แสนสิริ สร้างสถิติใหม่ ประกาศกำไรสุทธิ 6,060 ล้านบาท ALL-TIME HIGH เติบโตสูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย

แสนสิริ สร้างสถิติใหม่ ประกาศกำไรสุทธิ 6,060 ล้านบาท ALL-TIME HIGH เติบโตสูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย

แสนสิริ สร้างสถิติใหม่ ประกาศกำไรสุทธิ 6,060 ล้านบาท ALL-TIME HIGH เติบโตสูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย
แสนสิริ x ลงทุนแมน
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เบอร์ต้น ๆ ของประเทศไทย
ด้วยประสบการณ์ยาวนานเกือบ 40 ปี แสนสิริมุ่งเติมเต็มทุกมุมของการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย
โดยเชื่อว่า ชีวิตที่ดีและมีคุณภาพ ไม่ใช่แค่การเลือกอยู่บ้านแบบไหน แต่คือการเลือกใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดใน “บ้าน” ทุกวัน
“บ้าน” ของแสนสิริ จึงตั้งต้นจากความเข้าใจในทุก ๆ แง่มุม ตามแนวคิด You are Made For Life ที่ใส่ใจกับทุกรายละเอียดของชีวิต เพื่อให้ทุกสิ่งที่แสนสิริสร้างเป็นเหมือนบ้านเสมอ
แนวคิดนี้ สะท้อนไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าของแสนสิริ และส่งต่อความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน
- 6,060 ล้านบาท คือกำไรปี 2566 ถือเป็นกำไรสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
เติบโต 42% จากปีก่อน และยังนับว่าเติบโตสูงสุดในอุตสาหกรรมอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย จากความแข็งแกร่งของแบรนด์แสนสิริและการครองใจกลุ่มลูกค้าในฐานะ เบอร์ 1 ผู้นำอสังหาฯ ลักซ์ชัวรี
- ปี 2566 แสนสิริสร้างยอดขาย 49,000 ล้านบาท และมีรายได้รวม 39,082 ล้านบาท ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของแสนสิริ แต่นับเป็นแชมป์อันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
- เดินหน้าปี 2567 เปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท (มูลค่ารวมสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ)
พร้อมโอน 10 โครงการคอนโดมิเนียม มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ปั้นรายได้ในปีนี้ต่อ
- ที่สำคัญในปีนี้ แสนสิริมุ่งเป้าขยายพอร์ตลักซ์ชัวรี และกลับไปรุกหัวเมืองท่องเที่ยว และจังหวัดใหญ่
พร้อมการะรักษาผลประกอบการให้เติบโตสม่ำเสมอ และให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน โดยรักษาระดับสภาพคล่องอยู่ที่ 17,000 ล้านบาท
เรื่องทั้งหมดนี้ น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงินของแสนสิริ เผยว่า
ปี 2566 แสนสิริสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยมีกำไรสุทธิ 6,060 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 15.5% ทุบสถิติใหม่ และเพิ่มขึ้น 42% ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเติบโตด้านกำไรสุทธิสูงที่สุด ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้
ส่วนด้านยอดขายรวมอยู่ที่ 49,000 ล้านบาท และรายได้รวมก็ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน โดยอยู่ที่ 39,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า
มีสาเหตุมาจาก การเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาดอสังหาฯ ในระดับลักซ์ชัวรี และมียอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา, เศรษฐสิริ ดอนเมือง, นาราสิริ พหล-วัชรพล, บูก้าน กรุงเทพกรีฑา และบุราสิริ วัชรพล
มาในส่วนของคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ หรือ Ready to Move ที่สามารถขายและรับรู้รายได้ได้ทันที ก็มีรายได้จากโครงการเอ็กซ์ที พญาไท, เอ็กซ์ที ห้วยขวาง, ดีคอนโด พนา, โอกะ เฮ้าส์, เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา, เดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ และเดอะ มูฟ บางนา
ต้องบอกว่า สิ่งที่สำคัญและปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดแบบนี้ มาจากแบรนด์แสนสิริเอง ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้ามาโดยตลอด
โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรี ด้วยคุณภาพและบริการจากแสนสิริที่เหนือกว่า
ผ่านประสบการณ์จริงของลูกค้า ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในมาตรฐานสินค้าและบริการ จนส่งผลให้แสนสิริเป็นเบอร์หนึ่งผู้นำอสังหาฯ ลักซ์ชัวรีจนถึงปัจจุบัน
รวมถึงการควบคุมวินัยทางการเงินของบริษัทได้เป็นอย่างดี การบริหารงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพให้กับลูกค้า
ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้แสนสิริมีประสิทธิภาพในการทำกำไร และสร้างรายได้ให้มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้น
นอกจากนี้เอง ยังมีการเผยถึงแผนธุรกิจ ปี 2567 ไว้ว่า แสนสิริมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

โดยเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท (มูลค่าสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ) ตั้งเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดโอน 43,000 ล้านบาท
ภายใต้กลยุทธ์สำคัญขับเคลื่อนองค์กร ควบคู่กับความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ประกอบด้วย
การรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ
โดยให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน พร้อมระดับสภาพคล่องที่ 17,000 ล้านบาท
ซึ่งภายในปีนี้ได้เตรียมโอน 10 คอนโดมิเนียม มูลค่า 14,000 ล้านบาท
คือ เดอะ เบส ดาวน์ทาวน์ ขอนแก่น, เดอะ เบส ไฮท์ - เชียงใหม่, เดอะไลน์ ไวบ์, ดีคอนโด แซนด์ หาดใหญ่, ดีคอนโด เวล ศรีราชา, ดีคอนโด รีฟ ภูเก็ต, เวย์ อยุธยา, ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต, ดีคอนโด แอร์ ลาดกระบัง และดีคอนโด ชายน์ รังสิต
รวมถึงการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ให้กระจายไปในหลากหลายทำเล
เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขันที่มากกว่า
ผ่านการควบคุมระดับสินค้าเพื่อการขายในแต่ละระดับราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
นอกจากนี้ แสนสิริยังวางแผนยกระดับคุณภาพของสินค้า บริการ และความยั่งยืน เพื่อครองอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง อีกด้วย
สุดท้าย แสนสิริยังมุ่งสร้างผลตอบแทนสูงสุดกับผู้ถือหุ้น จากผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง
เพื่อให้นักลงทุนได้รับเงินปันผลที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งเตรียมประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปีหุ้นละ 0.20 บาท

โดยมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเมื่อเดือนกันยายน ปี 2566 ไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท
และเตรียมจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในเดือนพฤษภาคมนี้ ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท
คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ปี 2566 อยู่ที่ 10.8% เลยทีเดียว..
Reference
-เอกสารประชาสัมพันธ์ แสนสิริ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon