ไขความลับ น้ำมันเครื่อง 2 สูตร DYNAMIC ULTRA PLUS และ DYNAMIC PLUS สร้างประโยชน์เกินคาด ให้เจ้าของธุรกิจ

ไขความลับ น้ำมันเครื่อง 2 สูตร DYNAMIC ULTRA PLUS และ DYNAMIC PLUS สร้างประโยชน์เกินคาด ให้เจ้าของธุรกิจ

15 ส.ค. 2022
ไขความลับ น้ำมันเครื่อง 2 สูตร DYNAMIC ULTRA PLUS และ DYNAMIC PLUS สร้างประโยชน์เกินคาด ให้เจ้าของธุรกิจ
PTT Lubricants X ลงทุนแมน
หลายคนอาจยังไม่รู้มาก่อนว่า การเติมน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพดี ๆ
นอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ ให้นานขึ้นหลายปีแล้วนั้น
ก็ยังช่วยลดการปล่อยควันดำ และฝุ่น PM2.5 แถมยังช่วยประหยัดค่าน้ำมันด้วย
ประโยชน์ทั้ง 3 ข้อนี้ เป็นสิ่งที่คนใช้รถต้องการ
และยิ่งถ้าใครเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีรถเครื่องยนต์ดีเซลหลายคันไว้บรรทุกสินค้า หรือใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้งานหนักเป็นประจำทุกวัน
การเลือกน้ำมันเครื่องที่มีทั้ง 3 คุณสมบัติดังกล่าว อยู่ในน้ำมันเครื่อง 1 ถัง
นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ และยังแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมของผู้ประกอบธุรกิจอีกด้วย
โดยตลาดน้ำมันเครื่องเมืองไทย แม้จะมีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้
แต่รู้หรือไม่ว่า PTT Lubricants คือผู้นำในตลาด ที่ครองใจผู้บริโภคมานานกว่า 12 ปี
PTT Lubricants พัฒนาน้ำมันเครื่องให้มีคุณสมบัติเหมาะสมกับรถแต่ละประเภท และรูปแบบการใช้งานที่ต่างกันออกไป ซึ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม DYNAMIC นั้นเป็นน้ำมันเครื่องที่ออกแบบมาสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลงานหนักโดยเฉพาะ เช่น รถบรรทุก รถบัสโดยสาร รถหัวลาก และรถขนส่ง
โดยมีให้เลือก 2 สูตร ก็คือ DYNAMIC ULTRA PLUS และ DYNAMIC PLUS
น้ำมันเครื่อง DYNAMIC 2 สูตรนี้ แตกต่างกันอย่างไร ?
ที่สำคัญจะช่วยรักษาสุขภาพเครื่องยนต์ของรถขนาดใหญ่ และประหยัดน้ำมันได้ดีแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
เมื่อพูดถึงรถขนาดใหญ่ เครื่องยนต์ดีเซล
หลายคนจะนึกถึงรถที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ เช่น รถบรรทุกต่าง ๆ ที่ใช้บรรทุกสินค้าจำนวนมาก ๆ
หรือหากใกล้ตัวก็คือ รถบัสโดยสาร ที่ใช้รับกรุ๊ปทัวร์ท่องเที่ยวต่าง ๆ
สิ่งที่เหมือนกันของบรรดารถขนาดใหญ่เหล่านี้คือ นอกจากต้องวิ่งบนท้องถนนเป็นเวลานาน ๆ เกือบทุกวัน ก็ยังต้องแบกรับน้ำหนักมหาศาลในการบรรทุก
ผลที่ตามมาก็คือ เครื่องยนต์ดีเซลทำงานหนัก ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพเร็ว
อีกเรื่องที่เป็นปัญหา และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทโดยตรง คือรถขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล
มีหลายคันบนท้องถนน ที่ปล่อยควันดำออกมา
ลองคิดดูว่า หากรถบรรทุกที่ติดโลโก้ของบริษัทเรา ปล่อยควันดำฟุ้งบนถนน
คนทั่วไปอาจมองว่า บริษัทนี้ ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม
ทาง PTT Lubricants จึงใช้ Pain Point ตรงนี้มาวิจัยและพัฒนาสูตรน้ำมันเครื่อง DYNAMIC ULTRA PLUS ผ่านแพลตฟอร์ม EVOTEC Technology โดยมีจุดเด่น 3 เรื่องหลัก ๆ ดังนี้
- ENDURANCE
มีคุณสมบัติป้องกันการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ เช่น โซ่ราวลิ้น ลูกเบี้ยว และเพลา เป็นต้น อีกทั้งยังชะล้างสิ่งสกปรกในเครื่องยนต์ให้สะอาด ทำให้แม้เครื่องยนต์จะทำงานหนัก แต่ก็จะมีอายุการใช้งานที่ยืนยาว
- EFFICIENCY
คุณสมบัติข้อนี้น่าจะถูกใจเจ้าของธุรกิจทุกคน เมื่อน้ำมันเครื่องช่วยลดความเสียดทานของเครื่องยนต์ได้ดี ทำให้ทุกชิ้นส่วนทำงานได้อย่างคล่องตัว
ข้อดีก็คือ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานได้เต็มที่ อัตราเร่ง และการตอบสนองก็ย่อมดี
ทำให้การใช้งานรถเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในแง่ของการบรรทุก และการวิ่งบนท้องถนน
อีกทั้งยังช่วยลดการเติมน้ำมัน ตรงนี้ถือเป็นการลดต้นทุนทางธุรกิจทางอ้อม
- ENVIRONMENT
พอเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น การใช้เชื้อเพลิงก็ย่อมลดลง การปล่อยก๊าซไอเสีย ก็จะมีปริมาณน้อยลงตามไปด้วย
แม้ทุกอย่างดูจะสมบูรณ์แบบ แต่ทาง PTT Lubricants ผู้คิดค้น ก็มองว่ายังไม่เพียงพอสำหรับรถขนาดใหญ่ จึงมีการผสมผสาน ULTRA Shield Molecules ซึ่งเป็นสูตรเถ้าต่ำ คุณภาพสูง
นอกจากช่วยยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์บำบัดไอเสียแล้วนั้น ก็ยังป้องกันการเกิดคราบยางเหนียว
แล้วคราบยางเหนียว คืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ทุกครั้งที่เราสตาร์ตรถจะมีการจุดระเบิดภายในเครื่องยนต์ เพื่อสร้างพลังงานให้รถขับเคลื่อน
ซึ่งการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ในทุก ๆ ครั้ง จะทำให้เกิดคราบเขม่า
เมื่อทุก ๆ วัน รถต้องมีการสตาร์ตเครื่องยนต์ วันละ 4-5 ครั้ง คราบเขม่าก็จะเกิดการสะสม
สุดท้ายจึงกลายเป็นคราบยางเหนียวสกปรกในเครื่องยนต์ ที่ส่งผลต่อการเสื่อมอายุการใช้งาน
จนถึงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นกว่าปกติ
จากการคิดค้นและต่อยอดทางเทคโนโลยีจึงเกิดเป็น ULTRA Shield Molecules ที่ช่วยลดควันดำในช่วงสตาร์ตรถทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดคราบยางเหนียว
และอย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น PTT Lubricants ได้คิดค้นน้ำมันเครื่องในกลุ่ม DYNAMIC โดยแบ่งเป็น DYNAMIC ULTRA PLUS และ DYNAMIC PLUS
โดยทั้งสองสูตรนี้ ก็จะมีคุณสมบัติ ดังนี้
สูตร DYNAMIC ULTRA PLUS SAE 15W-40 มาตรฐาน API CK-4 จะเป็นน้ำมันเครื่องคุณภาพสูง
เหมาะสำหรับรถเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ รองรับถึงเครื่องยนต์ยูโร 5 ที่ติดตั้งระบบบำบัดไอเสีย DPF ซึ่งช่วยดักเขม่าควันต่าง ๆ ที่หลงเหลือจากการเผาไหม้ในห้องจุดระเบิด
โดยน้ำมันเครื่องสูตรนี้ ได้พัฒนาจากเทคโนโลยี EVOTEC ผสานกับ ULTRA Shield Molecules ที่ช่วยลดควันดำ และเมื่อทำงานร่วมกับ DPF ก็ยิ่งทำให้เครื่องยนต์สะอาด และไม่มีคราบยางเหนียว นั่นเอง
ส่วนสูตร DYNAMIC PLUS SAE 15W-40 และ 20W-50 มาตรฐาน API CI-4 ผสานเทคโนโลยี DDL Booster ที่ช่วยทำให้เครื่องยนต์สะอาด
โดยถูกออกแบบมาสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลงานหนักรุ่นเก่าทุกรุ่นที่ยังไม่ติดตั้ง DPF รองรับได้สูงสุดถึงเครื่องยนต์ยูโร 4
ทีนี้ ถ้าถามว่า การคิดค้นน้ำมันเครื่อง 2 สูตรนี้ สร้างประโยชน์ให้แก่ใครบ้าง..
แน่นอน คนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดก็คือ “เจ้าของธุรกิจ” ที่รถทุกคันที่ใช้ในการทำงานเชิงพาณิชย์
จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และประหยัดค่าน้ำมัน รวมถึงค่าซ่อมบำรุงอีกด้วย
ส่วนคนที่ได้รับประโยชน์รองลงมาจากเรื่องนี้ก็คือ ทุกคน ที่ใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนเมืองไทย
ที่จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์มากขึ้นกว่าในอดีต..
References
-เอกสารข่าว PTT Lubricants
-https://www.smartsme.co.th/content/245781
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.