ธุรกิจอสังหาฯ บนโลกใบใหม่ กับวิธีการเติบโตยั่งยืนของ SC Asset

ธุรกิจอสังหาฯ บนโลกใบใหม่ กับวิธีการเติบโตยั่งยืนของ SC Asset

ธุรกิจอสังหาฯ บนโลกใบใหม่ กับวิธีการเติบโตยั่งยืนของ SC Asset
SC Asset X ลงทุนแมน
“เศรษฐกิจเดินช้าลงไป 3 ปี แต่เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดเร็วขึ้น 10 ปี”
คำพูดนี้ ไม่ใช่สมการคณิตศาสตร์อะไรทั้งนั้น
แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เมื่อการระบาดของโควิด 19 เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปทั้งใบ
ซึ่งเป็นความคิดเห็นของ คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ CEO ของ SC Asset
ฟังดูอาจยังไม่แน่ใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือวิกฤติหรือโอกาสกันแน่
แต่ในมุมความเชื่อของคุณณัฐพงศ์ วิกฤติการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ โอกาสของ SC Asset
แม้ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลายบริษัทมีรายได้ลดน้อยลง จากผลกระทบของโควิด 19
แต่ SC Asset ไม่ใช่แค่เพียงผ่านพ้นวิกฤติมาได้ แต่ยังสามารถมียอดขายเติบโต
จนถึงในปี 2021 ที่ผ่านมา บริษัทยังลงทุนซื้อที่ดิน 25 แปลงมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท เลยทีเดียว
การลงทุนที่ดินมหาศาลขนาดนี้ คุณณัฐพงศ์ บอกว่าเป็นการลงทุนบนโลกธุรกิจใบใหม่ ที่ตั้งเป้าหมายใน 4 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2565-2568) บริษัทจะมีรายได้รวมกัน 1 แสนล้านบาท และลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลง 20% สุดท้ายจะกลายเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่คนไทยอยากทำงานด้วยเป็นอันดับ 1
SC Asset จะทำสารพัดเป้าหมายแสนท้าทายบนโลกธุรกิจใหม่นี้ ให้สำเร็จ และยั่งยืนด้วยวิธีไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
ทุกวันนี้ เราอยู่บนโลกของการเชื่อมต่อที่เกี่ยวข้องกัน
ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ เทคโนโลยี ธุรกิจ หรือสิ่งแวดล้อม และหากส่วนใดส่วนหนึ่งชำรุด ก็จะส่งผลกระทบไปยังทุกส่วนที่อยู่ในวงจรที่เชื่อมต่อกัน
ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ การระบาดของโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบไปยังทุกภาคส่วนทั่วโลก
จุดนี้จึงทำให้ SC Asset มองว่าการทำธุรกิจอสังหาฯ ยุคนี้ จะมองแค่ผลกำไรบริษัทอย่างเดียว คงไม่ได้อีกต่อไป
แต่จะต้องประกอบไปด้วย กำไรบริษัท + ความเป็นอยู่ของผู้คน + สิ่งแวดล้อมโลก
ซึ่งก็คือ ชิ้นส่วนจิกซอว์ ที่จะต่อภาพให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อม ๆ กัน
แล้วเรื่องนี้จะทำให้สำเร็จขึ้นมาได้อย่างไรนั้น
คำตอบก็คือ วิธีทำธุรกิจ Thriving for Good หรือการเติบโตอย่างยั่งยืน บนวิถีโลกใหม่ โดยวิธีคิดนี้จะถูกแบ่งออกมาเป็น 3 เรื่องหลัก ๆ นั่นคือ
1. การเติบโตของบริษัท
2. เชื่อมต่อ Solutions ที่หลากหลาย
3. ส่งมอบความยั่งยืนให้แก่คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม
เรามาดูเรื่องแรกที่หลายคนสนใจกันก่อนก็คือการ “เติบโต”
จากที่เกริ่นไว้ข้างต้น 4 ปีต่อจากนี้ SC Asset จะมีรายได้รวมกัน 1 แสนล้านบาท
โดยในปี พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นปีแรกของเป้าหมายใหญ่ ที่จะมีรายได้ 30,000 ล้านบาท
หากทำสำเร็จ จะกลายเป็นสถิติสูงสุด นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในรอบ 30 กว่าปีเลยทีเดียว
โดยรายได้หลักก็ยังเป็นสมรภูมิเดิมที่ตัวเองแข็งแกร่งคือ ที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่มีเป้าหมายยอดขายถึง 20,000 ล้านบาท
เลยเป็นเหตุผลให้การลงทุนโครงการใหม่ ๆ ในปีนี้ จะอยู่ที่แนวราบมากเป็นพิเศษ
ที่มีมากถึง 25 โครงการ มูลค่ารวมทั้งหมด 33,500 ล้านบาท
โดยมากกว่า 70% จะเป็นบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 10 ล้านบาท
ซึ่งต้องบอกว่า เป็นการวางกลยุทธ์ที่มาถูกทาง
เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ ยังมีกำลังซื้อแข็งแรง และไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในยุคโควิด 19 มากนัก
