กรณีศึกษา JD CENTRAL ทำอย่างไรให้ธุรกิจ E-Commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว

กรณีศึกษา JD CENTRAL ทำอย่างไรให้ธุรกิจ E-Commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว

22 ก.ย. 2021
กรณีศึกษา JD CENTRAL ทำอย่างไรให้ธุรกิจ E-Commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว
JD CENTRAL X ลงทุนแมน
หากถามว่า E-Commerce รายไหน
ใช้เวลาไม่นานแต่กลับเติบโตแบบติดจรวด
หนึ่งในคำตอบ ณ เวลานี้ก็น่าจะเป็น JD CENTRAL
เพราะเชื่อหรือไม่ว่า แม้จะเพิ่งเข้าสู่สนาม E-Commerce ครบรอบแค่ 3 ปี
แต่ JD CENTRAL กลับสร้างการเติบโตอย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง
คำถามก็คือแล้ว JD CENTRAL เติบโตแค่ไหน ?
นับตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจในปี 2561 จนถึงปัจจุบันครบรอบ 3 ปี
เชื่อหรือไม่ว่า JD CENTRAL เติบโตถึง 955% ด้วยวิธีคิดทำธุรกิจที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น
ทีนี้หลายคนคงถามว่า JD CENTRAL ใช้กลยุทธ์อะไร
ถึงทำให้ตัวเองเติบโตแบบก้าวกระโดด
ลงทุนแมน จะวิเคราะห์ให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ JD CENTRAL คงต้องย้อนกลับไปปี 2561
ที่เวลานั้นกลุ่มเซ็นทรัลต้องการทำธุรกิจ E-Commerce ให้เข้มข้นกว่าเดิม
พร้อมกับมองว่าสิ่งที่ตัวเองได้เปรียบกว่าคู่แข่งก็คือการเป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์การค้า
และหากจะให้ธุรกิจ E-Commerce โดดเด่นก็จำเป็นต้องมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง
เลยเป็นที่มาให้ บริษัท เซ็นทรัลกรุ๊ป จำกัด ตัดสินใจร่วมทุนกับ JD.com
บริษัทยักษ์ใหญ่ E-Commerce ในประเทศจีน ก่อตั้ง บริษัท เจดี เซ็นทรัล จำกัด
และแค่ปีแรกที่ทำธุรกิจก็ประสบความสำเร็จในเรื่องยอดขาย
เหตุผลก็เพราะ JD CENTRAL ค้นหาช่องว่างตลาดที่คู่แข่ง E-Commerce ไม่ทำ
เพราะในเวลานั้นธุรกิจ E-Commerce เมืองไทยแข่งขันกันด้วยสินค้าหลากหลาย
ที่มาพร้อมสงครามราคาที่ร้อนแรง
แต่กลับไม่มีใครเลือกจะสื่อสารถึงการขายสินค้าของแท้ 100%
“ช้อปของดี การันตีของแท้” จึงเป็นสโลแกนและจุดขาย JD CENTRAL ไปพร้อม ๆ กัน
ถือเป็นวิธีคิดที่มาถูกทางและทำให้นักช้อปออนไลน์หันมาซื้อสินค้า JD CENTRAL
โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีราคาสูงอย่างสินค้า IT และ Gadget
ที่ลูกค้าต้องการความชัวร์ว่าเป็นของแท้ 100%
อย่างไรก็ตาม จุดขายนี้อาจยังไม่เพียงพอที่จะมัดใจนักช้อป
เพราะหากเราซื้อสินค้าออนไลน์นอกจากต้องการสินค้าคุณภาพแล้วนั้น
ก็ยังต้องการให้สินค้าถึงมือรวดเร็วและอยู่ในสภาพสมบูรณ์
ทำให้ที่ผ่านมา JD CENTRAL ให้ความสำคัญและจริงจังกับเรื่องนี้
จนประสบความสำเร็จ ได้เสียงชื่นชมจากนักช้อปใน Social Media ต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม JD CENTRAL เองก็มี Pain Point อย่างหนึ่ง
ที่ต้องการทำลายในความรู้สึกนักช้อปออนไลน์
เพราะเมื่อเอ่ยถึง JD CENTRAL หลายคนมักจะคิดถึงสินค้า IT และ Gadget
ทั้งที่ความจริง JD CENTRAL มีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมชีวิตประจำวัน
อย่างเช่น แฟชั่น, อาหารและเครื่องดื่ม, เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
ก็เลยเป็นที่มาของการปรับตัวด้วยกลยุทธ์ใหม่ “จอยชัวร์ตัวจริง”
อธิบายสั้น ๆ ก็คือ นอกจากเรื่องสินค้าของแท้ 100% พร้อมกับเพิ่มการบริการที่ส่งเร็วขึ้นกว่าเดิม
จนถึงบริการหลังการขายที่ถูกใจนักช้อปมากขึ้นแล้วนั้น
JD CENTRAL ยังต้องการบอกกับลูกค้าว่าตัวเองยังมีสารพัดสินค้ามากมายในราคาที่คุ้มค่า
เพื่อให้นักช้อปเพลิดเพลินช้อปจบใน App เดียว
แล้วหลังจากแนวคิดธุรกิจนี้เริ่มใช้เป็นทางการ ปรากฏว่านักช้อปเกิดความรู้สึกเชื่อมโยง
กับแพลตฟอร์มเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 50% พร้อมกับทำให้ JD CENTRAL
กลายเเป็น App ที่มีคะแนนความพึงพอใจสูงสุดในกลุ่มของอีคอมเมิร์ซ
ที่น่าสนใจ การปรับตัวครั้งนี้ สอดคล้องกับพฤติกรรมคนไทยที่เปลี่ยนไป
เพราะนับตั้งแต่การระบาดของโควิด 19 ได้ทำให้คนไทยจากเคยช้อปออนไลน์เป็นบางครั้ง
กลับกลายเป็นว่าเวลานี้หลายคนมี App ช้อปออนไลน์ติดโทรศัพท์ตัวเอง
นั่นแปลว่าจากการช้อปเพื่อความสนุกเปลี่ยนมาเป็นช้อปสินค้าเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
ขณะเดียวกัน JD CENTRAL เองก็มองว่าในช่วงการระบาดของโควิด 19
หลายคนมีกำลังซื้ออ่อนแอลง ทำให้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาทผ่านสารพัดแคมเปญ
เพื่อลดราคาสินค้า อย่างเช่น ลดราคา 50% จัดทำสินค้า Low Price ราคาเดียว
และเมื่อ JD CENTRAL ปรับวิธีการสื่อสารกับลูกค้า
พร้อมกับมีแคมเปญลดราคา เพื่อช่วยเหลือให้นักช้อปได้สินค้าในราคาถูกลง
ยอดขายจากที่เคยเติบโตอยู่แล้ว ก็ยิ่งเติบโตมากขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะกลุ่ม FMCG หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
รู้หรือไม่ว่าหากเรานำยอดขาย JD CENTRAL ครึ่งปีแรก 2564 ที่ผ่านมาเทียบกับครึ่งปี 2563
กลุ่มสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน, อาหารและเครื่องดื่มเติบโต 253%
ขณะที่กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เติบโตเป็นเท่าตัว
ที่น่าสนใจ JD CENTRAL กลับไม่ได้นิ่งเฉยกับความสำเร็จ
เมื่อไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ที่กำลังจะมาถึงเตรียมสร้างปรากฏการณ์ในตลาด E-Commerce
อย่างที่เกิดขึ้นไปแล้ว ก็คือแคมเปญ JD CENTRAL BIRTHDAY FEST
ที่จัดขึ้นเพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ 3 ปี โดยมีสารพัดโปรโมชั่นมากมายตลอดเดือนกันยายน
เพื่อให้นักช้อปรู้สึกคุ้มค่าและมีความสุขในการช้อปปิ้ง
บริการ Instant JOY ส่งสินค้า Daily Essential หรือสินค้าในชีวิตประจำวันต่าง ๆ
ที่จะมีเวลาการส่งในเวลาอันรวดเร็ว
ส่วนทางฝั่งพ่อค้าแม่ค้าหรือตัวแบรนด์ ก็จะมีการสนับสนุนช่วยเหลือด้าน Influencer
เพื่อให้เจ้าของสินค้ามียอดขายเพิ่มมากขึ้น จนถึงการใช้ App ที่ชื่อว่า JOY PAY
ที่ให้คนแชร์แล้วชวนคนมาช้อปพร้อมรับค่าคอมมิชชันจากทุกการขาย
อีกทั้งยังมีการเตรียมเพิ่ม E-Voucher ในหมวดหมู่สินค้าให้หลากหลายมากขึ้น
ถึงตรงนี้คงพอจะเห็นภาพแล้วว่าอะไรที่ทำให้ JD CENTRAL
ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด
คำตอบก็คือ การไม่หยุดสร้างความแตกต่างให้ทั้งฝั่งลูกค้าและผู้ขายสินค้า
เพราะจริง ๆ แล้วโลกของธุรกิจ E-Commerce สงครามราคา
อาจเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้นในความสำเร็จ
แต่การทำให้ทุกคนที่อยู่ใน Ecosystem แห่งนี้
ได้ประโยชน์สูงสุดไปพร้อม ๆ กัน ทั้งแบรนด์ ร้านค้า และผู้ซื้อ
ตรงนี้ต่างหากที่อาจเป็นคำตอบที่แท้จริงของการทำธุรกิจ E-Commerce ให้ยั่งยืน..
ช็อปฉลองวันเกิดครบรอบ 3 ปี ของ JD CENTRAL ได้ที่ https://bit.ly/3CCvhQu
References
-https://www.jd.co.th/bulletin.html?id=488
-http://helpcenter.jd.co.th/vender/issue/81-5244.html
-ข่าวประชาสัมพันธ์และเอกสารข้อมูล JD CENTRAL
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.