Strava เฟซบุ๊กวงการออกกำลังกาย ธุรกิจ 70,000 ล้าน ที่ต้องรอ 14 ปี ถึงได้เกิด

Strava เฟซบุ๊กวงการออกกำลังกาย ธุรกิจ 70,000 ล้าน ที่ต้องรอ 14 ปี ถึงได้เกิด

Strava เฟซบุ๊กวงการออกกำลังกาย ธุรกิจ 70,000 ล้าน ที่ต้องรอ 14 ปี ถึงได้เกิด /โดย ลงทุนแมน
กระแสตอนนี้ ถ้าเราไถฟีดโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็น่าจะเห็น คอนเทนต์แชร์ผลวิ่ง เส้นทางวิ่ง ผ่านแอปพลิเคชันออกกำลังกายที่ชื่อ Strava
รู้ไหมว่า Strava ปัจจุบัน เป็นสตาร์ตอัปสัญชาติอเมริกัน มีมูลค่ากว่า 71,500 ล้านบาท
ซึ่งมี Sequoia Capital เป็นหนึ่งในนักลงทุนด้วย โดยเจ้าพ่อ VC รายนี้ เคยให้เงินทุนสนับสนุนแก่บริษัทระดับโลกมากมาย เช่น Apple, Google, YouTube, Instagram, ByteDance (TikTok), OpenAI ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของบริษัท
ทำไม Strava ถึงน่าสนใจ ?
มีโมเดลธุรกิจทำเงินอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
อธิบายง่าย ๆ Strava คืออะไร
มันก็คือเฟซบุ๊กสำหรับคนชอบออกกำลังกาย ตั้งแต่นักกีฬาทั่วไป จนถึงมืออาชีพ
ที่ผสานการออกกำลังกายเข้ากับเครือข่ายโซเชียล โดยมีฟีเชอร์หลักที่ให้ผู้ใช้ สามารถบันทึกข้อมูลการออกกำลังกาย ผ่านตัวแอปพลิเคชัน หรือการซิงก์สมาร์ตวอตช์ และสามารถแชร์ข้อมูลให้กับเพื่อนได้
Strava เกิดจาก 2 ผู้ก่อตั้งคือ คุณ Michael Horvath และคุณ Mark Gainey ที่ได้รู้จักกัน ผ่านทีมกีฬาเรือพายของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งทั้งคู่ได้สังกัดเป็นนักกีฬาอยู่
พอหลังจากเรียนจบในช่วงปี 1988-1990
แม้ทั้งคู่เลือกเดินไปตามเส้นทางอาชีพของตัวเอง
แต่ก็ยังพบปะกันอยู่เสมอ
โดยตลอดหลายปีที่อยู่ในทีมเรือพาย ทั้งคู่ได้รู้สึกว่า วิถีชีวิตที่มุ่งมั่นในช่วงนั้น ส่งผลดีกับชีวิตในด้านอื่น ๆ ด้วย ทั้งยังเรียนรู้ว่า การมีเพื่อนร่วมทีมสำคัญมาก
จึงกลายเป็นไอเดียตั้งต้น ที่คุณ Michael Horvath และคุณ Mark Gainey ได้พัฒนาแผนธุรกิจสตาร์ตอัปในปี 1995
โดยมีแนวคิดคือ โซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่สามารถแชร์ผลการออกกำลังกาย การฝึกซ้อมกีฬา ผลการแข่งขัน หรือการจัดอันดับการแข่งขันกีฬาบนโลกออนไลน์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน
รวมถึงหาเพื่อนในการออกกำลังกายและฝึกซ้อมกีฬาไปด้วยกัน
ต้องบอกว่า แนวคิดนี้แทบไม่ต่างอะไรกับ Strava ในปัจจุบันนัก
แต่ในตอนนั้นเมื่อ 30 ปีก่อน เทคโนโลยีทั้ง อินเทอร์เน็ต, GPS, อุปกรณ์สวมใส่ออกกำลังกาย, การซิงก์เข้ากับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน ยังมีข้อจำกัด ที่รองรับแนวคิดนี้
ทำให้ไอเดียนี้ จะคงเป็นเพียงแค่ไอเดีย ที่ยังไม่ลืมตาดูโลก
ซึ่งทั้งคู่ต้องอดทนรอเป็นเวลา 14 ปี หรือกระทั่งปี 2009 เมื่อทุกอย่างพร้อม จึงก่อตั้ง Strava ขึ้นมาได้สำเร็จ
โดยคำว่า Strava มาจากภาษาสวีเดนที่แปลว่า “มุ่งมั่น” นั่นเอง
จุดเด่นของ Strava คือผู้ใช้งาน บันทึกกิจกรรมออกกำลังกาย ซึ่งรองรับกิจกรรมกีฬาเกือบ 50 ประเภท เช่น วิ่ง จักรยาน สกี ที่มีข้อมูลอย่างเช่น เส้นทางการออกกำลังกาย ระยะทาง ความเร็ว อัตราการเต้นของหัวใจ การเผาผลาญแคลอรี เป็นต้น
ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์การออกกำลังกาย
และแชร์ผลกับผู้ติดตามได้ โดยผู้ติดตาม สามารถโต้ตอบได้ด้วยการกด Kudos (คล้ายไลก์) และแสดงความคิดเห็นได้เช่นกัน
รวมถึงยังสามารถแชร์ผล ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ได้อีกด้วย
คำถามที่น่าสนใจคือ แล้ว Strava ทำเงินได้อย่างไร ?
