บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568
- รายได้รวม 252,881 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8%
- กำไรสุทธิ 7,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.0%

การเติบโตมาจาก รายได้จากการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อ, ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและศูนย์การค้า และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ

ซึ่งได้อานิสงส์จาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปี เช่น มาตรการ Easy E-Receipt และมาตรการเงินโอนเฟส 2 รวมถึงการท่องเที่ยวในไตรมาสนี้ ที่ยังคงดีต่อเนื่อง

พร้อมกับกลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจ ที่ยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้รวม (ก่อนหักรายการระหว่างกัน) แบ่งตามธุรกิจหลัก
- 52% เป็นรายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (7-Eleven) และธุรกิจอื่น ๆ
- 48% เป็นรายได้จากธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค และศูนย์การค้า (makro และ Lotus's)

สำหรับกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (7-Eleven)

มีรายได้จากการขายและบริการ 113,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7%
มีรายได้จากการให้ค่าเช่าพื้นที่ บริการ และอื่น ๆ 6,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +6.7%

โดยธุรกิจร้านสะดวกซื้อของบริษัท ในไตรมาสนี้มี
- ยอดขายเฉลี่ยต่อร้าน อยู่ที่ 84,663 บาทต่อวัน
- ยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิม เพิ่มขึ้น 3.0%
- ยอดซื้อต่อบิล เฉลี่ยอยู่ที่ 88 บาท
- จำนวนลูกค้าต่อสาขา เฉลี่ยอยู่ที่ 963 คนต่อวัน

และการขายสินค้าผ่านกลยุทธ์ O2O เช่น ช่องทาง 7Delivery และ All Online มีสัดส่วนอยู่ที่ 11% ของรายได้จากการขายสินค้ารวม

ซึ่งไตรมาสนี้ 7-Eleven เปิดสาขาใหม่ 185 สาขา ทำให้ปัจจุบันมีทั้งหมด 15,430 สาขาทั่วประเทศ

อีกทั้งบริษัท ยังดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา รวมทั้งสิ้น 116 สาขา และมีสาขาในสปป.ลาว 15 สาขา

สำหรับแผนปี 2568 บริษัทมีเป้าหมายขยายสาขาร้าน 7-Eleven อีก 700 สาขาในไทย
รวมถึงการเปิดร้านใหม่ในกัมพูชา และสปป.ลาว ด้วย

โดยประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ ในระดับที่ใกล้เคียงกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ซึ่งการเติบโตส่วนใหญ่ มาจากอัตราการเติบโตของยอดขายจากร้านสาขาใหม่, อัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยจากร้านเดิม และยอดขายจากช่องทางอื่น ๆ เช่น 7Delivery และ All Online

ที่มา : https://weblink.set.or.th/dat/news/202505/0737NWS130520251721040621T.pdf