ทำไม จีนถึงครองอุตสาหกรรมเหล็ก เบอร์ 1 ของโลก ?

ทำไม จีนถึงครองอุตสาหกรรมเหล็ก เบอร์ 1 ของโลก ?

ทำไม จีนถึงครองอุตสาหกรรมเหล็ก เบอร์ 1 ของโลก ? /โดย ลงทุนแมน
หลายปีที่ผ่านมา สินค้าเหล็กจีนราคาถูก ทะลักสู่หลายประเทศทั่วโลก เป็นสิ่งที่บอกได้อย่างหนึ่งว่า จีนเป็นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมเหล็กโลกก็คงไม่ผิด
ซึ่งจีนเอง มีบริษัทเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ ก็คือ China Baowu Steel Group ที่มีกำลังการผลิตเหล็กถึง 130 ล้านตันต่อปี มากกว่าบริษัทอันดับ 2 และ 3 ในอุตสาหกรรม รวมกันเสียอีก
และจากข้อมูลสมาคมเหล็กโลก ประจำปี 2024
ผู้ผลิตเหล็กดิบ (Crude Steel) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิต ที่จะแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กอื่น ๆ
ประเทศจีนผลิตเหล็กดิบได้ 1,005 ล้านตัน ซึ่งเกินกว่า 50% ของปริมาณการผลิตเหล็กดิบทั่วโลก
ทำไม จีนถึงครองอุตสาหกรรมเหล็ก เบอร์ 1 ของโลก ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หลายสิบปีที่ผ่านมา จีนเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด หนึ่งในท่าของการเติบโตคือ การลงทุนจากภาครัฐ ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูง สะพาน ทางด่วน ฯลฯ
แน่นอนว่า อุตสาหกรรมเหล็กจึงกลายเป็น หนึ่งในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์สำคัญ
รัฐบาลจีน ได้มีการสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศของตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยมีการให้เงินอุดหนุนทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างเช่น ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการ
และอีกขาสำคัญคือ จีนที่มีจำนวนประชากร 1,400 ล้านคน เมื่อเศรษฐกิจเติบโตขึ้น การซื้ออสังหาฯ ที่อยู่อาศัย ทั้งเพื่ออยู่เองหรือเพื่อลงทุน รวมถึงการบริโภคด้านอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น
เกิดการขยายตัวของเมือง และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ตามมา
ทำให้ความต้องการเหล็กในประเทศสูงมาก กลายเป็นปัจจัยทำให้อุตสาหกรรมเหล็กของจีนเติบโตอีกทางหนึ่งด้วย
อาจกล่าวได้ว่า จีนไม่ต้องไปหาลูกค้าที่ไหนไกล เพราะแค่ขายเหล็กให้คนในประเทศก็พอแล้ว
และเมื่อผลิตในปริมาณมหาศาล ทำให้เกิด Economies of Scale ที่ต้นทุนต่อหน่วยลดลงอย่างมาก จึงสามารถแข่งขันด้านราคาได้ เหนือกว่าคู่แข่งประเทศอื่น
ขณะเดียวกัน จีนเองได้พัฒนาอุตสาหกรรม นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงการผลิตอย่างต่อเนื่อง
ผลคือ ผลิตได้เร็วกว่า คุณภาพดีกว่า ประหยัดพลังงานกว่า และต้นทุนการผลิตต่ำกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ปีมานี้ เมื่อเศรษฐกิจจีนเติบโตชะลอลง ก็เป็นสาเหตุของการเกิดความต้องการใช้เหล็กลดลง และเกิดกำลังการผลิตส่วนเกินในประเทศ
จีนจึงเปลี่ยนมาเน้นส่งออกเหล็กมากขึ้น.. ด้วยการขายราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งได้
จากข้อมูลสมาคมเหล็กโลก ประจำปี 2024
ผู้ผลิตเหล็กดิบ (Crude Steel) ซึ่งเป็นผลผลิตขั้นแรก ๆ ที่ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมเหล็ก
ประเทศจีนผลิตเหล็กดิบได้ 1,005 ล้านตัน ซึ่งเกินกว่า 50% ของปริมาณการผลิตเหล็กดิบทั่วโลก
ส่วนประเทศอื่นที่รองลงมา
อินเดีย ผลิตเหล็กดิบ 150 ล้านตัน
ญี่ปุ่น ผลิตเหล็กดิบ 84 ล้านตัน
สหรัฐอเมริกา ผลิตเหล็กดิบ 80 ล้านตัน
แล้วถ้าเจาะมาเป็นรายบริษัท ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กรายใหญ่ 5 อันดับแรกของโลก
- China Baowu Steel Group (จีน)
กำลังการผลิต 130 ล้านตันต่อปี
- ArcelorMittal (ลักเซมเบิร์ก)
กำลังการผลิต 65 ล้านตันต่อปี
- Ansteel Group (จีน)
กำลังการผลิต 60 ล้านตันต่อปี
- Nippon Steel Corporation (ญี่ปุ่น)
กำลังการผลิต 44 ล้านตันต่อปี
- HBIS Group (จีน)
กำลังการผลิต 42 ล้านตันต่อปี
สรุปแล้ว บริษัทจีนติด 5 อันดับแรกถึง 3 บริษัท
จุดที่น่าสนใจคือ China Baowu Steel Group เป็นบริษัทเหล็ก ที่เป็นรัฐวิสาหกิจที่บริหารโดยตรงโดยรัฐบาลกลางของจีน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เซี่ยงไฮ้
บริษัทรายนี้ มีกำลังการผลิตเหล็ก ที่มากกว่าบริษัทอันดับ 2 และ 3 รวมกันเสียอีก
ผลประกอบการปี 2023 ของ China Baowu Steel Group เผยว่าบริษัท
มีรายได้ 5,103,124 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 80,966 ล้านบาท
คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.6% เท่านั้น
แม้บริษัทจะมีรายได้สูงมาก แต่อัตรากำไรสุทธิต่ำมาก ซึ่งนอกจากเหตุผลเรื่องความเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีวัฏจักรแล้ว อีกสิ่งที่น่าจะสะท้อนได้ดีคือ จีนต้องการเน้นด้านปริมาณการขาย ในราคาถูก
สอดคล้องกับภาพที่หลายคนเห็นว่า หลายปีที่ผ่านมา จีนเน้นไปที่การส่งออกมากขึ้น ใช้วิธีดึงดูดผู้ซื้อด้วยราคาที่ต่ำลง เพื่อดูดซับกำลังการผลิตส่วนเกินในประเทศ โดยใช้ความได้เปรียบที่กล่าวมาข้างต้น
โดยในปี 2024 คาดว่าจีนส่งออกเหล็กไปทั่วโลกเกินกว่า 110 ล้านตัน ซึ่งน่าจะเกินสถิติที่เคยทำไว้เมื่อปี 2015
อย่างไรก็ตาม การกระทำที่เกิดขึ้นนี้ หลายประเทศมองว่า เป็นการทุ่มตลาดเหล็ก ทำให้ผู้ผลิตเหล็กท้องถิ่นในหลายประเทศประสบปัญหาการแข่งขันด้านราคาอย่างหนัก
บางรายต้องลดกำลังการผลิต ปิดโรงงาน หรือแม้กระทั่งล้มละลาย ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจในประเทศเหล่านั้นโดยตรง..
จนหลายประเทศเริ่มมีมาตรการตอบโต้ทางการค้า เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ ตัวอย่างเช่น การเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด และภาษีตอบโต้การอุดหนุน กับสินค้าเหล็กจากจีน
นอกจากนี้ ยังมีการพยายามเจรจาหารือกันระหว่างประเทศ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้
อย่างในเดือนมิถุนายน ปี 2025 ที่ผ่านมา บริษัทเหล็กอันดับ 1 ของญี่ปุ่น Nippon Steel ได้เข้าซื้อ US Steel บริษัทเหล็กที่มีอายุ 120 ปีของสหรัฐฯ ได้สำเร็จ หลังเจรจายืดเยื้อนานกว่า 18 เดือน
ทำให้กำลังการผลิตเหล็กทั้งหมดของกลุ่ม Nippon Steel เพิ่มขึ้นเป็น 59 ล้านตันต่อปี ขึ้นแท่นผู้ผลิตเหล็กอันดับ 3 ของโลก
โดยการที่ผู้ผลิตเหล็กของกลุ่มประเทศต่าง ๆ มีการรวมกลุ่มกัน เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า น่าจะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่หลายฝ่ายมองว่า เพื่อให้สามารถแข่งขันกับเหล็กจากประเทศจีนได้
ซึ่งการสร้างพันธมิตรและการควบรวมกิจการ จะช่วยให้สามารถเพิ่มขนาดการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มอำนาจในการต่อรองในตลาด
ก็ต้องติดตามต่อไปว่า อุตสาหกรรมเหล็กโลก ที่มีจีนครองเบอร์ 1 นั้นจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต
และสัญญาณจากการร่วมมือกันระหว่างประเทศของผู้ผลิตเหล็ก จะสามารถสร้างความสั่นคลอน ความเป็นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมเหล็กของจีนได้บ้างหรือไม่..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon