ผลประกอบการ Meta กำไรโต 164% คนเล่นเฟซบุ๊กนานขึ้น

ผลประกอบการ Meta กำไรโต 164% คนเล่นเฟซบุ๊กนานขึ้น

26 ต.ค. 2023
ผลประกอบการ Meta กำไรโต 164% คนเล่นเฟซบุ๊กนานขึ้น /โดย ลงทุนแมน
ตัวเลขนี้ออกมาสวนทางคนบ่นว่า สมัยนี้คนไม่เล่นเฟซบุ๊กแล้ว ทุกคนเล่นแต่ TikTok เพราะเมื่อคืนนี้ ตัวเลขออกมา Meta กำไรโต 164% Reels สู้ TikTok ได้ ที่สำคัญคนเล่นเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมนานขึ้น รวมถึงจำนวนผู้ใช้งานก็เพิ่มขึ้น..
เมื่อคืน Meta เจ้าของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3
รายได้ 1.24 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%
กำไร 0.42 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 164%
รายได้เติบโต เหนือคู่แข่งทั้ง Google ที่เติบโต 10% และ Snapchat ที่เติบโตเพียง 5% ในขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม หุ้นเฟซบุ๊ก กลับโดนเทขายออกมา ทั้งในช่วงระหว่างการซื้อขายเมื่อคืน รวมถึงช่วง After Hours ติดลบรวมกัน 7.5% คิดเป็นมูลค่า มากถึง 2 ล้านล้านบาท
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับ Meta ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นเรามาดู จำนวนคนเล่นเฟซบุ๊ก กันก่อน
- จำนวนผู้ใช้งานของ Meta แยกเป็น 2 ชุด
ชุดแรก เป็นผู้ใช้งานทุกแพลตฟอร์มในเครือ คือ Facebook, Instagram และ WhatsApp
ต่อวันอยู่ที่ 3.14 พันล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 7%
ต่อเดือนอยู่ที่ 3.96 พันล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 7%
หากนับเฉพาะผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก
ต่อวันอยู่ที่ 2.09 พันล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 5%
ต่อเดือนอยู่ที่ 3.05 พันล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 3%
ในขณะที่การเข้าถึงโฆษณา ทุกแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 31%
เมื่อรวมกับผลประกอบการที่กลับมาฟื้นตัว และเติบโตได้ดี ตัวเลขทั้งหมดนี้ เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์ และตัวบริษัทเอง คาดการณ์ไว้
แต่สาเหตุที่ Meta ถูกเทขายออกมาก่อน เป็นเพราะความกังวล 2 เรื่องหลัก ๆ แบ่งออกเป็น
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ยังคงดีดขึ้นมาอยู่ในระดับสูง โดยพันธบัตรอายุ 10 ปี ยังอยู่ที่ 4.95% และอายุ 30 ปี อยู่ที่ 5.10%
ส่งผลให้ทั้งสินทรัพย์เสี่ยงแบบหุ้น ยังคงถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดดัชนีหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐอเมริกา หรือ Nasdaq ร่วงลงอีก 2.4% เมื่อคืนนี้ นับเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
- อีกเรื่องก็คือ คาดการณ์ผลประกอบการ จาก CFO.. ที่ออกมา แนวเตือน ๆ ว่า รายได้จากธุรกิจโฆษณาคาดเดาได้ยาก จากสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ และสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
โดยคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสถัดไป รายได้ของ Meta จะอยู่ที่ราว 1.45 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
บวกกับค่าใช้จ่ายในการลงทุนไปกับสินทรัพย์ของบริษัท หรือ CAPEX ปีหน้า ที่วางเอาไว้ สูงถึง 1.27 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 20% จากปีนี้ โดยบอกว่าจะนำไปลงทุน ในเซิร์ฟเวอร์ ศูนย์ข้อมูล และ AI เป็นหลัก
นอกจากเรื่องผลประกอบการแล้ว..
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ได้มีการโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นท่าประจำ เพื่ออัปเดตธุรกิจประจำไตรมาส มีเนื้อหาที่น่าสนใจ ลิสต์ไว้เป็นข้อ ๆ ได้แก่
- Reels ยังเติบโตต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ฟีเชอร์ Reels ภาพเริ่มชัดแล้ว สามารถแข่งขันกับวิดีโอสั้นของ TikTok ได้ และล่าสุด เริ่มสร้างรายได้แล้ว และทำได้เร็วกว่าที่บริษัทคาดการณ์เอาไว้
- คนเล่นเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมนานขึ้น
จากระบบการแนะนำของ AI ที่ลงทุนมาต่อเนื่อง ในปีนี้ คนเล่นเฟซบุ๊กนานขึ้น 7% และเล่นอินสตาแกรมนานขึ้น 6%
- แชตธุรกิจ จะสร้างรายได้เป็นรูปเป็นร่าง
ปัจจุบัน มีการพูดคุย เฉลี่ย 600 ล้านข้อความต่อวัน ระหว่างธุรกิจและกลุ่มลูกค้า บนแพลตฟอร์มของบริษัท
ตัวอย่างเช่น 60% ของผู้ใช้งาน WhatsApp ในอินเดีย มีการพูดคุยกับบัญชีธุรกิจ เป็นประจำทุกสัปดาห์
โดยการหารายได้ของ Meta จะมาจาก โฆษณาประเภท Click-to-Message อย่างในอินเดีย เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเทียบกับปีก่อน
- AI จะเป็นการลงทุนหลัก ในปีหน้า
บริษัทจะไปท่าที่หลีกเลี่ยงการกระหน่ำจ้างงานเพิ่ม แต่จะเริ่มจากลดโปรเจกต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ AI และย้ายบุคลากรในองค์กรไปทำงานเกี่ยวกับ AI แทน
- Metaverse ยังทำอยู่
ซักเคอร์เบิร์ก บอกว่า Horizon ยังเติบโตได้ดี และกำลังทดสอบเวอร์ชันบนสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และพีซี โดยมองว่า Metaverse ของบริษัท จะต้องเป็นในรูปแบบ ที่เล่นบนอุปกรณ์อะไรก็ได้
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นบทสรุปผลประกอบการ และอัปเดตสำคัญ ๆ เกี่ยวกับธุรกิจของ Meta
ซึ่งเราคงเห็นได้ชัดว่ารายได้โฆษณาของเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมฟื้นตัวแล้ว แต่บริษัทก็ยังคงต้องลงทุนหนัก เพื่อธุรกิจในอนาคต
และสุดท้าย Metaverse บริษัทจะลงทุนในธุรกิจนี้ต่อไป ซึ่งเราก็ต้องมาตามดูกันว่า มันจะสำเร็จหรือไม่..
รู้หรือไม่ว่า META เป็นหนึ่งในหุ้นในกองทุน MEGA10
โดยกองทุน MEGA10 เป็นกองทุนที่เข้าไปลงทุนในบริษัทที่เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก โดยเน้นแค่ 10 บริษัทเท่านั้น เช่น Meta, Visa, Mastercard, Amazon, Microsoft และ Tesla* ซึ่งเราจะมีส่วนร่วมใน 10 บริษัทนี้แบบเน้น ๆ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส 02-0150215, 02-0150216 จะมีคนคอยช่วยเหลือในการเปิดบัญชี หรือเว็บไซต์ www.talisam.co.th และ https://finno.me/mega-lt22
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงของกองทุนรวม ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนนี้มีการลงทุนในต่างประเทศ มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และมีการลงทุนกระจุกตัวของหลักทรัพย์ หมวดอุตสาหกรรม และประเทศที่ลงทุน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
*บริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามเกณฑ์การลงทุนและภาวะการลงทุน ณ ขณะนั้น
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://s21.q4cdn.com/399680738/files/doc_earnings/2023/q3/presentation/Earnings-Presentation-Q3-2023
-https://s21.q4cdn.com/399680738/files/doc_earnings/2023/q3/earnings-result/Meta-09-30-2022-Exhibit-99-1-FINAL
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.