กรณีศึกษา Uber และ Waymo จากคู่แข่ง สู่พันธมิตรธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับ

กรณีศึกษา Uber และ Waymo จากคู่แข่ง สู่พันธมิตรธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับ

5 พ.ย. 2023
กรณีศึกษา Uber และ Waymo จากคู่แข่ง สู่พันธมิตรธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับ /โดย ลงทุนแมน
“Uber” เป็นแพลตฟอร์มเรียกรถและบริการส่งอาหาร ชื่อดังจากสหรัฐฯ ซึ่งมีการขยายฐานตลาดไปในหลายภูมิภาคทั่วโลก
“Waymo” เป็นธุรกิจรถยนต์โดยสารไร้คนขับ ภายใต้เครือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Alphabet เจ้าของ Google
เมื่อหลายปีก่อน ทั้งสองเคยมีความขัดแย้งทางธุรกิจ จนถึงขั้นเป็นคดีฟ้องร้องต่อศาล
แต่ปัจจุบัน พวกเขากลับมองข้ามอดีต และหันมาจับมือกันแทน
เรื่องราวนี้มีความเป็นมาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นความบาดหมาง ระหว่าง Uber กับ Waymo คงต้องย้อนไปในปี 2016
หลังจาก Uber ประสบความสำเร็จในตลาดแพลตฟอร์มเรียกรถ และบริการส่งอาหาร บริษัทก็วิเคราะห์ว่า เทรนด์ต่อไป ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมคือ
“เทคโนโลยียานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ”
ด้วยเหตุนี้ Uber จึงพยายามทำหลายอย่าง เพื่อพัฒนาบริการรถยนต์ไร้คนขับขึ้นมา โดยหนึ่งในนั้นคือ การซื้อกิจการ Otto บริษัทรถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติ ด้วยเงินมูลค่า 24,000 ล้านบาท
ซึ่งบริษัท Otto ที่ว่านี้ ถูกก่อตั้งขึ้นโดยอดีตพนักงานวิศวกรของ Google ชื่อว่านาย Anthony Levandowski
แต่ปรากฏว่าต่อมา Waymo ได้ยื่นฟ้องร้อง Uber ในข้อกล่าวหาว่านาย Levandowski แอบนำข้อมูลความลับเกี่ยวกับโครงการของ Waymo ออกไปใช้ ซึ่งทำให้ลักษณะอุปกรณ์และเทคโนโลยีของ Otto มีความคล้ายคลึงกับ Waymo มาก
หลังจากไต่สวนไป 2 ปี ทาง Uber ก็ขอเจรจายอมความ โดยจะไม่ใช้ข้อมูลที่เชื่อมโยงกับ Waymo ทั้งหมด รวมไปถึงไล่นาย Levandowski ออก และจ่ายค่าปรับเป็นหุ้น Uber ในสัดส่วน 0.34% คิดเป็นมูลค่าราว 8,800 ล้านบาท
นอกจากนั้น ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน บริการรถยนต์ไร้คนขับของ Uber ก็เกิดอุบัติเหตุ จนมีคนเสียชีวิตด้วย
เรียกได้ว่าตอนนั้น Uber เจอมรสุมในธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับ จนสุดท้ายจึงตัดสินใจขายกิจการส่วนนี้ออกไปในปี 2020 ให้กับ Aurora บริษัทรถยนต์ไร้คนขับ ที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงาน Google เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม Uber ก็ไม่ได้หมดหวังกับธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับเสียทีเดียว เพราะปัจจุบัน ก็ยังไม่มีผู้เล่นรายไหน ก้าวขึ้นมาให้บริการได้อย่างเป็นวงกว้าง
เนื่องจากมีความท้าทายที่ต้องพิสูจน์ความปลอดภัยให้หน่วยงานกำกับยอมรับให้ได้ ประกอบกับใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
แต่คราวนี้ Uber มองว่า ควรจะหาความร่วมมือกับพันธมิตร ที่ช่วยกอบกู้ความน่าเชื่อถือให้กับบริการมากกว่า
ซึ่งพันธมิตรที่ว่า ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือ Waymo นั่นเอง
สาเหตุเพราะ Waymo ทดสอบเทคโนโลยีมาแล้วด้วยระยะทางหลายล้านไมล์ รวมทั้งให้บริการรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบกว่า 180 ตารางไมล์ ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ซึ่งนับเป็นพื้นที่บริการใหญ่สุดในโลก
ทำให้ Uber และ Waymo ได้มีการเจรจาตกลงเป็นพันธมิตร ในปี 2023 เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Uber ได้ประกาศเพิ่มทางเลือกในการเรียกรถยนต์ไร้คนขับของ Waymo บนแพลตฟอร์มของตัวเอง ซึ่งจะเริ่มทดลองในเมืองฟีนิกซ์ ก่อนจะขยายไปในเมืองอื่น ๆ รวมถึงประยุกต์ใช้ในธุรกิจส่งอาหารด้วย
แล้วแต่ละฝ่าย ได้ประโยชน์จากความร่วมมือครั้งนี้อย่างไรบ้าง ?
สำหรับ Uber นั้นมีทรัพยากรที่ใช้กลับสู่วงการรถยนต์ไร้คนขับค่อนข้างจำกัด เพราะผลประกอบการยังไม่ยั่งยืน โดยในปี 2022 บริษัทขาดทุนมากถึง 330,000 ล้านบาท
แต่ถ้าอาศัยเทคโนโลยีของ Waymo ซึ่งมีทุนใหญ่อย่าง Google หนุนหลัง จะทำให้สามารถเพิ่มบริการใหม่บนแพลตฟอร์มได้ทันที โดยไม่ต้องลงทุนเอง
ซึ่งน่าจะช่วยให้ Uber สร้างความคุ้นเคยกับผู้บริโภคได้ก่อนใคร และเพิ่มโอกาสในการครองส่วนแบ่ง เมื่อตลาดรถยนต์ไร้คนขับ เติบโตขึ้นในวันข้างหน้า
ขณะที่ทางฝั่ง Waymo เดิมทีให้บริการอยู่ในเมืองฟีนิกซ์เป็นหลัก และยังขาดทุน โดยในปีที่แล้ว กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ของ Alphabet ซึ่งมี Waymo เป็นส่วนสำคัญ ขาดทุนสูงถึง 216,000 ล้านบาท
ดังนั้น การจับมือกับแพลตฟอร์ม Ride Hailing ที่มีเครือข่ายฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่ น่าจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไร จากการขยายธุรกิจไปสู่เมืองอื่น ๆ รวมทั้งรุกเข้าไปในตลาดส่งอาหารได้ โดยไม่ต้องเริ่มลงทุนตั้งแต่ศูนย์
ซึ่งความจริงแล้ว Waymo เคยจับมือกับ Lyft ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Uber เมื่อปี 2017-2020 แต่พอ Uber ครองตลาดได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน ก็คงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในระยะยาว
นอกจากนั้น Synergy ที่ได้จากการทำงานร่วมกัน คงหนีไม่พ้น ข้อมูลการใช้งานที่จะนำกลับมาพัฒนาความปลอดภัย และประสิทธิภาพของบริการให้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งนับเป็นจุดสำคัญที่จะส่งเสริมให้ Uber และ Waymo ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของอุตสาหกรรม เหนือกว่าผู้เล่นรายอื่น เช่น Cruise ที่มี General Motors หนุนหลัง หรือแม้แต่ Tesla ที่พัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
จากเรื่องราวนี้จะเห็นได้ว่า มันไม่มีอะไรแน่นอนในโลกธุรกิจ
พอสถานการณ์เปลี่ยนไป ย่อมส่งผลให้ตัวเลือกที่สมเหตุสมผล ต่างออกไปจากเดิม
อะไรที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ อาจกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อความอยู่รอด หรือความก้าวหน้าของบริษัท เหมือนอย่างในกรณีของ Uber และ Waymo ที่เคยฟ้องร้องถึงศาล ก็เป็นพันธมิตรกันใหม่ได้
และก็คงไม่มีใครรู้ว่า ในอนาคต หากความร่วมมือครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ จนเค้กที่ชื่อว่า ตลาดรถยนต์ไร้คนขับ มีขนาดใหญ่ขึ้นแล้ว
ทั้งคู่อาจเปลี่ยนความคิด อยากแบ่งเค้กให้ตัวเองมากขึ้น และกลับมาเป็นคู่แข่งกันอีกครั้ง ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.emergingtechbrew.com/stories/2023/06/06/waymo-uber-autonomous-vehicles-phoenix
-https://medium.com/@tiago-mesquita/uber-and-waymo-join-forces-a-landmark-partnership-for-self-driving-cars-in-phoenix-2e86a37d93ea
-https://www.cnbc.com/2023/10/26/uber-begins-offering-rides-in-self-driving-waymo-cars.html
-https://www.reuters.com/business/autos-transportation/uber-partners-with-alphabets-waymo-offer-driverless-rides-2023-05-23/
-https://www.macrotrends.net/stocks/charts/UBER/uber-technologies/net-income
-https://arstechnica.com/gadgets/2023/03/waymo-hit-by-second-round-of-layoffs-has-cut-8-percent-of-staff-this-year/
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.