บทเรียน ต๊อบ เถ้าแก่น้อย Insider เพียง 5 ล้าน มูลค่าหาย 1,000 ล้าน

บทเรียน ต๊อบ เถ้าแก่น้อย Insider เพียง 5 ล้าน มูลค่าหาย 1,000 ล้าน

บทเรียน ต๊อบ เถ้าแก่น้อย Insider เพียง 5 ล้าน มูลค่าหาย 1,000 ล้าน /โดย ลงทุนแมน
ข่าวใหญ่ของวงการตลาดทุน เหตุการณ์ Insider Trading คุณต๊อบผู้ก่อตั้งเถ้าแก่น้อย โดนปรับ 11.6 ล้านบาท จากการได้ผลประโยชน์ประมาณ 5 ล้านบาท แต่ทำให้มูลค่าบริษัทหายเกือบ 1,000 ล้าน
เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาให้กับวงการตลาดทุน และผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเงินน้อยแค่ไหน
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่
ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงแค่ไหน
แต่เมื่อพลาด สิ่งที่เกิดขึ้น ความเสียหายมหาศาล
บทเรียนนี้ราคาแพงอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
2 วันที่แล้ว ก.ล.ต. รายงานว่าได้ลงโทษทางแพ่ง กรณีการซื้อหุ้น TKN โดยอาศัยข้อมูลภายใน และช่วยเหลือการกระทำความผิด
โดย ก.ล.ต. กล่าวว่าในช่วงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ของ TKN ที่กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะมีการจ่ายปันผลพิเศษ
คุณต๊อบได้ยืมบัญชีคนอื่นมาซื้อหุ้นไว้ก่อนประกาศสู่สาธารณะ
บทลงโทษก็คือค่าปรับ 16.4 ล้านบาท
ซึ่งคุณต๊อบคนเดียว โดนปรับไป 11.6 ล้านบาท
นอกจากนั้น คุณต๊อบยังถูกห้ามเป็นกรรมการ หรือ ผู้บริหารเป็นเวลา 20 เดือน
ถ้าอ่านดูแบบไม่คิดอะไร ก็คงเซอร์ไพรส์ว่าทำไมคุณต๊อบเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ถึงกระทำความผิดแบบนี้
แต่เมื่อวิเคราะห์ดูแล้ว มีเรื่องที่น่าสนใจหลายประเด็น
เรื่องแรก มูลค่าที่คุณต๊อบได้ผลประโยชน์ ดูน้อยจนน่าแปลกใจ
ก.ล.ต. ระบุว่าคุณต๊อบยืมบัญชี คุณพนิดา (แม่ภรรยาคุณต๊อบ) แล้วคุณพนิดาไปซื้อหุ้น TKN ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม - 9 พฤศจิกายน 2565 แล้วก.ล.ต. คงพบหลักฐานว่าคุณพนิดาได้คืนเงินคุณต๊อบทำให้คุณต๊อบได้ประโยชน์
สำหรับบทลงโทษที่ได้รับ ตาม พรบ.หลักทรัพย์ มาตรา 296 (2) คุณต๊อบจะถูกปรับไม่เกิน 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้รับ
แต่เมื่อดูจากค่าปรับ 11.6 ล้านบาทแล้ว หมายความว่า คุณต๊อบน่าจะได้กำไรจาก Insider Trading ประมาณ 5 ล้านบาท
ปี 2565 คุณต๊อบ ถือหุ้น TKN อยู่ 550 ล้านหุ้น
ตอนนั้นหุ้นละ 7 บาท เขามีมูลค่าหุ้น 3,850 ล้านบาท
เงินปันผลปีนั้นคุณต๊อบได้ 143 ล้านบาท
เมื่อเทียบกันแล้ว กำไรจากการซื้อขายด้วยข้อมูลภายใน 5 ล้านบาทถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับมูลค่าทรัพย์สิน หรือรายได้ของเขาจากปันผล
อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อเทียบกับกรณีอื่นที่คนทำผิดตั้งใจหาประโยชน์คงทำในมูลค่าที่มากกว่านี้
เช่น กรณีคุณหมอปราเสริฐ และนางสาวปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ร่วมกันซื้อขายหุ้นบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ในลักษณะอำพรางการซื้อขาย โดยครั้งนั้น ก.ล.ต. เรียกชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 499.45 ล้านบาท หรือถ้าคิดผลประโยชน์ก็น่าจะประมาณ 250 ล้านบาท
แต่ก็ต้องบอกว่ากฎหมายก็คือกฎหมาย ไม่ว่าเงินน้อยแค่ไหน หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อ ก.ล.ต.ตัดสินว่าผิด ก็คงแก้ตัวได้ยาก
สอดคล้องกับในข่าวครั้งนี้มีบุคคลอื่นที่กระทำการผิดใกล้ ๆ กันคือ พี่ชายคุณต๊อบ โดนปรับ 2.9 ล้านบาท
แปลว่าได้กำไรไปเพียง 1 ล้านกว่าบาท ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นที่พี่ชายคุณต๊อบถืออยู่ โดยมีความผิดคล้ายกันคือ ให้คนอื่นไปซื้อขายหุ้น TKN แทนเพื่อได้กำไรเพียงเล็กน้อย
และสิ่งนี้ก็โยงไปสิ่งที่น่าสนใจเรื่องที่ 2 คือ
ก.ล.ต.ระบุว่า การยืมเงินเพื่อซื้อหุ้น เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม - 9 พฤศจิกายน 2565
ปกติแล้วเกณฑ์ในการห้ามผู้บริหารซื้อหุ้นจะมีผลแค่ 1 เดือนก่อนประกาศงบ เช่น TKN ประกาศงบวันที่ 10 พฤศจิกายน ถ้านับย้อนหลังไป 1 เดือน แปลว่าก่อนวันที่ 9 ตุลาคม คุณต๊อบเองก็สามารถซื้อหุ้นตัวเองได้ตามใจชอบ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปฝากให้คุณพนิดาซื้อหุ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม
ปกติแล้วเกณฑ์ในการห้ามผู้บริหารซื้อหุ้นจะมีผลแค่ 1 เดือนก่อนประกาศงบ เช่น TKN ประกาศงบวันที่ 10 พฤศจิกายน ถ้านับย้อนหลังไป 1 เดือน แปลว่าก่อนวันที่ 9 ตุลาคม คุณต๊อบเองก็สามารถซื้อหุ้นตัวเองได้ตามใจชอบ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปฝากให้คุณพนิดาซื้อหุ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม
คุณต๊อบให้เงินคุณพนิดาตั้งแต่ก่อนเดือนสิงหาคม คงไม่ได้มีเจตนาให้ไปฝากซื้อหุ้น เพราะคุณต๊อบซื้อหุ้น TKN ให้ตัวเองในเวลานั้นก็ทำได้เอง ไม่จำเป็นต้องฝากคนอื่นซื้อ
แต่คุณพนิดากลับเอาเงินไปซื้อหุ้น TKN ตั้งแต่เดือน 8 เดือน 9 เรื่อยมาจนถึงเดือน 10 (ซึ่งเดือน 10 เป็นช่วงผู้บริหารห้ามซื้อหุ้น)
เมื่อวันประกาศงบธุรกิจดีจริง วันนั้นหุ้นชน Ceiling +30%
ก.ล.ต.เห็นราคา Ceiling เลยขอตรวจสอบ
ปรากฏเจอว่ามีแม่ภรรยาคุณต๊อบขาย เลยไปตรวจเส้นทางการเงินเจอหลักฐาน
คุณต๊อบก็เลยโดนกล่าวโทษว่าผิด
เรื่องนี้เราได้เรียนรู้อะไร ?
1. บุคคลที่มีชื่อเสียงต้องระวังตัวให้มาก ๆ เพราะชื่อเสียงที่สร้างมาสามารถหายได้ภายในวันเดียว
คุณต๊อบเป็นบุคคลตัวอย่างของบุคคลสร้างตัวเอง เรื่องราวนำไปถูกทำเป็นภาพยนตร์ ต้นทุนทางชื่อเสียงคุณต๊อบมีสูงมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทุกคนทราบดีว่า 5 ล้านบาทไม่คุ้มค่าเลยกับชื่อเสียงในทางลบ
2. เรื่องธรรมาภิบาลของบริษัทไทย ในเวลานี้คนให้ความสำคัญมาก หากมีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ราคาหุ้นของบริษัทนั้นพร้อมถูกลงโทษได้ในทันที
หุ้น TKN ถูกเทขายตั้งแต่เปิดตลาดทันที ลงไปสูงสุด 13% คิดเป็นมูลค่าที่หายไปเกือบ 1,000 ล้านบาท ในวันเดียว แค่ส่วนของมูลค่าที่คุณต๊อบถือหุ้นอยู่ก็หายไปราว 400 ล้านบาท ซึ่งไม่คุ้มค่าเลย
3. การแยกแยะประเด็นความผิดที่มีต่อข่าวจาก ก.ล.ต. สำคัญไม่แพ้กัน ระดับความรุนแรงของธรรมาภิบาลมีตั้งแต่เสียหายหลายหมื่นล้านบาท แบบตั้งใจธุรกิจไซฟ่อนเงินออกจากบริษัท ไปจนถึงระดับ 11.6 ล้านบาทของคุณต๊อบ
ซึ่งแน่นอนว่าผิดก็คือผิด
แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ทุกคนที่อ่านข่าวจะแยกแยะเนื้อหาข้อเท็จจริงไม่ค่อยได้ว่าผิดระดับไหน บางคนอ่านข่าวแล้วก็กล่าวว่าคุณต๊อบโกงเงินร้อยล้านบาท พันล้านบาท ปรับแค่ 11.6 ล้านบาท ทำไม ก.ล.ต. ปรับน้อย ซึ่งกฎหมายก็เขียนชัดว่า 2 เท่า ซึ่งผลประโยชน์มันน่าจะประมาณ 5.8 ล้าน
ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรมันคงต้องแยกแยะ และดูข้อเท็จจริง
มาถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่ากรณีนี้ไม่ได้เป็นเพียงบทเรียนของคุณต๊อบ เถ้าแก่น้อย
แต่ยังเป็นบทเรียนของผู้บริหาร กรรมการ ทุกคนในตลาดหลักทรัพย์
ถ้าให้คนอื่นยืมเงิน แล้วพวกเขาเหล่านั้นเอาเงินไปซื้อหุ้นบริษัทที่ตัวเองเป็นผู้บริหาร หรือกรรมการอยู่
ถ้าหุ้นขึ้น แล้วคนนั้นขาย
และคนนั้นคืนเงินเราพร้อมผลประโยชน์ เช่นดอกเบี้ย
เราอาจจะมีความผิดทันที
ความผิดพลาดเป็นเพียงครั้งเดียว
ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากความตั้งใจ ความไม่ตั้งใจ
ต้องแลกมาด้วย “ชื่อเสียงและมูลค่าบริษัท”
แม้ว่าผลประโยชน์นั้นจะเล็กระดับ 5 ล้านบาท
ก็ทำให้ความเสียหายมูลค่า 1,000 ล้านบาท และสิ่งเหล่านี้อาจจะยากที่จะกู้คืนกลับมาได้เหมือนเดิม..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon