
บทเรียน Groupon VS Meituan สองธุรกิจคู่แฝด ฝั่งหนึ่งกำไรแสนล้าน แต่อีกฝั่งขาดทุนพันล้าน
บทเรียน Groupon VS Meituan สองธุรกิจคู่แฝด
ฝั่งหนึ่งกำไรแสนล้าน แต่อีกฝั่งขาดทุนพันล้าน /โดย ลงทุนแมน
ฝั่งหนึ่งกำไรแสนล้าน แต่อีกฝั่งขาดทุนพันล้าน /โดย ลงทุนแมน
นี่คือเคสธุรกิจที่น่าสนใจมาก เพราะทั้งคู่เป็นธุรกิจคู่แฝด
ที่เริ่มต้นด้วยการขายดีลคูปองส่วนลดเหมือนกัน
ที่เริ่มต้นด้วยการขายดีลคูปองส่วนลดเหมือนกัน
แต่มาวันนี้ ทั้งคู่กลับมีชะตากรรมที่ต่างกัน เหมือนดังฟ้ากับเหว แม้จะเริ่มต้นเหมือนกันก็ตาม
Meituan มีมูลค่าบริษัท 2,600,000 ล้านบาท
รายได้ 1,500,000 ล้านบาท
กำไร 160,000 ล้านบาท
รายได้ 1,500,000 ล้านบาท
กำไร 160,000 ล้านบาท
Groupon มีมูลค่าบริษัท 29,000 ล้านบาท
รายได้ 16,000 ล้านบาท
ขาดทุน 1,800 ล้านบาท
รายได้ 16,000 ล้านบาท
ขาดทุน 1,800 ล้านบาท
อะไรที่ทำให้ทั้งคู่แตกต่างกันขนาดนี้ได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จริง ๆ แล้ว ต้องบอกว่า Groupon ก่อตั้งขึ้นก่อน Meituan เสียอีก โดย Groupon เริ่มทำธุรกิจในปี 2008 ส่วน Meituan เริ่มทำธุรกิจในปี 2010
แต่สิ่งแรกที่ทั้งคู่กลับเหมือนกัน นั่นคือ การขายดีลและคูปองส่วนลดให้กับลูกค้า ดังนั้นเราเลยพูดได้ว่า Meituan ก๊อบปี้โมเดลธุรกิจ Groupon ก็คงไม่ผิดมากนัก
โดยโมเดลธุรกิจนี้ทำงานง่ายมาก ด้วยการรวบรวมคนที่มีความสนใจเหมือนกัน มารวมตัวกัน แล้วนำยอดซื้อรวมที่มี ไปต่อรองซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ในราคาที่ถูกลง
แล้วบริษัท ก็จะหักค่านายหน้าตรงนี้จากร้านค้า เมื่อสามารถส่งลูกค้าไปซื้อบริการหรือสินค้านั้นเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม แม้ทั้งคู่เริ่มต้นธุรกิจที่เหมือนกัน
แต่หลังจากนั้น กลับเลือกเส้นทางที่ต่างกันไปเลย
แต่หลังจากนั้น กลับเลือกเส้นทางที่ต่างกันไปเลย
ในฝั่ง Groupon หลังจากไอเดียนี้สำเร็จแล้ว ก็เริ่มรุก
ขยายให้บริการไปยังเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐฯ พร้อมกับขยายไปต่างประเทศ รวมถึงในประเทศจีนอีกด้วย
ขยายให้บริการไปยังเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐฯ พร้อมกับขยายไปต่างประเทศ รวมถึงในประเทศจีนอีกด้วย
ซึ่งดีลคูปองส่วนลดเหล่านี้ ก็ไม่ได้มีแค่อาหาร เครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังมีโรงแรม สปา คลินิกความงาม และบริการอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย
แต่ในขณะที่ Groupon เน้นขยายการให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมหลายพื้นที่ Meituan กลับเน้นให้บริการที่เจาะกลุ่มร้านอาหารเท่านั้น
แม้ในตอนเริ่มต้นทำธุรกิจ Meituan จะเจอคู่แข่งเกือบ 5,000 รายในจีน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Groupon แต่ Meituan ก็ยังยึดมั่นที่จะขายแค่ดีลส่วนลดอาหารเท่านั้น
เพราะคุณ Wang Xing ผู้ก่อตั้ง Meituan เชื่อมั่นว่า คนต้องกินอาหารอยู่ทุกวัน ดังนั้นธุรกรรมคูปองร้านอาหาร จะมีความถี่สูงจนคนใช้งานบนแพลตฟอร์มของตัวเองทุกวัน
และแทนที่จะเลือกเจาะตลาดเมืองหลักของประเทศ Meituan กลับเลือกเจาะตลาดเมืองรอง เพราะเชื่อว่าเป็นกลุ่มคนที่เริ่มใช้อินเทอร์เน็ต แถมยังมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งความคิดของคุณ Wang Xing ก็ถูกต้อง เพราะต่อมา บรรดาคู่แข่งอื่น ๆ ที่ขยายบริการมากเกินไปอย่างดุเดือดในเมืองใหญ่ก็เริ่มเจ๊ง ต่างจาก Meituan ที่สามารถอยู่ได้เรื่อย ๆ
เพราะคู่แข่งรายอื่นต่างก็ไล่อัดโปรโมชัน เพื่อแย่งดึงคนเข้ามาใช้บริการของตัวเอง จนเงินทุนเริ่มหมดและทำธุรกิจต่อไปไม่ไหวแทน
เมื่อคู่แข่งเริ่มหายไปมากขึ้น Meituan ก็รุกเข้าสู่บริการจองตั๋วภาพยนตร์ เพราะโดยธรรมชาติ คนอยากจองตั๋วล่วงหน้าเพื่อได้รับส่วนลดอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ด้วยจุดแข็งของ Meituan ที่มีเครือข่ายผู้ค้าร้านอาหารอยู่ในมือเยอะมาก ทำให้ต่อมาจึงตัดสินใจรุกเข้าธุรกิจจัดส่งอาหารหรือดิลิเวอรีที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน
ธุรกิจใหม่ต่างจากธุรกิจเดิมเยอะมาก เพราะธุรกิจจัดส่งอาหารเน้นความสะดวกและรวดเร็วในการจัดส่ง แต่ธุรกิจดีลคูปองส่วนลด เน้นให้ธุรกรรมเกิดขึ้นเยอะ ๆ บนแพลตฟอร์มเท่านั้น
แต่กลายเป็นว่า ธุรกิจทั้งสองขานี้กลับเสริมพลังไปด้วยกัน
เพราะธุรกรรมดีลคูปองส่วนลดอาหารบน Meituan จำนวนมาก ดึงดูดให้ร้านอาหารเองก็อยากอยู่บนแพลตฟอร์มดิลิเวอรีของ Meituan ไปด้วย
เพราะธุรกรรมดีลคูปองส่วนลดอาหารบน Meituan จำนวนมาก ดึงดูดให้ร้านอาหารเองก็อยากอยู่บนแพลตฟอร์มดิลิเวอรีของ Meituan ไปด้วย
ลองนึกภาพตามว่า เมื่อเราซื้อดีลคูปองส่วนลดอาหาร
ก็อยากกดใช้งานคูปองบนแพลตฟอร์มดิลิเวอรีเจ้าเดียวกันเลย เมื่อลูกค้าใช้งานง่าย มีประสบการณ์ที่ดี ก็ยิ่งดึงดูดให้ร้านอาหารเข้าร่วมแพลตฟอร์มของ Meituan มากขึ้น
ก็อยากกดใช้งานคูปองบนแพลตฟอร์มดิลิเวอรีเจ้าเดียวกันเลย เมื่อลูกค้าใช้งานง่าย มีประสบการณ์ที่ดี ก็ยิ่งดึงดูดให้ร้านอาหารเข้าร่วมแพลตฟอร์มของ Meituan มากขึ้น
วงจรการดึงดูดนี้เลยยิ่งสร้างสิ่งที่เรียกว่า Network Effect ไปเรื่อย ๆ เมื่อดีลส่วนลดมากขึ้น คนใช้เยอะขึ้น ร้านอาหารเยอะขึ้น จน Meituan ก็ได้ส่วนแบ่งมากขึ้นไปด้วย
ซึ่งในปี 2015 Meituan ก็ตัดสินใจควบรวมกับ Dianping ที่ทำธุรกิจคล้ายกัน ทำให้ตัวเองได้ฐานร้านค้า ร้านอาหาร และผู้ใช้งานตามมาจำนวนมากเพิ่มเติมไปอีก
โดย Meituan ก็ยังเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่า
ร้านค้า ด้วยการให้บริการระบบคลาวด์จัดการข้อมูลหลังบ้าน ไปจนถึงตัวช่วยด้านการตลาด เช่น ข้อมูลหรืออินไซต์ของผู้บริโภคต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มด้วย
ร้านค้า ด้วยการให้บริการระบบคลาวด์จัดการข้อมูลหลังบ้าน ไปจนถึงตัวช่วยด้านการตลาด เช่น ข้อมูลหรืออินไซต์ของผู้บริโภคต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มด้วย
ในขณะที่ Meituan กำลังรุ่งเรืองและเติบโตกับบริการที่มากขึ้น
Groupon กลับกำลังค่อย ๆ ล้มเหลวแทน
Groupon กลับกำลังค่อย ๆ ล้มเหลวแทน
Groupon ยังคงยึดโมเดลธุรกิจขายดีลคูปองส่วนลดเหมือนเดิม โดยเน้นโปรโมตให้คนเข้ามาใช้งาน และหักเงินค่านายหน้าจากธุรกิจที่เข้ามาขายดีลคูปองไปเรื่อย ๆ
แต่ปัญหาคือ ลูกค้าที่เคยซื้อดีลผ่าน Groupon เริ่มไม่ซื้อซ้ำเมื่อดีลพิเศษหายไป จนสุดท้าย ธุรกิจที่มาขายคูปองส่วนลดบนแพลตฟอร์มก็ยิ่งหายไปเรื่อย ๆ แทน
เหตุผลหลักก็มาจากการที่ผู้ประกอบการที่เข้ามาฝากขายส่วนลด ยิ่งขายได้มากเท่าไร ก็ยิ่งขาดทุน เพราะต้องลดค่าบริการลง แถมยังต้องหักรายได้จากการขายดีลครึ่งหนึ่งให้กับแพลตฟอร์มอีก
เมื่อธุรกิจหายไป ดีลพิเศษก็หายมากขึ้นไปอีก จนยิ่งผลักให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการบนแพลตฟอร์มน้อยลงเรื่อย ๆ
ในที่สุด Groupon ก็เริ่มมีรายได้ลดลง จนสุดท้ายพลิกให้ธุรกิจขาดทุนมากขึ้น
และจากในอดีตที่ Groupon เคยมีมูลค่าบริษัทมากถึง 500,000 ล้านบาท แต่วันนี้กลับเหลือมูลค่าบริษัทแค่ 29,000 ล้านบาทเท่านั้น
สวนทางกับ Meituan ที่วันนี้มีมูลค่าบริษัทใหญ่ถึง 2,600,000 ล้านบาท แถมยังมีกำไร 160,000 ล้านบาท
บทเรียนของสองคู่แฝดธุรกิจนี้ ก็เป็นสิ่งสำคัญกับ
ผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดีว่า แม้จะเริ่มธุรกิจเหมือนกัน
แต่ความสำเร็จก็อาจแตกต่างกันได้
ผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดีว่า แม้จะเริ่มธุรกิจเหมือนกัน
แต่ความสำเร็จก็อาจแตกต่างกันได้
โดยเฉพาะบทเรียนจากฝั่ง Meituan ที่รู้ดีว่าพลังของ Network Effect สำคัญแค่ไหน จึงตัดสินใจออกแบบธุรกิจเพื่อเสริมพลังแต่ละฝั่งไปพร้อมกันได้อย่างลงตัว
เมื่อคู่ค้าเข้ามาเพิ่ม ผู้ใช้งานก็จะเข้ามาเพิ่ม คนยิ่งใช้ส่วนลดร้านอาหารและสั่งอาหารมากขึ้นเรื่อย ๆ วนไปแบบนี้ไม่รู้จบ
ในขณะที่ฝั่ง Groupon แม้จะใช้ Network Effect เหมือนกัน แต่ก็เลือกสนามแข่งขันผิด และจุดติดได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง เมื่อคู่ค้าลดลง ผู้ใช้งานลดลง จนธุรกรรมของตัวเองก็ลดลงไปเรื่อย ๆ
ถ้าเปรียบการสร้าง Network Effect ของ Meituan และ Groupon เป็นการก่อกองไฟ เพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกายยามหน้าหนาว
ทั้งคู่เริ่มจุดไฟเหมือนกัน แต่ Meituan ทำให้กองไฟใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนตัวเองอยู่ได้และอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ
แต่กองไฟของ Groupon กลับค่อย ๆ เล็กลง จนตัวเองนอนหนาวตายไปแทน…
References
-หนังสือ Influence Empire: Inside The Story of Tencent And China’s Tech Ambition by Lulu Yilun Chen
-How Meituan Became China’s Other SuperApp by Asianometry
-https://canvasbusinessmodel.com/blogs/brief-history/meituan-brief-history
-https://companiesmarketcap.com/groupon/marketcap/
-https://www.longtunman.com/46442
-https://www.acquired.fm/episodes/meituan
-หนังสือ Influence Empire: Inside The Story of Tencent And China’s Tech Ambition by Lulu Yilun Chen
-How Meituan Became China’s Other SuperApp by Asianometry
-https://canvasbusinessmodel.com/blogs/brief-history/meituan-brief-history
-https://companiesmarketcap.com/groupon/marketcap/
-https://www.longtunman.com/46442
-https://www.acquired.fm/episodes/meituan