Strava ใช้โมเดลธุรกิจที่เรียกว่า Freemium
โมเดลที่ให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้ฟรี แต่ถ้าอยากได้บริการเต็มรูปแบบ ต้องมีการจ่ายเงินเพิ่ม คล้ายกับแอปพลิเคชันฟังเพลงอย่าง Spotify หรือ JOOX
สำหรับ Strava จะให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคุณสมบัติหลักได้ฟรี เช่น การบันทึกกิจกรรม และการเข้าถึงโซเชียลมีเดียของแพลตฟอร์ม
แต่ส่วนคุณสมบัติขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์กิจกรรมเชิงลึก หรือการแข่งขันกันบนสิ่งที่เรียกว่า Segment ซึ่งเป็นช่วงเส้นทางเฉพาะของกีฬาต่าง ๆ ที่ผู้ใช้สามารถแข่งขันทำความเร็วและจัดอันดับกันได้บน Strava จะต้องสมัครสมาชิกแบบพรีเมียม
โดยมีการเก็บค่าสมาชิกต่อบัญชีอยู่ที่ 1,150 บาทต่อปี
และยังมีแพ็กเกจสำหรับ 4 บัญชี ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 700 บาทต่อบัญชีต่อปี
ช่วงที่ผ่านมา กระแสตอบรับใน Strava ค่อนข้างดี มีการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
จำนวนผู้ใช้งาน
ปี 2022 : 95 ล้านบัญชี
ปี 2023 : 120 ล้านบัญชี
ปี 2024 : มากกว่า 135 ล้านบัญชี
ผลประกอบการที่ผ่านมา
ปี 2022 : รายได้ 3,600 ล้านบาท
ปี 2023 : รายได้ 4,300 ล้านบาท
ปี 2024 : รายได้ 5,300 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า จำนวนผู้ใช้งานเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
แสดงให้เห็นว่า มีผู้ใช้ที่ยอมจ่ายเงินเพื่อเป็นสมาชิกแบบพรีเมียมเพิ่มขึ้นนั่นเอง
จนล่าสุดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตามรายงานของ The Wall Street Journal เผยว่า Strava ได้รับการระดมทุนรอบใหม่ ซึ่งไม่เปิดเผยมูลค่า โดยมีทั้งการระดมทุนแบบตราสารหนี้รวมอยู่ด้วย
ส่งผลให้มูลค่าบริษัทสูงถึง 71,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากการระดมทุนเมื่อปี 2020 ซึ่งมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 35,750 ล้านบาท
จุดที่น่าสนใจกว่านั้นคือ รอบการระดมทุนนี้นำโดย Sequoia Capital เจ้าพ่อ VC ที่สตาร์ตอัปทุกราย อยากเข้าหา ที่ลงทุนใน Strava ตั้งแต่ปี 2020
โดย Sequoia Capital ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้เงินทุนสนับสนุนแก่บริษัทระดับโลกมากมาย เช่น Apple, Google, YouTube, Instagram, ByteDance (TikTok), Cisco, PayPal, Stripe, Airbnb และ OpenAI ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของบริษัท จนมีส่วนสำคัญให้บริษัทเหล่านี้ สามารถเติบโตจนยิ่งใหญ่ได้ในแบบทุกวันนี้
ซึ่งก็น่าจับตาว่า Strava จะได้รับการผลักดันจาก Sequoia Capital ให้กลายเป็นยักษ์ตัวใหญ่ ตามรอยความสำเร็จเหมือนบริษัทระดับโลกรายอื่น ๆ ได้หรือไม่
หรือสุดท้ายแล้ว ต้องเผชิญความล้มเหลวเหมือนกับสตาร์ตอัปส่วนใหญ่ที่ล้มหายตายจากไป
อย่างไรก็ตาม จากเรื่องราวของ Strava คือบทพิสูจน์เป็นอย่างดีของ ความอดทนและวิสัยทัศน์
แม้แนวคิดจะล้ำหน้าเกินกว่าเทคโนโลยีในยุคแรกเริ่ม
แต่ความมุ่งมั่นและอดทนรอคอยเป็นเวลา 14 ปี
ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า เวลาที่เหมาะสม คือกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของไอเดียที่ยิ่งใหญ่..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon