รู้จัก ชายที่แค้น คนขาย Coca-Cola จนออกมาผลิตน้ำอัดลม ของตัวเอง

รู้จัก ชายที่แค้น คนขาย Coca-Cola จนออกมาผลิตน้ำอัดลม ของตัวเอง

รู้จัก ชายที่แค้น คนขาย Coca-Cola จนออกมาผลิตน้ำอัดลม ของตัวเอง /โดย ลงทุนแมน
เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรจากสงครามส่งด่วน ซีรีส์ดังจาก Netflix
ที่สันติแค้นเจ้าสัวคณิน เลยออกมาก่อตั้งบริษัทของตัวเอง
ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับไรเดอร์ พัสดุหรือรถขนส่ง ธุรกิจโลจิสติกส์ แต่มีจุดเริ่มต้นจากความแค้นเหมือนกัน
โดยเป็นเรื่องราวของชายชาวอเมริกันคนหนึ่ง ที่แค้นบริษัทน้ำอัดลมเจ้าใหญ่ จนออกมาผลิตน้ำอัดลมแข่งแทน
เรื่องราวที่เกิดขึ้น ดุเดือดมากแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในปี 1901 หรือราว 124 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 ของไทย ร้านขายของชำเล็ก ๆ ในเมืองโคลัมบัส รัฐจอร์เจีย ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
ร้านเล็ก ๆ แห่งนี้ เป็นกิจการครอบครัว Hatcher ซึ่งซื้อธุรกิจต่อมาจากคนอื่น แล้วเปลี่ยนชื่อร้านเป็น Hatcher Grocery Store
แต่ในยุคนั้น การขายแค่ของชำทั่วไปไม่ได้มีกำไรเยอะมาก ร้านขายของชำหลายแห่ง จึงพยายามเพิ่มกำไรของตัวเอง ด้วยการขายน้ำอัดลมในร้านเพิ่มไปด้วย
ครอบครัว Hatcher ก็ทำเหมือนร้านขายของชำอื่น ๆ
เช่นกัน ด้วยการซื้อหัวเชื้อน้ำอัดลม Coca-Cola มาจำหน่ายเป็นเครื่องดื่มในร้านอย่างต่อเนื่อง
เวลาผ่านไป Claud A. Hatcher หนึ่งในสมาชิกครอบครัว Hatcher เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่แฟร์ เพราะร้านของเขาซื้อหัวเชื้อจำนวนมาก แต่ไม่ได้ราคาส่วนลดบ้างเลย
เขาจึงติดต่อไปที่ Columbus Roberts เซลส์หัวเชื้อ
น้ำอัดลมของ Coca-Cola ในพื้นที่
“เราสั่งหัวเชื้อน้ำอัดลมจาก Coca-Cola ตั้งเยอะ ขอส่วนลดในราคาพิเศษได้ไหม”
นี่คือคำพูดของชายเจ้าของร้านขายของชำคนหนึ่ง ที่อยากขอส่วนลดค่าหัวเชื้อกับเซลส์ Coca-Cola เพราะสั่งซื้อแต่ละครั้งเยอะมาก
แต่แทนที่เซลส์จะตอบว่าได้ เขากลับตอบปฏิเสธแทน
ทำให้ Claud A. Hatcher โกรธมาก และตอบกลับไปอย่างโมโหว่า จะผลิตน้ำอัดลมของตัวเองแทน
อ่านถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดว่า เขาบ้าไปแล้ว
น้ำอัดลมไม่ได้เป็นสินค้าที่ทำได้ง่าย ๆ แถมยังต้องแข่งกับบริษัทน้ำอัดลมเจ้าใหญ่อีกด้วย
แต่เขาไม่ได้เป็นแค่เจ้าของร้านขายของชำทั่วไป เพราะ
อีกด้านหนึ่ง เขาคือเภสัชกรที่เคยเปิดร้านขายยา ก่อน
จะมาช่วยกิจการร้านขายของชำที่พ่อเคยทำมานาน
ทำให้จริง ๆ แล้ว เขามีความรู้เรื่องการผสมสารต่าง ๆ
อยู่แล้ว เขาจึงมั่นใจมากว่า จะสามารถผลิตน้ำอัดลมในสูตรของร้านตัวเองได้ไม่ยาก
เขาใช้ห้องใต้ดินของร้านขายของชำ เป็นสถานที่วิจัยและทดลองน้ำอัดลมของตัวเอง จนในปี 1907 ก็คิดค้นแบรนด์น้ำอัดลมที่ชื่อว่า Chero-Cola ได้สำเร็จ
เมื่อลูกค้าในร้านได้ทดลองชิมน้ำอัดลม จนขายดีมาก
ทำให้เขารู้แล้วว่า นี่เป็นโอกาสธุรกิจครั้งใหญ่ ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การขายในร้านขายของชำของเขาเท่านั้น
ในปี 1912 เขาจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทน้ำอัดลมของ
ตัวเอง โดยใช้โมเดลการขายหัวเชื้อให้โรงงานบรรจุขวดต่าง ๆ นำไปขายต่อได้
ซึ่งภายในเวลาแค่ 8 ปี บริษัทน้ำอัดลมของเขา สามารถขายแฟรนไชส์ให้โรงงานบรรจุขวดต่าง ๆ ได้มากถึง 700 แห่ง จนทำให้ Coca-Cola เริ่มไม่พอใจ
Coca-Cola ตัดสินใจฟ้องศาลว่า Chero-Cola ไม่สามารถใช้คำว่า Cola ต่อท้ายได้ เพราะสิทธิ์ในการ
ใช้คำนั้น เป็นของ Coca-Cola แค่เพียงคนเดียว
แม้ยังไม่มีผลแพ้ชนะ แต่จำนวนเงินมหาศาลที่ต้องใช้ในการสู้คดีนี้ ทำให้เขาตัดสินใจตัดคำว่า Cola ทิ้งไป เพื่อไม่ให้บริษัทต้องหมดเงินไปกับเรื่องนี้มากเกินไป
แต่พอตัดคำว่า Cola ทิ้งไป ก็ทำให้ลูกค้าน้ำอัดลมของบริษัทหายไปด้วย จนรายได้บริษัทดิ่งลงเหว
ดังนั้น เขาจึงหันมาผลิตเครื่องดื่มรสผลไม้ Nehi วางขายในตลาดเพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป แต่กลายเป็นว่า ยอดขายไม่ได้เพิ่มขึ้น แถมยังทำให้บริษัทเป็นหนี้มหาศาล
ยังไม่ทันที่เขาจะได้แก้ปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้น
ในปี 1933 เขาก็ได้เสียชีวิตลง ทำให้ H.R. Mott รองประธานของบริษัทต้องเข้ามาแก้ปัญหานี้แทน
H.R. Mott ตัดสินใจยุบแบรนด์ Nehi ทิ้ง และหันไปพัฒนาสูตรน้ำอัดลม Chero เดิมให้แปลกใหม่มากขึ้น พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Royal Crown Cola
ถ้ายังจำกันได้ว่า Coca-Cola เคยยื่นฟ้องศาลว่าสิทธิ์การใช้คำว่า Cola เป็นของบริษัทแค่คนเดียว แต่ตอนนี้ศาลตัดสินแล้วว่าคำว่า Cola สามารถใช้ได้ทุกบริษัท
น้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า Royal Crown Cola จึงไม่ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งพอวางขายสูตรใหม่ คนทั่วไปก็ชื่นชอบมากจนเริ่มเรียกชื่อย่อกันว่า น้ำอัดลม RC Cola
เมื่อน้ำอัดลมติดตลาด บริษัทก็โฆษณาต่อเนื่อง พร้อมกับออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เรียกได้ว่า ล้ำยุคในตอนนั้น เช่น
- น้ำอัดลมสูตรไดเอต ไม่มีน้ำตาล
- น้ำอัดลมสูตรไม่มีกาเฟอีน
- น้ำอัดลมกระป๋องเจ้าแรกของสหรัฐฯ
ที่บอกว่าล้ำยุค เพราะน้ำอัดลมสูตรเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อนานมาก แม้ว่าในปัจจุบัน คงเป็นเรื่องที่เราเห็นกันจนชินตาไปแล้ว
แต่ความล้ำยุคเกินไป ก็ไม่ได้การันตีว่า แบรนด์นั้นจะสำเร็จได้ในช่วงเวลานั้นแบบก้าวกระโดด
เพราะแม้ RC Cola จะมีความแปลกใหม่แค่ไหน แต่แบรนด์นี้สามารถครองตลาดในสหรัฐฯ ได้ไม่ถึง 3% เทียบกับเจ้าตลาดอย่าง Coca-Cola ที่ครองตลาดได้ถึง 43% ในตอนนั้น
สุดท้ายในปี 2000 บริษัทก็ถูกซื้อกิจการโดย Cadbury Schweppes แต่ต่อมาก็ถูกเปลี่ยนมือไปมาโดยเจ้าของที่ต่างกันอยู่หลายครั้ง
จนปัจจุบัน เจ้าของ RC Cola แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่ โดยในสหรัฐฯ มีเจ้าของคือ Keurig Dr Pepper
ส่วนที่เหลือนอกจากสหรัฐฯ เจ้าของปัจจุบันคือ Macay Holdings Inc. ที่ได้เข้าซื้อบริษัท RC Global Beverages Inc. ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ RC Cola ของทั่วโลก
ปิดตำนานแบรนด์น้ำอัดลม ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเพราะความแค้นที่เซลส์ของ Coca-Cola ไม่ยอมลดค่าหัวเชื้อให้ จนต้องออกมาสร้างน้ำอัดลมของตัวเองแทน
เรื่องนี้ ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากเรื่องราวในซีรีส์สงครามส่งด่วน ที่สันติออกมาก่อตั้งบริษัทขนส่งของตัวเอง เพราะความแค้นที่โดนหักหลังจากเจ้าสัวคณิน
ซึ่งบางครั้ง ความแค้นจากเรื่องเล็ก ๆ ก็อาจกลายเป็นพลังให้คนคนหนึ่ง สามารถทำอะไรที่ดูเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้แบบไม่คาดคิดเลยทีเดียว
แม้จะเป็นแมลงวันตัวเล็ก ๆ ที่ไปชนกับแบรนด์ใหญ่ ก็อาจทำให้แบรนด์ใหญ่ รู้สึกรำคาญได้เช่นกัน..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon