จุดอ่อน ของการชี้วัดเศรษฐกิจ ด้วย GDP

จุดอ่อน ของการชี้วัดเศรษฐกิจ ด้วย GDP

จุดอ่อน ของการชี้วัดเศรษฐกิจ ด้วย GDP /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ คำแรก ๆ ที่เราจะได้ยินอยู่เป็นประจำ คงหนีไม่พ้น คำว่า “GDP”
GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product
ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ”
คือ มูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย ที่ผลิตในประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ
แม้ GDP จะถือเป็นตัวชี้วัดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการวัดขนาด และการเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า วิธีวัดแบบนี้จะดี จนไม่มีจุดอ่อนเลย
แล้วจุดอ่อนของการชี้วัดเศรษฐกิจ ด้วย GDP คืออะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
แนวคิดเรื่อง GDP ถูกนำมาพัฒนาอย่างจริงจัง ในปี 1934 โดย Simon Kuznets นักเศรษฐศาสตร์ชาวรัสเซีย ผู้อพยพไปยังสหรัฐอเมริกา
โดยหลักการคำนวณ GDP จะนับมูลค่าขั้นสุดท้ายของสินค้าหรือบริการ ที่เกิดขึ้นภายในประเทศทั้งหมด
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างด้าวที่มาทำงานในประเทศ ผลผลิตหรือรายได้ที่คนเหล่านั้นผลิตได้ จะถูกนำไปคำนวณใน GDP ด้วย
จริง ๆ แล้ว GDP สามารถวัดได้จากทั้งด้านรายได้ และด้านของรายจ่าย
แต่เนื่องด้วยการวัดทางด้านรายจ่าย เป็นวิธีที่เป็นพื้นฐาน และทำได้ง่ายกว่า
ประเทศทั่วโลก จึงนิยมคำนวณ GDP จากมิติด้านรายจ่าย
โดยรายจ่ายในด้านต่าง ๆ ที่มารวมเป็น GDP สามารถเขียนเป็นสมการได้คือ
GDP = C + I + G + (X - M)
C = Consumption
คือ รายจ่ายเพื่อการบริโภค หรือการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน เช่น การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค, อาหาร, เสื้อผ้า, รถยนต์ และบริการต่าง ๆ
I = Investment
คือ รายจ่ายเพื่อการลงทุน เช่น การลงทุนของบริษัทต่าง ๆ ในประเทศ ทั้งการสร้างโรงงาน, ซื้อเครื่องจักร, ลงทุน Data Center เป็นต้น
G = Government Spending
คือ รายจ่ายของรัฐบาล เช่น การลงทุนในโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ, การจ่ายเงินเดือนข้าราชการ
X - M = Exports - Imports หรือ การส่งออกสุทธิ
คือ มูลค่าการส่งออกของประเทศ หักด้วย มูลค่าการนำเข้าของประเทศ
โดยถ้าหากตัวเลข GDP ที่คำนวณออกมา
ของไตรมาสนั้นหรือปีนั้น สูงกว่าช่วงเวลาก่อนหน้าที่นำมาเปรียบเทียบ
ก็จะถือว่า เศรษฐกิจเกิดการ “ขยายตัว”
แต่ถ้าหากน้อยกว่า ช่วงเวลาก่อนหน้าที่นำมาเปรียบเทียบ
ก็จะถือว่า เศรษฐกิจเกิดการ “หดตัว” นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้การใช้ GDP วัดขนาดเศรษฐกิจ หรือการเติบโตทางเศรษฐกิจ จะเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การวัดแบบนี้ จะ Perfect ในทุกด้าน
แล้วอะไร ที่เป็นจุดอ่อนของการวัดเศรษฐกิจ ด้วย GDP ?
1. GDP ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม
หรือไม่สะท้อนความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
GDP เป็นการรวมรายได้ของทุกคนในประเทศ โดยไม่ได้สนใจว่า ใครมีรายได้มากน้อยแค่ไหน รายได้กระจายตัวอย่างไร
ซึ่งตัวเลข GDP ที่สูง ก็อาจเกิดจากการเติบโตของกลุ่มคนรวยเพียงไม่กี่คน ขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคงมีรายได้ต่ำ
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ
กรณีของประเทศไทย ที่มีมูลค่า GDP ประมาณ 17.9 ล้านล้านบาท ในปี 2023
ซึ่งมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่ง จาก 17.9 ล้านล้านบาทนั้น กระจุกตัวอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
และถ้ายิ่งเจาะไปที่ 10 ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย จะมีทรัพย์สินรวมกันกว่า 3.7 ล้านล้านบาท
ซึ่งถ้าเทียบกับมูลค่า GDP ก็จะคิดเป็นประมาณ 1 ใน 5 ของมูลค่า GDP ทั้งประเทศไทย เลยทีเดียว
2. GDP ไม่ได้คำนึงถึงเรื่อง คุณภาพของสภาพแวดล้อมและทรัพยากรที่เสื่อมโทรม
GDP มองการผลิตเป็นผลบวกทั้งหมด แต่ไม่ได้หักล้าง ต้นทุนทางสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางอากาศ น้ำเสีย หรือการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
โดยประเทศที่เน้นการขยายตัวของ GDP อาจต้องแลกมาด้วย ปัญหาสภาพแวดล้อม ซึ่งสุดท้ายก็กระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชากรโดยตรง
ตัวอย่างเช่น จีน และอินเดีย
2 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 และ 5 ของโลก
โดยจีนมีมูลค่า GDP กว่า 625 ล้านล้านบาท ขณะที่อินเดียมีมูลค่า GDP กว่า 131 ล้านล้านบาท
ในปี 2024 จีนมี GDP เติบโต 5%
ขณะที่อินเดียมี GDP เติบโตปีละ 6.4%
แต่รู้ไหมว่า ทั้งจีนและอินเดีย คือประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 และ 3 ของโลก
ปริมาณที่เพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เพียงแค่ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้น แต่ยังกระทบต่อระบบนิเวศ ผลผลิตทางการเกษตร และสุขภาพของประชากรในประเทศอีกด้วย
3. GDP ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องความสุขทางจิตใจ ของคนในประเทศ
กรณีศึกษาของประเด็นนี้ คือ ประเทศญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีมูลค่า GDP กว่า 138 ล้านล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
รายได้เฉลี่ยของคนญี่ปุ่น อยู่ที่คนละประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อปี ทำให้ญี่ปุ่นถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ประชากรมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ
แต่ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงมากเป็นอันดับต้น ๆ ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และปัญหาดังกล่าวก็ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน
โดยอัตราการฆ่าตัวตายของญี่ปุ่น อยู่ที่ 15.3 คนต่อประชากร 100,000 คน
และอีกปัญหาทางสังคมของญี่ปุ่นอย่าง “ฮิคิโคโมริ ซินโดรม” หรือโรคกลัวการเข้าสังคม ซึ่งอาจเกิดมาจากการถูกกลั่นแกล้ง หรือแรงกดดันต่าง ๆ ทางสังคม ซึ่งมีการประเมินกันว่า มีคนญี่ปุ่นกว่า 2 ล้านคน ที่กำลังเผชิญกับโรคนี้
4. GDP ไม่ได้คำนึงถึงเศรษฐกิจนอกระบบ และไม่ได้วัดมูลค่าของการทำงานที่ไม่มีค่าตอบแทน
เศรษฐกิจนอกระบบ คือกิจกรรมทางเศรษฐกิจใด ๆ ที่ไม่ได้รายงานต่อภาครัฐ และไม่ได้ถูกคำนวณเป็น GDP ของประเทศ เช่น แรงงานนอกระบบ การค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ
ในบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา เศรษฐกิจนอกระบบมีขนาดใหญ่มาก และ GDP อาจไม่สะท้อนศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
อีกทั้งเศรษฐกิจนอกระบบ ยังเชื่อมโยงไปยังการเก็บภาษีของรัฐ ที่ทำได้น้อย และปัญหาสวัสดิภาพแรงงาน รวมถึงหนี้ครัวเรือน และหนี้นอกระบบ
ซึ่งมูลค่าเศรษฐกิจนอกระบบในประเทศไทย มีการประเมินกันว่าอยู่ที่ราว ๆ 8.7 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นถึง 48.6% เมื่อเทียบกับ GDP ทั้งประเทศ มากเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย
นอกจากนี้ งานที่ไม่มีค่าตอบแทน เช่น งานบ้าน การดูแลครอบครัว การดูแลผู้สูงอายุ หรือการทำงานอาสาสมัคร ก็ไม่ถูกนับใน GDP แต่กิจกรรมเหล่านี้มีผลต่อเศรษฐกิจและสังคม
จากเรื่องทั้งหมดนี้
เราจะเห็นได้ว่า ถึงแม้ GDP ยังเป็นตัวชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และฐานะความเป็นอยู่ของประชากรแต่ละประเทศได้ดีกว่าตัวชี้วัดอีกหลายตัว
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า GDP มันก็มี “จุดอ่อน” ในการนำมาใช้งานเช่นกัน
การนำ GDP มาใช้เป็นเกณฑ์เพื่อพัฒนาประเทศเพียงมิติเดียว
มันก็อาจจะมีมุมมองด้านอื่น ที่เราอาจลืมนึกถึงไป
ถ้าให้เปรียบประเทศ เป็นครอบครัวก็คงเปรียบได้กับ
การใช้ตัววัดคือ “รายได้ของครอบครัว”
ถึงครอบครัวของเราจะมีรายได้มาก แต่มันไม่ได้บอกว่า การกระจายของรายได้ให้แต่ละคนในครอบครัวเป็นอย่างไร
รายได้ของครอบครัวมาก ไม่ได้แปลว่า สมาชิกทุกคนในครอบครัว ได้ทานอาหารมีประโยชน์ ได้ออกกำลังกาย มีสุขภาพจิตที่ดี และได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้า
สุดท้าย รายได้ของครอบครัวที่มาก แม้จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน
แต่ก็ไม่ได้การันตีว่า ทุกคนในครอบครัว จะมีความสุขในระยะยาว มากตามไปด้วย..
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon