
สรุปสัมภาษณ์ล่าสุด จาก Ray Dalio “ในอีก 50 ปีข้างหน้า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลก”
สรุปสัมภาษณ์ล่าสุด จาก Ray Dalio
“ในอีก 50 ปีข้างหน้า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลก”
/โดย ลงทุนแมน
“ในอีก 50 ปีข้างหน้า สหรัฐฯ อาจไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลก”
/โดย ลงทุนแมน
ล่าสุด คุณเรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งกองทุน Bridgewater Associates หนึ่งในเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่สุดในโลก
ได้ออกมาเตือนถึงอนาคตที่น่ากังวลของโลก
ได้ออกมาเตือนถึงอนาคตที่น่ากังวลของโลก
โดยเขาบอกว่า “We’re Heading Into Very, Very Dark Times! America & The UK’s Decline Is Coming”
หรือแปลว่า เรากำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ช่วงเวลาที่มืดมนอย่างมาก การเสื่อมถอยของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรกำลังมาถึงแล้ว
นอกจากนี้ เขายังบอกอีกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐฯ อาจไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก
ในอีก 50-100 ปีข้างหน้า อีกด้วย
ในอีก 50-100 ปีข้างหน้า อีกด้วย
ทำไมคุณเรย์ ดาลิโอ ถึงมีความคิดแบบนั้น ?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
จากการวิเคราะห์วัฏจักรประวัติศาสตร์ตลอด 500 ปีที่ผ่านมา
คุณเรย์เชื่อว่า ปัจจุบันโลกกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่มืดมนอย่างมาก ซึ่งเกิดมาจากปัจจัย 5 ประการด้วยกัน คือ
1. พลังด้านการเงินและหนี้สิน
เมื่อมีการก่อหนี้ ปริมาณหนี้สินจะเพิ่มขึ้น เทียบกับรายได้ และจนถึงจุดที่ไม่สามารถชำระคืนได้ สุดท้ายจบด้วยการสร้างปัญหาทางการเงิน ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลง
2. ความขัดแย้งภายใน
ปัญหาหนี้สิน มักเชื่อมโยงกับความขัดแย้งภายในประเทศ ความเหลื่อมล้ำและโอกาสที่ถ่างกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้ผู้คนสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบ และนำไปสู่สงครามกลางเมืองหรือความวุ่นวายภายใน
3. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
ซึ่งระเบียบโลกใหม่มักถูกสร้างขึ้นโดยผู้ชนะสงคราม
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะมีมหาอำนาจใหม่ผงาดขึ้นมาท้าทายมหาอำนาจเดิม ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะมีมหาอำนาจใหม่ผงาดขึ้นมาท้าทายมหาอำนาจเดิม ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
โดยคุณเรย์ชี้ว่า สหรัฐฯ และจีน กำลังเป็นคู่แข่งหลักในความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์นี้ เพื่อแย่งชิงการกำหนดระเบียบโลกใหม่
4. ภัยธรรมชาติ
ภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาด
มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษยชาติ และในประวัติศาสตร์ได้พรากชีวิตของผู้คนไปมากกว่าสงครามเสียอีก
มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษยชาติ และในประวัติศาสตร์ได้พรากชีวิตของผู้คนไปมากกว่าสงครามเสียอีก
5. นวัตกรรมของมนุษย์
โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งสามารถยกระดับชีวิตของมนุษย์ได้อย่างมหาศาล
แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นเครื่องมือในสงครามเทคโนโลยี
ซึ่งผู้ชนะในสงครามนี้จะสามารถกำหนดระเบียบโลกใหม่ได้
ซึ่งผู้ชนะในสงครามนี้จะสามารถกำหนดระเบียบโลกใหม่ได้
นอกจากแนวคิดในภาพใหญ่แล้ว ที่น่าสนใจคือคุณเรย์ ยังเจาะไปถึงสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ในอนาคต
โดยเขามองว่า สหราชอาณาจักร กำลังมีปัญหาหลัก 3 ด้าน คือ
1. หนี้ที่สูง และการขาดดุล
เนื่องจากรัฐบาลมีหนี้มาก ซึ่งปัจจุบันสหราชอาณาจักร มีหนี้สาธารณะกว่า 125 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับ GDP ของสหราชอาณาจักรในปีที่ผ่านมา
เมื่อหนี้มาก ทำให้การใช้จ่ายลดลง บวกกับค่าใช้จ่ายมหาศาล ที่ไม่ได้ผลักดันการเติบโตด้านโครงสร้างของประเทศ อย่างเช่น ด้านกลาโหมจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ ยิ่งทำให้ฐานะการเงินตึงตัว
2. ความขัดแย้งภายใน และช่องว่างความมั่งคั่ง
ความแตกต่างระหว่างคนรวย และคนทั่วไปที่มากขึ้น กำลังเพิ่มความตึงเครียดในสังคม ทำให้ประชาชนเริ่มไม่เชื่อมั่นในระบบ ทั้งกฎหมาย นโยบาย และมาตรการต่าง ๆ
รวมถึงยังมีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมภายในประเทศ ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ เช่น ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา อีกด้วย
3. ขาดวัฒนธรรม และตลาดทุนที่สนับสนุนนวัตกรรม
ทำให้เศรษฐีบางส่วนอพยพออกนอกประเทศ
โดยมีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ สหราชอาณาจักรอาจจะเสียเศรษฐีไปถึงประมาณ 16,000 คน
โดยมีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ สหราชอาณาจักรอาจจะเสียเศรษฐีไปถึงประมาณ 16,000 คน
โดยเฉพาะคนรวยที่ไม่ใช่คนท้องถิ่น ซึ่งมีข้อผูกมัดน้อย สามารถย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่ดีกว่าได้ง่าย
อย่างเช่น หากต้องการเป็นผู้ประกอบการและสร้างบริษัทเทคโนโลยี คุณเรย์ก็ตอบชัดเจนว่าควรอยู่ในสหรัฐฯ มากกว่า เพราะมีวัฒนธรรมของการเป็นผู้ประกอบการและการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ รวมถึงตลาดทุนในสหรัฐฯ ก็ดีกว่าใน สหราชอาณาจักรด้วย
ต่อมาเมื่อมองในส่วนของสหรัฐฯ เบอร์ 1 ทางเศรษฐกิจตอนนี้ คุณเรย์มองว่ามีปัญหาหลัก 4 ด้าน คือ
1. หนี้ที่สูงและความขัดแย้งภายในที่รุนแรง
แม้สหรัฐฯ จะมีอำนาจในการใช้จ่ายที่สูง แต่อำนาจนั้นก็มาจากการก่อหนี้ที่เกินตัว ซึ่งหนี้ก็ต้องชำระคืนในวันใดวันหนึ่งอยู่ดี
แม้สหรัฐฯ จะมีอำนาจในการใช้จ่ายที่สูง แต่อำนาจนั้นก็มาจากการก่อหนี้ที่เกินตัว ซึ่งหนี้ก็ต้องชำระคืนในวันใดวันหนึ่งอยู่ดี
และเมื่อหนี้สูงเกินไป เมื่อเทียบกับรายได้ ก็จะบีบให้การใช้จ่ายลดลง และผู้คนก็อาจจะไม่ต้องการถือสินทรัพย์ที่เป็นหนี้สินนั้นไว้ อย่างเช่น พันธบัตร เป็นต้น
2. สงครามเทคโนโลยีกับจีน
ทางจีนนั้นเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพ ถ้าใครเป็นผู้ชนะในสงครามเทคโนโลยี จะได้เปรียบทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าผู้ชนะ คือผู้ที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่า
ซึ่งคุณเรย์เชื่ออย่างหนักแน่นว่า ใครก็ตามที่เป็นผู้ชนะในสงครามเทคโนโลยี จะเป็นผู้ชนะในทุกสงคราม และจะได้เปรียบทั้งใน สงครามเศรษฐกิจ และ สงครามภูมิรัฐศาสตร์
การแข่งขันกับจีน จึงไม่ใช่แค่การแข่งขันเชิงนวัตกรรมธรรมดา แต่เป็นปัจจัยชี้ขาดที่จะกำหนดอนาคตของการเป็นมหาอำนาจของสหรัฐอเมริกา
3. ความมั่งคั่งกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มคนจำนวนน้อย
โดยราว 1-10% ของประชากร และค่านิยมที่แตกต่าง
เริ่มทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในระบบ
โดยราว 1-10% ของประชากร และค่านิยมที่แตกต่าง
เริ่มทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในระบบ
ซึ่งคุณเรย์ยกตัวอย่างว่า 1% ของคนอเมริกัน กำลังประสบความสำเร็จและมั่งคั่งอย่างเหลือเชื่อ
อีก 10% ก็อยู่ในสถานะที่ดี ไม่ลำบาก และเข้าถึงโอกาสต่าง ๆ ได้มาก
แต่อีกฝั่งคือ ยังมีประชากรอีกกว่า 60% ของประเทศ ที่มีระดับการอ่านต่ำกว่าเด็ก 12 ปี ซึ่งสะท้อนถึงการเข้าถึงโอกาสที่ไม่เท่าเทียม
รวมถึงค่านิยมที่แตกต่าง ซึ่งแต่ละฝ่ายไม่สามารถหาจุดกึ่งกลางของความเชื่อเพื่ออยู่ร่วมกันได้ ปัญหาความขัดแย้งจึงมีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้น
4. ประชาธิปไตยเสื่อมถอย
4. ประชาธิปไตยเสื่อมถอย
โดยการที่ผู้คนเริ่มขัดแย้งกันเอง และไม่เชื่อมั่นในระบบที่มี อาจทำให้ประชาชนต้องการเลือกผู้นำที่เข้มแข็งหรือเผด็จการเข้ามา เพื่อควบคุมสถานการณ์
จนอาจนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านเป็น ระบอบเผด็จการ (Autocracy) คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในอิตาลี เยอรมนี สเปน และญี่ปุ่น
ซึ่งระบอบเผด็จการ คือขั้วตรงข้ามกับระบอบประชาธิปไตย ที่คอยสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับสหรัฐฯ มาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ
โดยเขายังเสริมว่า มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐฯ อาจไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก ในอีก 50-100 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ แม้ภาพรวมจะน่ากังวล แต่ในฐานะตัวบุคคล ก็ยังพอมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้ได้ โดยเขาให้คำแนะนำดังนี้
- มีความยืดหยุ่น และทางเลือกในการโยกย้ายถิ่นฐาน
ไม่ยึดติดกับสถานที่แห่งเดียว
ไม่ยึดติดกับสถานที่แห่งเดียว
ดังนั้นการตัดสินใจซื้อบ้านซึ่งเป็นการผูกมัดตัวเองไว้กับที่ใดที่หนึ่ง อาจจำกัดความยืดหยุ่นในอนาคต
- สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน
ผ่านการหารายได้ การใช้จ่าย และการออม
ควบคู่ไปกับการลงทุนที่เหมาะสม
ควบคู่ไปกับการลงทุนที่เหมาะสม
- ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้
ช่วงแรกของชีวิต การเรียนรู้และประสบการณ์สำคัญกว่าการได้งานที่ให้เงินเดือนสูงสุด และควรอยู่ท่ามกลางคนเก่งที่มีทั้งความสามารถและเป็นคนดี
- ค้นหางานที่ใช่ และสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย
ความสุขที่แท้จริงมาจากงานที่มีความหมายและความสัมพันธ์ที่มีความหมาย
เมื่อเงินมีมากเกินระดับพื้นฐานแล้ว มันแทบไม่มีความสัมพันธ์กับความสุขเลย โดยสิ่งที่สัมพันธ์กับความสุขมากที่สุดคือสังคมและผู้คนรอบข้าง
- ความเจ็บปวด + การไตร่ตรอง = ความก้าวหน้า
ซึ่งถือเป็นหลักการสำคัญที่สุดของเขา โดยความล้มเหลวที่เจ็บปวดที่สุด จะกลายเป็นจุดเปลี่ยน ช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น
และทำให้เรียนรู้ความถ่อมตนและการเปิดใจกว้าง ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคต
นอกจากนี้ คุณเรย์ยังแชร์มุมมองเกี่ยวกับ AI และอนาคตว่า AI และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ จะเข้ามาเปลี่ยนโลกของเราอย่างมหาศาล โดยเป็นเรื่องที่ทั้งน่าตื่นเต้น และด้านที่น่ากังวล
โดย AI เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มศักยภาพการตัดสินใจ ช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานได้อย่างมหาศาล
แต่อีกมุมก็เป็นตัวสร้างความเหลื่อมล้ำยิ่งไปอีก
และจะนำไปสู่ความแตกแยกในสังคมที่มากขึ้น
และจะนำไปสู่ความแตกแยกในสังคมที่มากขึ้น
รวมไปถึงงานหลายประเภทอาจถูกแทนที่ ด้วยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ และ AI
โดยงานหลายประเภทจะไม่จำเป็นต้องมีคนทำอีกต่อไป เช่น ทนายความ นักบัญชี หรือแม้แต่วิชาชีพทางการแพทย์ อาจถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ที่มีความฉลาดกว่า
ซึ่งเขายังกังวลว่า การที่ธรรมชาติของมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยความโลภ ความกระหายอำนาจ และความขัดแย้ง
อาจทำให้เราไม่สามารถจัดการกับเทคโนโลยีที่ทรงพลังนี้ได้อย่างสันติ อีกด้วย..
อาจทำให้เราไม่สามารถจัดการกับเทคโนโลยีที่ทรงพลังนี้ได้อย่างสันติ อีกด้วย..