บทเรียน Beanie Babies ฟองสบู่การเก็งกำไรในตุ๊กตา ของคนอเมริกัน /โดย ลงทุนแมน
เมื่อ 25 ปีก่อน สหรัฐอเมริกา กลายเป็นประเทศที่ “คลั่งตุ๊กตา” ไปชั่วขณะ เพราะของเล่นน่ารักที่ชื่อว่า Beanie Babies

ตุ๊กตาตัวเล็กยัดไส้เม็ดพลาสติกเหล่านี้ ขายแค่ตัวละ 390 บาท
แต่คนจำนวนมากกลับเชื่อว่า มันคือ “การลงทุน” ที่อาจให้ผลตอบแทนมหาศาล จนส่งลูกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ในอนาคต..

สิ่งที่ทำให้ Beanie Babies กลายเป็นของสะสมสุดร้อนแรง ไม่ใช่แค่ความน่ารักของมัน แต่คือ “กลยุทธ์” อันเฉียบคมของผู้สร้างอย่างคุณ Ty Warner

เขาเลือกวางขาย Beanie Babies แค่ในร้านเล็ก ๆ ไม่ให้วางขายตามห้างใหญ่ สร้างความรู้สึกว่ามีจำนวนจำกัด และต้องรีบซื้อก่อนหมด

ที่สำคัญคือ ทุกตัวมี “ชื่อ” “วันเกิด” และ “กลอนเล็ก ๆ” แนบมาด้วย ทำให้แต่ละตัวดูมีชีวิต มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากตุ๊กตาทั่วไปในท้องตลาด

และนั่นเองที่จุดชนวนให้เกิดกลุ่มนักสะสมที่จริงจัง
บางคนถึงขั้นเชื่อว่า Beanie Babies จะกลายเป็นสินทรัพย์ที่ส่งต่อถึงรุ่นลูก

เรื่องราวเป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
คุณ Ty Warner เกิดในชิคาโก รัฐอิลลินอย ในปี 1944 เป็นลูกชายของคุณ Georgia และคุณ Harold Warner

ชีวิตวัยเด็กของเขาไม่ได้หรูหรา และแม้จะเข้าเรียนในวิทยาลัยเอกชนด้านศิลปศาสตร์อย่าง Kalamazoo College

แต่เขาก็ลาออกกลางคัน โดยที่ยังไม่มีแผนในชีวิตชัดเจนนัก

คุณ Warner เคยทำงานมาสารพัด ตั้งแต่พนักงานโรงแรม พนักงานลานจอดรถ คนขายผลไม้ และในที่สุดก็ไปทำงานขายสารานุกรม ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางอีกครั้ง โดยไปอยู่ในวงการของเล่นกับบริษัท Dakin และนั่นคือจุดเริ่มต้นของไอเดียใหญ่ในชีวิต

ในปี 1986 คุณ Warner ตัดสินใจก่อตั้งบริษัท Ty Inc. เขาเริ่มต้นจากการผลิตตุ๊กตาแมวขนาดใหญ่ ที่ยัดไส้น้อยกว่าตุ๊กตาทั่วไป ทำให้ราคาถูกลงและจับต้องได้มากขึ้น

ต่อมาในปี 1993 เขานำไอเดียตุ๊กตาที่มีขนาดเล็กลงไปอีก ยัดด้วย “เม็ดพลาสติก” แทนใยสังเคราะห์

แล้วเปิดตัวสินค้าใหม่ที่งาน World Toy Fair ในนิวยอร์ก
ภายใต้ชื่อ “Beanie Babies” ซึ่งเริ่มจากตัวแรกอย่าง Legs the Frog และ Flash the Dolphin

แม้ในช่วงแรกจะไม่ได้โด่งดังทันที แต่สิ่งที่คุณ Warner ทำได้ดีคือ “การควบคุมอุปสงค์-อุปทานของตลาด” อย่างแยบยล

เขาเลือกวางขาย Beanie Babies ผ่านร้านเล็ก ๆ เท่านั้น และไม่ส่งสินค้าให้เกิน 36 ตัวต่อร้าน

นั่นทำให้ตุ๊กตาเหล่านี้กลายเป็น “ของขาดตลาด” อยู่ตลอดเวลา

และเมื่อตลาดรอง แพลตฟอร์มซื้อขายแบบประมูลอย่าง eBay เปิดตัวในปี 1995 ทุกอย่างก็ระเบิด..

Beanie Babies กลายเป็นของสะสมอันดับต้น ๆ ที่มีคนประกาศขายมากที่สุดใน eBay จนในปี 1997 มีการประเมินว่า 6% ของยอดขายทั้งเว็บไซต์มาจาก Beanie Babies ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเกือบ 32,000 ล้านบาทในปัจจุบัน

บางคนเก็งกำไรจากตุ๊กตาเหล่านี้อย่างจริงจัง ไม่แพ้การเทรดหุ้น
มีคู่มือ มีราคากลาง มีการประมูล มีบอร์ดพูดคุย และคนที่มีรุ่นหายาก ก็แทบจะกลายเป็นคนดังในหมู่นักสะสม

คุณ Warner เองก็ใช้กลยุทธ์ “เลิกผลิตบางรุ่น” ขณะยังขายดี ซึ่งเป็นการสร้างความรู้สึกว่า “ถ้าไม่รีบซื้อตอนนี้ จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”

ผลลัพธ์คือ ผู้บริโภคจำนวนมาก เกิดอาการ FOMO (Fear of Missing Out) พุ่งไปซื้อสะสมไว้ ทั้งเพื่อความสุข และเพื่อโอกาสในอนาคต

หนึ่งในหมุดหมายสำคัญคือปี 1997 เมื่อ Ty Inc. จับมือกับ McDonald's แจกตุ๊กตา Teenie Beanie Babies ไปพร้อมกับชุด Happy Meal

กระแสตอนนั้นแรงมาก จนร้าน McDonald's บางแห่งต้องจำกัดสิทธิ์การซื้อ

ช่วงเวลานั้นถึงขนาดมีข่าวว่า
- ตำรวจรัฐอิลลินอย เคยใช้ Beanie Babies มาแลกอาวุธปืนกับประชาชน
- คู่รักในรัฐเนวาดา ทะเลาะกันตอนหย่า เพราะแก่งแย่งสิทธิ์ในการครอบครอง Beanie Babies
- คนลักลอบขนตุ๊กตาจากแคนาดา เข้าสหรัฐอเมริกา เพื่อมาขายเก็งกำไร

ในปี 1998 Ty Inc. สามารถสร้างรายได้ทะลุ 1,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 86,000 ล้านบาท เมื่อคิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน

Ty Inc. กลายเป็นบริษัทของเล่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ณ เวลานั้น

แต่เหมือนกับทุกฟองสบู่ ที่สุดท้ายก็ต้องแตก..

ปลายปี 1999 Ty Inc. ประกาศเลิกผลิต Beanie Babies เนื่องจากกระแสเริ่มตก ในท้องตลาดมีแต่คนซื้อเพื่อเก็งกำไร มากกว่าสะสมจริง ทำให้ของล้นตลาด ราคาตก และความนิยมลดลง

แม้ภายหลังบริษัทกลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง แต่กระแสความคลั่งไคล้ก็จางหายไปแล้ว

ราคาของ Beanie Babies ดิ่งลงอย่างรุนแรง
ของที่เคยขายต่อกันในราคาหลักหมื่นบาทต่อตัว เหลือเพียงไม่กี่ร้อยบาท

ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ผู้คนจำนวนมากเริ่มซื้อ Beanie Babies ไม่ใช่แค่เพราะชอบหรือต้องการสะสม
แต่ด้วยความหวังว่าจะได้กำไรในอนาคต จากราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดรีเซล

ความเชื่อนี้ทำให้หลายครอบครัวมองว่า การเก็งกำไรในตุ๊กตาเหล่านี้ อาจช่วยสร้างเงินก้อนสำรองไว้ใช้จ่ายในอนาคต เช่น ค่าเรียนมหาวิทยาลัยของลูก เพราะราคาตุ๊กตาบางรุ่นเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในเวลาไม่กี่เดือน

แม้เรื่องราวของ Beanie Babies จะจบลง หลังฟองสบู่แตก และไม่ใช่ของเล่นกระแสหลักอีกแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น Beanie Babies ก็ยังไม่เคยหายไปจากความทรงจำของผู้คน
เพราะทิ้งทั้งบทเรียน และความทรงจำ ไว้กับชาวอเมริกันที่เกี่ยวข้อง

รวมถึงยังมีนักสะสมที่ตามหา และดูแลตุ๊กตาเหล่านี้อย่างดี โดยบางรุ่นที่หายากจริง ๆ ยังคงมีมูลค่าหลักพันถึงหลักหมื่นบาทอยู่ในตลาดมือสอง

ทุกวันนี้ แม้ Ty Inc. จะยังคงผลิตตุ๊กตารุ่นใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ
แต่ก็ไม่เคยกลับมาสร้างปรากฏการณ์เหมือนในยุครุ่งเรืองอีกเลย

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี มนุษย์ก็ยังหลงใหลกับการ “เก็บสะสม” บางสิ่ง

ไม่ใช่แค่เพราะคิดว่ามันจะทำเงิน
แต่อาจเป็นเพราะมันให้ “ความสุขเล็ก ๆ” เวลาที่ได้เป็นเจ้าของ ได้สัมผัสความน่ารัก หรือได้เชื่อมโยงตัวเองกับยุคสมัยใดสมัยหนึ่ง

สุดท้ายแล้ว คนที่ได้ประโยชน์จาก Beanie Babies นอกจาก Ty Inc. ที่กอบโกยยอดขายจากกระแสฮิตทั่วประเทศแล้ว

ก็คือ นักสะสม ที่ชื่นชอบ Beanie Babies จริง ๆ เพราะนอกจากจะได้ความสุขทางใจแล้ว ในวันที่ Beanie Babies หมดกระแสแล้วราคาตกต่ำลง ก็อาจไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร เพราะตัดสินใจซื้อตุ๊กตามาสะสม ด้วยคุณค่าทางจิตใจ

ไม่ใช่จากราคาที่ถูกปั่นโดยนักเก็งกำไร ที่อาจซื้อ Beanie Babies มา โดยไม่ได้อิน หรือรู้สึกชอบตุ๊กตา และมอง Beanie Babies เป็นแค่สินทรัพย์ลงทุน ที่มีความหมายแค่ กำไรหรือขาดทุน เท่านั้น..
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://public.com/learn/beanie-babies-boom?wpsrc=Organic+Search&wpsn=www.google.co.th
-https://www.history.com/articles/how-the-beanie-baby-craze-came-to-a-crashing-end
-https://edition.cnn.com/style/bursting-the-beanie-baby-bubble
-https://microcapclub.com/book-review-great-beanie-baby-bubble/?utm_source=chatgpt.com