายนักลงทุนก็ต้องมองหาสินทรัพย์ ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ราคาหุ้นในหลายตลาด ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทั่วโลก เริ่มดูจะควบคุมได้มากขึ้นเพราะการมาของวัคซีน และเศรษฐกิจในหลายประเทศก็เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว
Bond Yield ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ก่อนหน้านี้ลดต่ำลง
ก็กำลังกลับมาปรับตัวสูงขึ้น จนมาอยู่ที่ประมาณ 1.45%
จากเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ที่อยู่ที่ประมาณ 0.94%
Bond Yield ที่กลับมาเพิ่มขึ้นนี้ ก็เนื่องจาก นักลงทุนเริ่มมีความกังวลว่า
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากการอัดเงินเข้ามา กำลังจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ
แล้วเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ก็จะกดดันให้ผลตอบแทนที่แท้จริง จากการถือครองพันธบัตรนั้นลดลงไป
(ผลตอบแทนที่แท้จริง คำนวณได้จาก อัตราดอกเบี้ย ลบด้วย อัตราเงินเฟ้อ)
ทำให้พันธบัตรรัฐบาลที่ถือกันอยู่ตอนนี้ มีความน่าดึงดูดลดน้อยลง และเริ่มถูกเทขายออกมากันมากขึ้น เมื่อถูกเทขายมาก Bond Yield ก็กลับมาเพิ่มสูงขึ้นตามกลไกที่ได้อธิบายไปข้างบนนั่นเอง
มาถึงคำถามสำคัญ คือ ทำไม Bond Yield ที่เพิ่มสูงขึ้น ถึงกดดันราคาหุ้นในหลายตลาดให้ลดลง ?
เรารู้กันไปแล้วว่า Bond Yield ที่เพิ่มขึ้นมานั้น
สะท้อนความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่กำลังจะเพิ่มขึ้นในไม่ช้า
เมื่อเงินเริ่มเฟ้อ ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ก็จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอีกไม่ช้า เพื่อคุมความร้อนแรงของเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว
และการที่ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนี้เอง
เป็นปัจจัยส่งผลในด้านลบ กับบริษัทในตลาดหุ้น
เพราะหลายบริษัทที่กู้ยืมมาก่อนหน้านี้มาก ๆ ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ จะต้องแบกรับภาระหนี้ที่หนักขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะปรับขึ้นในอนาคต
รวมถึงบริษัทไหนที่มีแผนจะกู้ยืมผ่านการออกหุ้นกู้ (Bond) ก็จะมีภาระมากขึ้น เพราะต้องเสนออัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้ที่สูงขึ้น
แล้วพันธบัตรรัฐบาลก็ถูกเทขาย หุ้นก็ถูกเทขาย แล้วเงินจะไปไหน ?
ประเด็นก็คือ พันธบัตรรัฐบาลจะมีการออกรุ่นใหม่มาเรื่อย ๆ
ซึ่งถ้า FED ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
พันธบัตรรุ่นใหม่ที่ออกมา ก็จะมี Yield ที่สูงขึ้น เพื่อดึงดูดให้คนมาซื้อ
หมายความว่า พันธบัตรรัฐบาลที่จะออกมาในอนาคต
จะให้อัตราดอกเบี้ยที่มากกว่า รุ่นที่ซื้อขายกันอยู่ปัจจุบัน
ซึ่งก็อาจบอกได้ว่า นักลงทุนจะเทขายพันธบัตรรุ่นเก่าในตลาด เพื่อเก็บเงินสดหรือตราสารหนี้ระยะสั้น เอาไว้รอซื้อพันธบัตรรุ่นใหม่
สรุปเรื่องนี้ทั้งหมดก็คือ การที่ Bond Yield เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ เพราะนักลงทุนเริ่มเห็นถึงสัญญาณของเงินเฟ้อที่กำลังจะเกิดขึ้น
และความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ก็ส่งผลไปถึง ตลาดหุ้นที่เคยร้อนแรงก็จะดูน่าสนใจลดลงไป
เพราะต้นทุนทางการเงินของบริษัทกำลังจะสูงขึ้น
รวมไปถึงการประเมินมูลค่าบริษัทที่นักลงทุนส่วนใหญ่ชอบใช้คือ DCF (Discounted Cash Flow) จะใช้อัตราคิดลด (Discount Rate) ของเงินในอนาคตให้กลับมาที่ปัจจุบัน โดยอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ย
ซึ่งพออัตราคิดลดสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ย ก็จะทำให้ได้มูลค่าที่เหมาะสมลดลงเช่นกัน และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนขายหุ้น เพราะราคาหุ้นที่เหมาะสมของบางบริษัท อาจต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบันไปแล้ว
และทั้งหมดนี้ก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวของ Bond Yield
กับราคาหุ้นในหลาย ๆ ตลาด ที่ลงทุนแมนคิดว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องนี้นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.set.or.th/set/education/knowledgedetail.do?contentId=4952&type=article
-http://www.thaibma.or.th/EN/Investors/Individual/Blog/2017/25052017.aspx
-https://www.investing.com/rates-bonds/u.s.-10-year-bond-yield
-https://kasikornbank.com/th/k-expert/knowledge/articles/savings/Pages/Invest_A125.aspx
-https://www.treasury.gov/resource-center/data-chart-center/interest-rates/pages/textview.aspx?data=yield
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.