เหตุผลที่ NVIDIA มีรายได้ กำไร โตสองหลัก ?

เหตุผลที่ NVIDIA มีรายได้ กำไร โตสองหลัก ?

เหตุผลที่ NVIDIA มีรายได้ กำไร โตสองหลัก ?
- บทวิเคราะห์ Cafe Invest จาก บล. InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX เครือเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์ x ลงทุนแมน
ปี 2025 หลายคนคงเริ่มเห็นชัดเจนว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์ กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อย ๆ แถมก้าวหน้าไปไกลเกินกว่าที่หลายคนจินตนาการ
- Google เปิดตัว Google AI Ultra บริการ AI ระดับพรีเมียม ที่มีค่าบริการรายเดือนสูงถึง 9,400 บาท
- ขณะที่ Microsoft ประกาศลงทุนกว่า 2.6 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างธุรกิจ Data Center รองรับการเติบโตของ AI โดยเฉพาะ
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า “เมกะเทรนด์ AI” กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลครั้งใหญ่ทั่วโลก
แต่รู้หรือไม่ว่า ? เบื้องหลังการทำงานของ AI แทบทั้งหมด ล้วนต้องอาศัย “ชิปประมวลผลสมรรถนะสูง”
ซึ่งหนึ่งในบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในตลาดนี้ก็คือ NVIDIA
ล่าสุด NVIDIA รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2026 (ช่วงเดือน ก.พ. - เม.ย. 2025)
โดยตัวเลขออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตเป็นเลขสองหลัก
นอกจากนี้ Jensen Huang CEO ของ NVIDIA ยังกล่าวว่า “ความต้องการโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ NVIDIA จากทั่วโลกยังคงแข็งแกร่งมาก ปริมาณการประมวลผลแบบ AI Inference ที่ใช้สร้างคำตอบ เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าในเวลาเพียงปีเดียว
เมื่อ AI Agent กลายเป็นกระแสหลัก ความต้องการพลังประมวลผล AI ก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นอีกหลายเท่า
วันนี้ หลายประเทศทั่วโลกต่างมองว่า AI คือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ไม่ต่างจากไฟฟ้าหรืออินเทอร์เน็ต และ NVIDIA ก็กำลังอยู่ ณ ศูนย์กลางของการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่นี้”
[ทีนี้เรามาดูในมุมของผู้เชี่ยวชาญกันบ้าง
เรามาดูกันว่า @InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX
มีมุมมองอย่างไรต่อบริษัท NVIDIA Q1/2026 (ก.พ. - เม.ย. 2025)]
NVIDIA ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากกระแส AI ที่ขยายตัวทั่วโลก
แรงหนุนหลักมาจากความต้องการชิปสำหรับ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านผลประกอบการและการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
1. ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด โตดีทุกมิติ
รายได้เติบโต 69% จากปีก่อนหน้า (YoY) ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 26% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 42.6%
โดยเฉพาะรายได้จากกลุ่ม Data Center ที่ยังเติบโตโดดเด่น สะท้อนความต้องการใช้ชิป AI ที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง
2. แรงสนับสนุนจากการลงทุนภาครัฐและเอกชนทั่วโลก
ทั้งโครงการขนาดใหญ่ เช่น Stargate Project ในตะวันออกกลาง และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับสตาร์ตอัปยุโรปเพื่อพัฒนา AI Cloud
รวมถึงการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่จากบริษัทใหญ่อย่าง Google ต่างล้วนใช้ชิปของ NVIDIA เป็นแกนกลางในการประมวลผล
3. ความพร้อมสำหรับอนาคตของ Quantum Computing
Jensen Huang มองว่าในอนาคต Supercomputer จะรวมพลังของ QPU (Quantum Processing Unit) เข้ากับ GPU ของ NVIDIA
ซึ่งบริษัทเริ่มเห็นการใช้งานจริงของเทคโนโลยีควอนตัมแล้วในบางเคส และคาดว่าจะเติบโตในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
ในระยะสั้น เรามองว่าราคาหุ้นยังมี Upside จากแรงหนุนทั้งแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น
โดยเฉพาะจาก AI ที่ความต้องการดูดีในทุกภาคส่วน ประกอบกับตำแหน่งธุรกิจที่มีความสำคัญในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ทั่วโลก
ทาง InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น NVIDIA พร้อมแนะนำ “ซื้อ”
