ถอดรหัสความยิ่งใหญ่ของ EssilorLuxottica ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพดวงตา เบอร์ 1 ของโลก

ถอดรหัสความยิ่งใหญ่ของ EssilorLuxottica ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพดวงตา เบอร์ 1 ของโลก

19 ก.ค. 2022
ถอดรหัสความยิ่งใหญ่ของ EssilorLuxottica ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพดวงตา เบอร์ 1 ของโลก
EssilorLuxottica X ลงทุนแมน
หากถามว่า บริษัทผู้ผลิตเลนส์และกรอบแว่นตา ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก คือบริษัทอะไร
เราอาจจะนึกไม่ออก..
แต่หากเอ่ยถึง กรอบแว่นตาแบรนด์ Ray-Ban, Oakley, Vogue, Prada, Burberry, Coach และ Armani group น่าจะทำให้หลายคนพยักหน้ารู้จักทันที
เพราะนี่คือแบรนด์โปรดอันดับต้น ๆ ในใจใครหลายคน
โดยบริษัทผู้ผลิตกรอบแว่นตาให้แก่แบรนด์เหล่านี้ก็คือ Luxottica จากประเทศอิตาลี
แต่แล้วก็เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในปี 2018
เมื่อเกิดการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท Luxottica กับบริษัท Essilor ผู้ผลิตเลนส์แว่นตาชั้นนำระดับโลก และโซลูชันการแก้ไขปัญหาด้านสายตา จากประเทศฝรั่งเศส
พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น EssilorLuxottica
ปัจจุบันนี้ EssilorLuxottica มีมูลค่าบริษัท 72,070 ล้านยูโร หรือราว ๆ 2.6 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 8 เมษายน 2022 จากเว็บไซต์ EssilorLuxottica)
และมีรายได้ในปีที่ผ่านมา 19,820 ล้านยูโร
หลังการควบรวมกิจการแล้ว EssilorLuxottica มีวิธีทำธุรกิจอย่างไร ถึงสร้างรายได้มหาศาล และเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แล้วคนไทยจะเป็นเจ้าของเลนส์และแว่นตาของบริษัทนี้ ได้อย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รู้หรือไม่ว่า แว่นตา 1 อัน จะมี 2 สิ่งที่เป็นหัวใจในการผลิตนั่นก็คือ เลนส์ และ กรอบแว่นตา
ขอเริ่มต้นจากเลนส์แว่นตาก่อน โดยจะมีอยู่ 3 เรื่องหลัก ๆ ที่เมื่อลูกค้าจะซื้อแว่นตาสัก 1 อัน โดยจะพิจารณาว่าต้องการเลนส์ที่มีคุณสมบัติแบบไหน
1. ใส่แล้วมองเห็นชัดเจนในทุกระยะ ไม่ว่าจะใกล้, กลาง, ไกล รู้สึกสบายตา อีกทั้งเลนส์นั้น ต้องปกป้องสายตาของเราได้ด้วย
2. เลนส์นั้นตอบโจทย์การมองเห็น ในไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันที่หลากหลายได้ดีแค่ไหน ก็เลยเป็นที่มาให้เลนส์มีหลายประเภท เช่น
- เลนส์กรองแสงเปลี่ยนสีอัจฉริยะ ที่จะเปลี่ยนสีเวลาเจอแสงแดดหรือแสงจ้า และเคลียร์ใสเมื่อกลับสู่ที่ร่ม
- เลนส์ป้องกันแสงสีน้ำเงิน ที่มาจากหน้าจอทีวี คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ
ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้เราเห็นหลายคนพกแว่นตามากกว่า 1 อัน เพื่อใช้ในสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป
3. เลนส์นั้น ช่วยทำให้ดวงตาของเราสวยงาม เปล่งประกายเวลาสวมใส่หรือไม่
โดยทุกข้อที่กล่าวมานั้นบริษัท Essilor มีครบหมด
เพราะนี่คือบริษัทที่ทำธุรกิจเลนส์แว่นตามานานถึง 173 ปี มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเลนส์หลากหลายชนิด
ไม่ว่าจะเป็น เลนส์ที่แบ่งตามอายุ, เลนส์เฉพาะเจาะจงที่ใช้ในกิจกรรมชีวิตประจำวันที่แตกต่างกันออกไป
นอกจากนี้ในแต่ละปี บริษัทก็ยังลงทุนอย่างมหาศาล ในส่วนของการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ในการผลิตเลนส์ รวมไปถึงพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยให้แก่ช่างแว่นตา และจักษุแพทย์ทั่วโลก ที่ใช้ในการรักษา
ด้วยเหตุผลนี้เองก็เลยทำให้ Essilor ขยายธุรกิจไปทั่วโลก
ทีนี้ หัวใจในการผลิต อย่างที่สองก็คือ “กรอบแว่นตา”
ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ในอดีตจนถึงวันนี้ แว่นตา ไม่ใช่แค่ช่วยในเรื่องการมองเห็น แต่มันได้กลายเป็นสินค้าแฟชั่นไปแล้ว
โดยบริษัทที่ยืนแถวหน้าของโลกในเรื่องกรอบแว่นตาก็คือ Luxottica ที่ผลิตกรอบแว่นตาให้แก่แบรนด์แฟชั่นระดับโลกมากมาย
เมื่อทั้งสองบริษัทคือ Essilor และ Luxottica เกิดการควบรวมกิจการเป็นบริษัทเดียวกันในปี 2018 ในชื่อ EssilorLuxottica
ย่อมหมายถึงว่า นี่คือบริษัทที่มีเทคโนโลยีการผลิต ทั้งเลนส์และกรอบแว่นตาแถวหน้าของโลก
อีกทั้ง ยังมีสินค้ากระจายอยู่ในเชนร้านค้าทั่วโลก มากกว่า 18,000 แห่ง และมีพนักงานกว่า 180,000 คน
ที่น่าสนใจก็คือ การควบรวมกิจการครั้งนี้ มาพร้อมโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้าง
รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันมีคนราว 2.5 พันล้านคน กำลังประสบปัญหาด้านสายตา
และมีอีกหลายพันล้านคน ที่ไม่ได้ป้องกันสายตาจากรังสีต่าง ๆ ที่รายล้อมอยู่ในชีวิตประจำวัน
จนทำให้มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2050 อาจจะมีถึง 6.6 พันล้านคน ประสบปัญหาด้านสายตา
นั่นแปลว่า ตลาดแว่นตา จะกลายเป็นตลาดที่มีความต้องการมหาศาล
ก็เลยทำให้เมื่อควบรวมกิจการเป็นบริษัท EssilorLuxottica ก็จะเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีด้านเลนส์และครีเอตกรอบแว่นตา ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นสูตรผสมที่ลงตัวของ เลนส์แว่นตาคุณภาพ + กรอบแว่นตาแฟชั่นที่เรียบง่ายหรูหรา
อีกทั้งการควบรวบกิจการยังทำให้ EssilorLuxottica มีสิทธิบัตรกว่า 11,000 ฉบับ (ทั้งที่อนุมัติแล้วและรออนุมัติ)
ที่จะนำมาใช้พัฒนาสินค้าให้แตกต่าง และเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดโลก
ผลที่ตามมาคือ หลังควบรวมกิจการในปี 2018 ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปี 2020 บริษัทมีรายได้ 14,429 ล้านยูโร กำไรสุทธิ 149 ล้านยูโร
ปี 2021 บริษัทมีรายได้ 19,820 ล้านยูโร กำไรสุทธิ 1,613 ล้านยูโร
คำถามต่อมาก็คือแล้วในประเทศไทย เราจะหาซื้อแว่นตาของบริษัท EssilorLuxottica ได้อย่างไร
ถ้าเป็นกรอบแว่นตา บริษัทจะเป็นผู้ผลิตให้แก่แบรนด์แฟชั่นระดับท็อปของโลกทั้ง Ray-Ban, Oakley, Vogue, Prada, Burberry, Coach และ Armani group รวมกว่า 25 แบรนด์ สามารถหาซื้อได้จากร้านแว่นตาชั้นนำในประเทศไทย
ส่วนเลนส์แว่นตานั้น ก็จะหาซื้อได้ตามร้านขายแว่นตาทั่วประเทศ ที่ติดโลโก Essilor ไว้หน้าร้าน หรือค้นหาที่ www.essilor.co.th ซึ่งมีมากกว่า 2,000 ร้านค้า
โดยจะมีเลนส์ให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทุกปัญหาสายตา และทุกช่วงอายุ ผ่าน 8 แบรนด์หลัก
ยกตัวอย่างก็เช่น
- CRIZAL เทคโนโลยีโค้ทติ้ง (เคลือบเลนส์) ลดแสงสะท้อน ลดรอยขีดข่วน ง่ายต่อการทำความสะอาด และคงความใสของเลนส์
- Varilux เลนส์โปรเกรสซีฟที่มีจุดขายคือ มองเห็นคมชัดได้ทุกระยะ ยืดหยุ่นกับทุกกิจกรรม ปรับตัวง่าย และยังมีการรับประกันหากใส่ไม่สบายตาสามารถแก้ไขได้ภายใน 60 วัน ซึ่งเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่กล้ารับประกันแบบนี้
- BLUE UV CAPTURE เลนส์ที่ป้องกันแสงสีน้ำเงินที่มาจากจอดิจิทัลและแสงรอบๆตัวเรา (มือถือ, คอมพิวเตอร์, จอดิจิทัล, แสงจากธรรมชาติและแสงประดิษฐ์อื่นๆ) โดยจะกรองแสงสีน้ำเงินอมม่วงที่เป็นอันตราย แต่จะปล่อยให้แสงที่เป็นประโยชน์ผ่านเข้ามา
- Eyezen เลนส์ที่ออกแบบมาสำหรับยุคดิจิทัล ช่วยลดอาการตาล้า ทำให้รู้สึกสบายตาแม้จ้องจอทั้งวัน อีกทั้งยังช่วยป้องกันแสงสีน้ำเงินด้วย
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจมองว่าการที่ EssilorLuxottica กลายเป็นบริษัทแว่นตาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
คือการควบรวมกิจการของสองบริษัทที่เป็นสุดยอดในแต่ละด้าน
แต่ความจริงแล้ว เบื้องหลังความสำเร็จ มันคือเป้าหมายในการทำธุรกิจต่างหาก
“เราต้องการให้ผู้คนทั่วโลกมีสายตาที่มองเห็นได้ดีขึ้น ทำให้เราไม่หยุดแสวงหาวิธีใหม่ ๆ
เพื่อสร้างนวัตกรรมการมองเห็นที่เหนือความคาดหมาย”
เพราะสุดท้ายต่อให้การควบรวมกิจการจะมีมูลค่ามหาศาลแค่ไหน
แต่…หากสินค้าไม่มีการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลก มันก็เป็นเรื่องยากที่จะสร้างการเติบโต
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ทั้งสองบริษัทรับรู้ดี ตั้งแต่คิดจะควบรวมกิจการมาเป็น EssilorLuxottica ..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.