อีกทั้งในตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคาสูงนี้
SC Asset มีความแข็งแกร่งกว่าคู่แข่งทุกราย ด้วยการครองแชมป์ยอดขายอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน
โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวแบรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ที่ได้รับความนิยมและสร้างชื่อให้บริษัท
ซึ่งในปีนี้จะเปิดตัวถึง 11 โครงการ เลยทีเดียว
ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อยู่ในภาวะซบเซา
เมื่อต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด 19 แต่ในปีนี้ตลาดคอนโดมิเนียมถูกคาดการณ์ว่าจะค่อย ๆ เริ่มฟื้นตัว
โดย SC Asset กำลังจะเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท บนทำเลรถไฟฟ้า BTS 2 สถานี คือ สโคป ทองหล่อ
และคอนโดแบรนด์ใหม่ที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ เน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ราคาขาย 1-2 แสนบาทต่อตร.ม.
เมื่อวางแผนสร้างที่อยู่อาศัยคุณภาพได้สำเร็จ
ก็ต้องมาคิดต่อว่า แล้วจะส่งต่อคุณภาพที่อยู่อาศัย และบริการดี ๆ ให้กับลูกบ้านต่อได้อย่างไร ?
รู้หรือไม่ว่า SC Asset เก่งกาจเรื่องใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อไปยังที่อยู่อาศัย โดยแนวคิดนี้เริ่มต้นตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว
ยกตัวอย่างในปีที่แล้วคือ การสร้าง RueJai Home OS อุปกรณ์ที่สามารถสั่งงานต่าง ๆ ในบ้านด้วยเสียง ทำให้ผู้อยู่อาศัยสะดวกสบายกว่าเดิม
และปีนี้ก็น่าจะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ อัปเกรดให้บ้านและคอนโด SC Asset ตอบโจทย์ขึ้นกว่าเดิม
วิธีคิดนี้ ยังรวมไปถึง การทำงานของพนักงาน 1,200 คนของบริษัท ที่นอกจากการนำข้อมูลของลูกค้ามาคิดวิเคราะห์สร้างที่อยู่อาศัยและบริการที่ตอบโจทย์แล้ว
พนักงานทุกระดับ ก็ยังใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อสื่อสารในการทำงาน เป็นการลดขั้นตอนที่ยุ่งยากและไม่จำเป็น แถมยังทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
สุดท้าย SC Asset กำลังมองว่า ตัวเองจะมีส่วนช่วยให้สิ่งแวดล้อมบนโลกดีขึ้นอย่างไร
โดยเฉพาะวาระแห่งโลกที่ทุกประเทศต้องการลดก๊าซเรือนกระจก ลดอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทุกปี
เรื่องนี้ SC Asset ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมประกาศภายในปี พ.ศ. 2568
บริษัทจะลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลง 20% เรื่องนี้ก็ส่งผลให้กระบวนการก่อสร้างที่อยู่อาศัย และวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ จะอยู่ในโหมดใส่ใจสิ่งแวดล้อม
แม้จะทำให้ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้น แต่เชื่อว่าจะสร้างคุณค่าให้ทั้งที่อยู่อาศัย, ลูกค้า, สิ่งแวดล้อม จนถึงตัวบริษัทเอง
เพราะรู้หรือไม่ว่า คนรุ่นใหม่อย่าง Gen Y ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า หรือการเลือกบริษัทเข้าทำงาน
หนึ่งสิ่งที่อยู่ในการตัดสินใจก็คือ บริษัทนั้นใส่ใจสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้มากน้อยแค่ไหน
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า ทั้งสามยุทธ์ศาสตร์ของ SC Asset มีการเชื่อมต่อกัน
และหากมองให้ลึกในทุก ๆ จุดของการเชื่อมต่อก็ยังสร้าง “คุณค่า” ให้แก่ทุกภาคส่วน
เหตุผลก็เพราะโลกธุรกิจใบใหม่ ผลกำไร อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการทำธุรกิจ
ลองหลับตา แล้วนึกภาพตามดูว่า หากมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ ก็คงไม่มีบริษัทไหนบนโลกใบนี้ จะสามารถเติบโต ทำกำไรตลอดไปได้อย่างยั่งยืน
สุดท้ายแล้ว “กำไร + คุณภาพชีวิตที่ดี + สุขภาพโลกแข็งแรง” จะต้องเติบโตไปพร้อมกัน
ตรงนี้ต่างหาก ที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุด บนโลกธุรกิจใบใหม่
แน่นอนว่า SC Asset ก็เลือกคำตอบนี้..
ติดตาม Highlight จาก งานแถลงแผนธุรกิจ SC Asset Business Direction 2022 “SC Thriving for Good” ได้ที่ https://m.scasset.com/7P_4

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon