ถ้าได้รับเงิน 100,000 บาท แลกกับ การเลิกใช้ YouTube ตลอดไป

ถ้าได้รับเงิน 100,000 บาท แลกกับ การเลิกใช้ YouTube ตลอดไป

3 มิ.ย. 2023
ถ้าได้รับเงิน 100,000 บาท แลกกับ การเลิกใช้ YouTube ตลอดไป /โดย ลงทุนแมน
ถ้ามีคนบอกว่า เราห้ามใช้ YouTube เพื่อแลกกับเงิน 100,000 บาท เราอาจคิดหนัก
แต่ถ้าบอกว่า เราห้ามใช้ Disney+ เพื่อแลกกับเงิน 100,000 บาท หลายคนบอกว่าโอเค
เรื่องนี้เป็นเพราะอะไร ?
หลังจากข่าว Disney+ ประกาศขึ้นราคาเป็น 2,290 บาทต่อปี เสียงส่วนใหญ่กลับมองว่าแพง และสมาชิกรายเดิมหลายต่อหลายคนแพลนว่า จะยกเลิก
แต่หากเราลองไปดูสินค้าบางประเภท เช่น iPhone กระเป๋าแบรนด์เนม แม้จะมีการขึ้นราคา เราก็ยังคงยอมจ่าย
วันนี้เรามาดูกันว่า ทำไมสินค้าบางประเภทขึ้นราคาไม่ได้ แต่บางประเภทกลับขึ้นราคาได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้ อิงจากหลักเศรษฐศาสตร์ เลยก็คือ
- ความอยากจะซื้อ หรือ Demand
- ความอยากจะขาย หรือ Supply
โดยการซื้อขายจะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อเราซื้อสินค้าในราคาและปริมาณที่เรายอมจ่าย ในขณะที่ฝั่งคนขาย ก็จะยอมขายในราคาและปริมาณที่รับได้
แต่ก็ไม่ใช่ว่าสินค้าทุกประเภทจะเป็นแบบนี้
เพราะมันมีอีกเรื่องหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง เรียกกันว่า “ความยืดหยุ่นของอุปสงค์” หรือศัพท์ทางการ ก็คือ Elasticity of Demand
สำหรับความยืดหยุ่นของอุปสงค์ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตาม ทั้งราคา รายได้ หรือแม้แต่ราคาของสินค้าชนิดอื่นที่สามารถทดแทนกันได้
โดยถ้าพูดเฉพาะเรื่องของการปรับเพิ่มหรือลดราคา จะเรียกว่า Price Elasticity of Demand
เราก็สามารถดูได้จากว่า สินค้านั้น ๆ จำเป็นกับเรา มากขนาดไหน
ตามทฤษฎีแล้ว หากเป็นสินค้าทั่วไปที่เราขาดไม่ได้ เช่น ยารักษาโรค
แม้ขึ้นราคา แต่ความต้องการซื้อของเราก็ยังเท่าเดิม หรือลดลงไม่ได้มากนัก เพราะเราแทบไม่มีอำนาจต่อรองราคาเท่าไร
โดยเราจะเรียกสินค้าประเภทนี้ว่า “สินค้าที่มีความยืดหยุ่นต่ำ”
ในทางกลับกัน หากเป็นสินค้าที่ไม่จำเป็นหรือฟุ่มเฟือย หากมีการปรับราคาขึ้น ความต้องการซื้อก็จะลดลง
ซึ่งเราก็จะเรียกสินค้าประเภทนี้ว่า “สินค้าที่มีความยืดหยุ่นสูง”
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีสินค้าบางประเภทที่มีตัวเลือกมากมาย แต่ก็ยังมีหลายคนยอมจ่ายแพง เพราะแบรนด์เหล่านั้นสามารถครอบครองใจผู้บริโภคได้
ยกตัวอย่างก็เช่น สินค้าแบรนด์เนม ของสะสม หรือการสมัครสมาชิกของแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Spotify, Netflix
ซึ่งเราจะเห็นว่า สินค้าแบรนด์เนม หรือแพลตฟอร์ม แม้จะมีการปรับราคาขึ้น แต่ก็ยังมีคนซื้ออยู่ดี เพราะสินค้าและบริการเหล่านั้นอาจจะเป็นสิ่งที่คนบางกลุ่มขาดไม่ได้ จนถือว่าเป็นสินค้าที่มีความยืดหยุ่นต่ำต่อคนกลุ่มนั้น
และก็มีบางสินค้าและบริการที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่มีความยืดหยุ่นสูง เพราะแบรนด์นั้นยังทำให้ผู้บริโภคคิดว่าเป็นสินค้าจำเป็นไม่ได้ เช่น แพลตฟอร์ม Disney+ ที่เพิ่งมีการประกาศขึ้นราคา แต่กลับมีกระแสที่หลายคนอาจยกเลิก
ซึ่งการที่แบรนด์จะสามารถครอบครองใจผู้บริโภคได้ เป็นสิ่งที่ต้องใช้กลยุทธ์การตลาด และการสร้างผลิตภัณฑ์ให้แตกต่าง มีคุณภาพ เพื่อให้คนเชื่อใจ และยอมจ่ายได้ทุกราคา
ดังนั้นตลาดในยุคหลัง ๆ จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่จะขึ้นอยู่กับแบรนด์ และอรรถประโยชน์ของสินค้านั้น ที่ทำให้คนรู้สึกว่าขาดไม่ได้ด้วย ที่จะส่งผลต่อความยืดหยุ่นของอุปสงค์
เช่น ถ้าถามว่าให้เงินคุณ 100,000 บาท เพื่อแลกกับ
- การยอมไม่ซื้อ iPhone ตลอดไป
- การยอมไม่ใช้ Google ตลอดไป
- การยอมไม่ใช้ YouTube ตลอดไป
- การยอมไม่ใช้ TikTok ตลอดไป
หลายคนอาจจะไม่ยอมรับเงิน 100,000 บาทนั้นเลย ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.investopedia.com/ask/answers/033115/how-does-law-supply-and-demand-affect-prices.asp
-https://www.longtunman.com/26151
-https://www.marketthink.co/39211
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.