ธุรกิจ ยางรัดถุงแกง

ธุรกิจ ยางรัดถุงแกง

2 ม.ค. 2018
ธุรกิจ ยางรัดถุงแกง / โดย ลงทุนแมน
หลายคนคงเคยสงสัย ว่ายางรัดถุงแกงที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้
มีแค่ในประเทศไทยรึเปล่า แล้วต่างประเทศ เค้าใช้ทำอะไรกัน
ต่างประเทศไม่มีแกง จะเอายางมารัดอะไร
แล้วยางรัดถุงแกงเกิดขึ้นได้อย่างไร
ประวัติศาสตร์ยางรัดถุงแกงเริ่มจาก..
มนุษย์ต้องการจะหาวัสดุหรือเชือกอะไรสักอย่าง ไว้ใช้มัดหรือผูกกับสิ่งของต่างๆ ไว้ด้วยกัน
แต่เนื่องจากสมัยก่อนเชือกเหล่านั้นไม่มีความยืดหยุ่น จนกระทั่งมีนักประดิษฐ์ ชาวอังกฤษคนหนึ่ง ชื่อ Stephan Perry ได้ประดิษฐ์ยางรัดของขึ้น ซึ่งทำมาจากยางธรรมชาติ และได้จดสิทธิบัตรครั้งแรกที่ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 1845
จุดมุ่งหมายแรกของยางไม่ได้เอามารัดถุงแกง แต่ Perry ต้องการประดิษฐ์ขึ้นเพื่อจะใช้รัดเอกสาร หรือซองจดหมายเท่านั้น แต่ในเวลาต่อมาก็ใช้กันอย่างแพร่หลาย
ยางรัดถุงแกงในปัจจุบันมีหลายสี ไม่ได้มีแค่ สีเขียว แดง และ น้ำตาล เท่านั้น โดยแต่ละสี มีคุณสมบัติที่เหมือนกัน ค่าความยืดหยุ่นเท่ากัน ไม่ได้แตกต่างกัน สีของยางเพียงเพื่อสร้างความดึงดูดใจให้คนอยากใช้ และนำไปใช้ประโยชน์ที่หลากหลายมากกว่ารัดของ
ในประเทศไทยมีหลายบริษัทที่ทำธุรกิจยางรัดของอยู่เป็นจำนวนมาก และมีอายุที่ใกล้เคียงกัน
แต่บริษัทแรกที่ผลิต และจำหน่ายยางรัดของ ก็คือ บริษัท ไทยชวนรับเบอร์ จำกัด เริ่มต้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2519 ระยะเวลารวมปัจจุบันก็ ปีที่ 41 โดยคุณ วสันต์ วรประทีป ผู้เป็นพ่อ ได้เริ่มต้นกิจการด้วยการผลิตยางรัดของ และยางขัดข้าว แถมยังเป็นเทรดเดอร์ซื้อขายยางดิบด้วย
ซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นยุคทองของยางรัดของ มีการผลิตและส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของบริษัท เมื่อเวลาต่อมาเทคโนโลยีของยางขัดข้าวเปลี่ยนไป ใช้ยางสำหรับขัดข้าวน้อยลง จึงต้องยุติการผลิตยางขัดข้าว แล้วหันมาผลิตยางรัดของเป็นหลัก และส่งต่อธุรกิจให้กับลูกชาย คุณ สันติ วรประทีป ทายาทรุ่นที่ 2
 
ปัจจุบันการผลิตยางรัดของเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต เพื่อเพิ่มมูลค่าในการขาย
มีการพิมพ์ข้อความ ลงไปในยางรัด ที่แตกต่างกัน หรือ Printed band
แถมยังมีการพัฒนายางรัดของให้ใช้เป็นเครื่องออกกำลังกายโดยคล้องกันเป็นโซ่ และใช้แขนดึงยืด เข้าหากันได้
ที่น่าสนใจคือ 80 % ของยอดขายคือการส่งออก โดยส่งออกไปยังแถบ เอเชีย ยุโรป และอเมริกา และ 20% ผลิตขายในประเทศ
โดยแบรนด์ที่ติดตลาดของ บริษัทตอนนี้คือ ตราปืนไขว้ และตราห้าห่วง ขนาดทั่วไป ถุงละครึ่งกิโลกรัม โดยถุงหนึ่งมีประมาณ 3,100 เส้น ขายในราคาตลาดถุงละ 65-75 บาท
รายได้ของบริษัท
ปี 2557 รายได้ 36 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 35 ล้านบาท ขาดทุน 1.1 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 26 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 27 ล้านบาท ขาดทุน 1.7 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 31 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 31 ล้านบาท ขาดทุน 2.6 แสนบาท
สรุปแล้ว ยางรัดของเป็นสิ่งที่คุ้นเคยดีสำหรับคนไทย เดินไปที่ไหนก็คงเจอยางรัดของ
แต่ทำไม ยางรัดของ แตกต่างจาก สินค้าประเภทอื่น เช่น น้ำปลาทิพรส หรือ น้ำหวานเฮลซ์บลูบอย ที่เราพบได้ทั่วไปเช่นกัน แต่พวกนั้นกลับมีรายได้มากมาย
สาเหตุแรกก็คงเป็นเพราะ ยางรัดของ ยี่ห้ออะไรก็คงเหมือนกัน สร้างความแตกต่าง หรือ เพิ่มมูลค่าได้ไม่มาก เมื่อเราจะขายแพงกว่าบริษัทอื่น ก็คงไม่มีใครยอมซื้อ
แตกต่างจากสินค้าอื่นที่มีรสชาติเฉพาะ หรือ มีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวสินค้าที่ทำให้เรากำหนดราคาสินค้าได้
ให้เปรียบตัวเราเหมือนยางรัดของ..
ถ้าเราพยายามค้นหาตัวเองให้แตกต่าง มีทักษะ มีความเฉพาะตัว ตัวเราเองก็น่าจะมีคุณค่ามากขึ้นในสายตาคนอื่น
แต่ถ้าเรามีอะไรที่เหมือนๆกับคนอื่น ก็คงยากที่จะทำให้คนอื่นเห็นคุณค่า เหมือนยางรัดของ
แต่ก็ไม่ต้องคิดมาก ถึงแม้ว่าจะเหมือนๆกับคนอื่น แต่อย่างน้อยยางรัดของก็เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการรัดถุงแกง ให้คนไทยเป็นล้านคนได้กินอิ่มทุกวัน..
----------------------
ถ้าชอบเรื่องราวแบบนี้ อ่านบทความของลงทุนแมนแบบรวมเล่มได้ในหนังสือ ลงทุนแมน 1.0 หาซื้อได้ที่ ร้านหนังสือชั้นนำได้แล้ววันนี้
สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ SE-ED https://m.se-ed.com/Product/Detail/9786160830985
หรือ ที่เว็บไซต์ shoptAt24 ส่งฟรีที่ร้าน 7-11 ทุกสาขา goo.gl/Z125LL
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.