โดยราคาล่าสุดหุ้นของ NVDA หรือ NVIDIA Corp. อยู่ที่ 135.5 ดอลลาร์สหรัฐ (อ้างอิงจากราคาปิด ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2025)
ขณะที่ Bloomberg ประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 161.6 ดอลลาร์สหรัฐ
คิดเป็น Upside จากระดับปัจจุบันประมาณ 19.3%
ก่อนอื่น ลองมาดูโครงสร้างรายได้ของ NVIDIA ในปี 2025 กันก่อน
- กลุ่ม Data Center คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 89% ของรายได้รวม
ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท โดยมาจากการจำหน่ายชิปสำหรับงานประมวลผลขั้นสูง
เช่น AI, Big Data, การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ และระบบ Cloud
ที่น่าสนใจคือ รายได้เกือบ 50% ของกลุ่มนี้มาจากบริษัทระดับโลก (Hyperscalers) อย่าง Amazon, Google และ Microsoft ซึ่งยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI อย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญคือ การเดินสายการผลิตเต็มรูปแบบของ Blackwell NVL72 ชิป AI Supercomputer รุ่นล่าสุดของ NVIDIA ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับงานประมวลผลระดับสูงโดยเฉพาะ
โดยรายได้จากกลุ่มนี้ อยู่ที่ 1.28 ล้านล้านบาท เติบโต 73%
- กลุ่ม Gaming คิดเป็น 9% ของรายได้รวม
รายได้ส่วนนี้มาจากการจำหน่ายชิป GPU สำหรับเกมบน PC ซึ่งเน้นกราฟิกคุณภาพสูงและการตอบสนองที่รวดเร็ว โดยในไตรมาสนี้นับเป็นยอดขายสูงสุดในประวัติการณ์ของกลุ่ม
นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากกระแสการนำ GPU ไปใช้งานด้าน AI รวมถึงการเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ในตระกูล GeForce RTX 5070 และ 5060 และข่าวการใช้ชิป NVIDIA ในเครื่อง Nintendo Switch 2
โดยรายได้จากกลุ่มนี้ อยู่ที่ 124,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42%
- กลุ่ม Professional Visualization คิดเป็น 1% ของรายได้รวม
เน้นการใช้งานในภาคการออกแบบวิศวกรรม และภาพเสมือนจริง เช่น Ray Tracing แบบเรียลไทม์
โดยการเติบโตในกลุ่มนี้มาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่าง DGX Spark และ DGX Station ที่รองรับงาน AI โดยตรง
อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำอย่าง Accenture, SAP และ Siemens ในการผลักดัน NVIDIA Omniverse เข้าไปใช้ในระดับองค์กร
โดยรายได้จากกลุ่มนี้ อยู่ที่ 16,700 ล้านบาท เติบโต 19%
- กลุ่ม Automotive และ OEM & IP คิดเป็น 1% ของรายได้รวม
ประกอบด้วยรายได้จากชิปสำหรับยานยนต์อัจฉริยะ เช่น ระบบ ADAS และรถไร้คนขับ รวมถึงรายได้จากการขายสิทธิใช้งานทรัพย์สินทางปัญญา
ล่าสุด NVIDIA ได้ร่วมมือกับ GM ในการพัฒนาโรงงานอัจฉริยะและหุ่นยนต์ในสายการผลิต
โดยรายได้จากกลุ่มนี้ อยู่ที่ 18,600 ล้านบาท เติบโต 72% จากยอดขายชิปและซอฟต์แวร์สำหรับรถไร้คนขับ
อย่างไรก็ดี แม้รายได้ของ NVIDIA จะยังเติบโตอย่างโดดเด่น แต่บริษัทยังคงเผชิญแรงกดดันจากข้อจำกัดด้านการส่งออก
โดยเฉพาะการแบนชิป H20 ไปยังจีน ภายใต้นโยบายของ Donald Trump 2.0 ซึ่งส่งผลต่อโอกาสทางการค้าในตลาดเอเชีย
ขณะเดียวกัน แม้กลุ่ม Data Center จะยังเป็นแหล่งรายได้หลัก แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนการแข่งขันและภาวะอิ่มตัวบางส่วนของตลาดระดับสูง
แต่อย่าลืมว่า NVIDIA ยังคงมีจุดแข็งหลายด้าน ที่ช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น
- ความได้เปรียบในฐานะผู้เล่นรายแรก (First Mover) ในตลาด พร้อมถือครองสิทธิบัตรด้านการออกแบบจำนวนมาก
- การลงทุนใน R&D อย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องสูง รองรับทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่และการควบรวมกิจการ (M&A)
- โครงสร้างรายได้ที่หลากหลาย ครอบคลุมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น AI, Cloud Computing และยานยนต์อัจฉริยะ
สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้น NVIDIA หรือหุ้นต่างประเทศตัวอื่น ๆ สามารถศึกษาได้ที่ Cafe Invest แหล่งความรู้เพื่อทุกเรื่องต้องรู้เพื่อการลงทุน ผ่านลิงก์นี้
หรือใครสนใจลงทุนหุ้น NVIDIA เปิดบัญชีง่าย ๆ และลงทุนผ่าน InnovestX ได้เลย
https://innovestx.onelink.me/23if/delkkx2l

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon