ส่องผลประกอบการ SCGP ไตรมาส 1 ยอดขายกว่า 33,000 ล้าน กำไรพุ่ง 41% มุ่งหน้าเป็นผู้นำบรรจุภัณฑ์อาเซียน

ส่องผลประกอบการ SCGP ไตรมาส 1 ยอดขายกว่า 33,000 ล้าน กำไรพุ่ง 41% มุ่งหน้าเป็นผู้นำบรรจุภัณฑ์อาเซียน

2 พ.ค. 2024
ลงทุนแมน x SCGP
บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2567 ด้วยรายได้ 33,948 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1% ขณะที่ยอดกำไรสำหรับงวดไตรมาสนี้ เติบโตถึง 41% จากปีก่อน โดยมียอดรวมอยู่ที่ 1,725 ล้านบาท สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพ
การเติบโตนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยบวกต่าง ๆ เช่น
• การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน
• จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และการเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาลสงกรานต์และฮารีรายอ
• การส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น
• การฟื้นตัวของกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าจากนโยบาย Easy E-receipt ของรัฐบาล
• ความต้องการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่เติบโตในทุกภูมิภาค
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SCGP ระบุว่า ผลการดำเนินงานของ SCGP ของไทยและเวียดนาม เติบโตเกินกว่าที่คาดไว้ทั้งในแง่ของยอดขายและกำไร
และหากพิจารณาเป็นรายธุรกิจ รายได้หลัก ๆ ในไตรมาสนี้ มาจากธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ในสัดส่วนสูงถึง 39% รองลงมาเป็นธุรกิจบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ (24%) และธุรกิจเยื่อและกระดาษ (19%) ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์ (12%) และธุรกิจรีไซเคิล (6%)
นอกจากนี้ เป็นที่น่าสนใจเมื่อในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา SCGP ได้ขยายกำลังการผลิตของบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก โดยเพิ่มกำลังการผลิตได้สูงถึง 75,000 ตันต่อปี ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เช่น ระบบหุ่นยนต์ (Robotic) และระบบการทำงานอัตโนมัติ (Automation) ในโรงงานใหม่ในจังหวัดสมุทรปราการและสมุทรสาคร
โดยโรงงานใหม่นี้ อยู่ใกล้กับแหล่งผลิตสินค้าแช่แข็งสำหรับส่งออก จึงยิ่งช่วยเสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ในปี 2567 นี้ SCGP ยังมุ่งจะเติบโตอย่างมีคุณภาพ ผ่านการควบรวมกิจการและการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (M&P) กับธุรกิจที่มีศักยภาพ เช่น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์กระดาษ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยมีงบลงทุนมากถึง 10,000 ล้านบาท
พร้อมยังมุ่งหวังเสริมความเป็นผู้นำในอาเซียน ด้านนวัตกรรมและโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้า ภายใต้กรอบแนวคิด ESG
โดยโครงการหนึ่งภายใต้กรอบแนวคิดนี้ที่น่าสนใจและกำลังวิจัยและพัฒนาอยู่ คือนวัตกรรมพลาสติก PEF (Polyethylene Furanoate) จากชิ้นไม้ยูคาลิปตัสสับ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รีไซเคิลได้ 100% และยังสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ในการผลิตน้อยกว่าพลาสติก PET (Polyethylene Terephthalate) ด้วย
นอกจากนั้น SCGP ยังแพลนขยายผลการใช้ Machine Learning และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อลดต้นทุนการผลิต ในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย
ส่วนในไตรมาส 2 ทาง SCGP คาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยหนุนต่าง ๆ อย่างความต้องการบรรจุภัณฑ์สินค้าที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการบริการ และการเติบโตของธุรกิจในเวียดนาม
ล่าสุด SCGP ยังได้รับการประเมินการดำเนินงานด้าน ESG รวม 85 คะแนนจาก S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA) จากความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืน
ยิ่งกว่านั้น บริษัทยังได้รับรางวัล Best Green Loan สาขา Sustainable Finance จาก The Asset นิตยสารทางการเงินชั้นนำของเอเชีย จากการสนับสนุน Green Loan โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เพื่อลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด ESG
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ บ่งบอกได้ว่า SCGP เป็นบริษัทผู้นำทางด้านบรรจุภัณฑ์ของไทยที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันอยู่ตลอด เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการดำเนินงานที่คิดและทำเพื่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
Reference
-งานแถลงผลประกอบการ Q1, 67
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.