ญี่ปุ่น อดีตมหาอำนาจ หุ่นยนต์โลก หายไปไหน ?

ญี่ปุ่น อดีตมหาอำนาจ หุ่นยนต์โลก หายไปไหน ?

ญี่ปุ่น อดีตมหาอำนาจ หุ่นยนต์โลก หายไปไหน ? /โดย ลงทุนแมน
อาซิโม เป็นหุ่นยนต์ญี่ปุ่นที่สร้างความฮือฮาให้โลกมาก เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพราะสามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงมนุษย์
วันนั้น ถ้าถามว่าประเทศไหนจะเป็นมหาอำนาจด้าน
หุ่นยนต์ คำตอบก็ต้องเป็นญี่ปุ่นแน่นอน
แต่วันนี้ ถ้าถามคำถามเดิมอีกครั้ง คำตอบตอนนี้กลับเป็นสหรัฐฯ หรือไม่ก็จีน ที่พัฒนาหุ่นยนต์ที่เรียกกันว่า Humanoid ได้อย่างรวดเร็ว
คำถามคือ แล้วญี่ปุ่นหายไปไหน ในวงการหุ่นยนต์โลก ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
อาจเป็นเพราะสภาพสังคมของประเทศ ที่บีบบังคับให้ต้องพัฒนาหุ่นยนต์ขึ้นมา ทำให้ญี่ปุ่น ดูเป็นประเทศที่ล้ำหน้าเรื่องหุ่นยนต์มากกว่าใครเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุจำนวนมาก หุ่นยนต์จึงเป็นคำตอบที่จะช่วยชดเชยแรงงานที่หายไป รวมทั้งช่วยดูแลผู้สูงอายุที่กำลังเพิ่มขึ้น
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า ที่แม้แต่อานิเมะญี่ปุ่นยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับหุ่นยนต์มากมาย เช่น โดราเอมอน หุ่นยนต์แมวจากอนาคตที่มาช่วยดูแลโนบิตะในวัยเด็ก
นี่ยังไม่นับหุ่นยนต์กันดั้ม ที่เป็นของเล่น และเป็นของสะสมของใครหลายคน จนเราน่าจะพูดได้ว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่บ้าหุ่นยนต์มากที่สุดเลยทีเดียว
แต่นอกจากโลกอานิเมะแล้ว ญี่ปุ่นยังพัฒนาหุ่นยนต์ให้เคลื่อนไหวได้แบบคนจริง ๆ อย่างอาซิโม ที่พัฒนาโดย Honda มาตั้งแต่ปี 1986
SoftBank บริษัทลงทุนสตาร์ตอัปชื่อดังของญี่ปุ่น ที่ได้พัฒนาหุ่นยนต์ที่ชื่อว่า Pepper เพื่อหวังแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในประเทศ
และยังมี Sony ที่เคยเปิดตัวหุ่นยนต์สุนัขที่ชื่อ Aibo ตามมาอีกด้วย
ฟังชื่อหุ่นยนต์ทั้งหมดนี้ หลายคนคงร้องอ๋อขึ้นมาทันที
แต่ถ้ามองตอนนี้ ชื่อของหุ่นยนต์พวกนี้กลับหายไปหมดแล้ว จนคนรุ่นหลัง ๆ คงไม่รู้จักแล้วด้วยซ้ำ
แล้วหุ่นยนต์พวกนี้หายไปไหน หรือญี่ปุ่นยอมแพ้จากวงการหุ่นยนต์นี้ไปแล้ว ?
จริง ๆ ต้องบอกว่าหุ่นยนต์พวกนี้ก็ไม่ได้หายไปไหน
และญี่ปุ่นก็ยังอยู่ในวงการหุ่นยนต์เหมือนเดิม แค่อาจเปลี่ยนหน้าตาไปในแบบที่เราไม่คุ้นเคย
ตัวอย่างที่ชัดเจนเลย นั่นคือ อาซิโมที่เป็นภาพจำหุ่นยนต์
ที่ก้าวหน้ามากของญี่ปุ่น กลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถยนต์ไฟฟ้าของ Honda ตั้งแต่ปี 2019
โดย Honda เอาความรู้และเทคโนโลยีที่ได้จากอาซิโม ไปใช้เป็นระบบปฏิบัติการในรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเอง เพื่อพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ดังนั้น ต่อไปถ้าเราใช้รถไฟฟ้าของ Honda ก็เหมือนกับว่าเรากำลังมีอาซิโมในรถยนต์คันนั้นไปด้วย
ในขณะที่ Sony แม้จะยกเลิกการผลิตหุ่นยนต์สุนัข Aibo ไปแล้ว แต่ปัจจุบันก็นำกลับมาพัฒนาใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI เข้าไปใส่ในหุ่นยนต์ตัวนี้มากขึ้น
ส่วน SoftBank เลือกที่จะถอนตัวออกจากตลาดนี้ โดยเลิกผลิตหุ่นยนต์ Pepper ไป
พร้อมกับขายบริษัทหุ่นยนต์ Boston Dynamics ที่ซื้อมา ให้กับ Hyundai Motor
และที่บอกว่า ญี่ปุ่นก็ไม่ได้หายไปไหนจากวงการหุ่นยนต์
เพราะญี่ปุ่นก็ยังอยู่ในตลาดนี้เหมือนเดิม แต่อยู่ในมุมอับ
ที่โลกไม่ได้มีสปอตไลต์ส่องมาถึง..
รู้ไหมว่า แม้ญี่ปุ่นดูโดดเด่นในเรื่องหุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวแบบคน ที่เราเรียกกันปัจจุบันว่า Humanoid แต่ญี่ปุ่น กลับเป็นเจ้าแห่งหุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมของโลก
ซึ่งในปีที่แล้ว ญี่ปุ่นคือประเทศส่งออกหุ่นยนต์อุตสาหกรรมอันดับ 1 ของโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาด 21% และมีมูลค่ามากถึง 41,000 ล้านบาท
ในขณะที่จีนเป็นคู่แข่งอันดับ 3 ของโลก ส่วนสหรัฐฯ กลายเป็นคู่แข่งอันดับ 7 ของโลก
โดยเหตุผลที่ญี่ปุ่นครองตลาดนี้ได้เหนือกว่าสหรัฐฯ กับจีน
ก็เพราะว่าญี่ปุ่นพัฒนาหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมานาน ก่อนหน้าหุ่นยนต์อาซิโมของ Honda จะเกิดขึ้นเสียอีก
ซึ่งตัวอย่างบริษัทญี่ปุ่นที่ทำหุ่นยนต์แบบนี้ ก็เช่น Kawasaki Robotics หรือ Fanuc ที่ผลิตแขนกลหุ่นยนต์ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ
และการเกิดขึ้นของหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ก็ทำให้ญี่ปุ่นมีซัปพลายเชนการผลิตอื่น ๆ ตามมาด้วย เช่น Keyence บริษัททำเซนเซอร์ตรวจจับที่เสมือนเป็นตาของหุ่นยนต์
ดังนั้น ถ้าจะบอกว่าญี่ปุ่นหายไปจากเวทีหุ่นยนต์เลย ก็คงพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะญี่ปุ่นสามารถยึดพื้นที่หุ่นยนต์อุตสาหกรรมของตัวเองเอาไว้ได้จนถึงทุกวันนี้
นอกจากการยึดพื้นที่ตลาดหุ่นยนต์อุตสาหกรรมแล้ว
ญี่ปุ่นยังยึดตลาดหุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวแบบคนหรือ Humanoid ไว้แบบเงียบ ๆ อีกด้วย
ที่บอกว่าเงียบ ๆ เพราะการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ Humanoid พวกนี้ ต้องใช้ชิ้นส่วนข้อต่อยืดหยุ่น
ที่เรียกว่า Harmonic Drive
ซึ่งญี่ปุ่นมีบริษัทที่ทำเกี่ยวกับข้อต่อพวกนี้มากมาย จากการรับผลิตให้หุ่นยนต์อุตสาหกรรมมานาน โดยหนึ่งในผู้ผลิตสำคัญ นั่นคือ Harmonic Drive Systems
แม้ดูเป็นชิ้นส่วนข้อต่อที่น่าจะเลียนแบบได้ง่าย
แต่จริง ๆ มันไม่ง่ายเลย เพราะชิ้นส่วนนั้นต้องมีน้ำหนักเบา เล็ก แม่นยำสูง แต่ต้องทนทานต่อแรงบิดเวลาเคลื่อนไหวอีกด้วย
คุณสมบัติพวกนี้ ต้องใช้การวิจัยเฉพาะทางที่ค่อนข้างสูง และญี่ปุ่นก็เป็นผู้นำตลาดนี้มาอย่างยาวนานแทน
สรุปแล้ว ถ้าถามว่าญี่ปุ่น หายไปไหนจากเวทีโลก คำตอบของเรื่องนี้ คงอยู่ที่ว่าเราจะมองจากมุมไหน
ถ้ามองในมุมหุ่นยนต์ Humanoid แน่นอนว่าญี่ปุ่นตามหลังสหรัฐฯ กับจีนไปแล้ว แม้จะเคยเป็นผู้นำในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาก็ตาม
พูดง่าย ๆ ก็คือ ญี่ปุ่นเคยสร้างอนาคตของหุ่นยนต์ แต่ปล่อยให้คนอื่นทำต่อแทน แต่ถ้ามองในมุมหุ่นยนต์เฉพาะทาง ในแวดวงโรงงานอุตสาหกรรม ญี่ปุ่นก็ยังครองตลาดอยู่ได้เป็นเบอร์ 1 เหนือกว่าสหรัฐฯ และจีน
ซึ่งจริง ๆ แล้ว นี่ก็อาจเป็นท่าประจำของญี่ปุ่น ในการเลือกที่จะครองตลาดเฉพาะทางไปเลย และทำมันให้ดีที่สุด จนไม่มีใครสามารถทำได้ดีกว่า
แม้ตลาดข้อต่อจะโตเฉลี่ยปีละ 5% ในช่วง 8 ปีหลังจากนี้ เมื่อเทียบกับตลาดหุ่นยนต์ Humanoid ที่โตเฉลี่ยปีละ 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่า ตลาดข้อต่อดูโตน้อยกว่ามาก
แต่อย่าลืมว่า ข้อต่อก็เป็นตลาดที่เกาะขบวนการเติบโตของหุ่นยนต์ Humanoid ไปอยู่ดี ดังนั้นในอนาคต ญี่ปุ่นจะไม่มีวันตกขบวนเทรนด์โลกนี้อย่างแน่นอน
ญี่ปุ่น เลือกสร้างข้อต่อที่แข็งแรง แต่ยืดหยุ่นสูงให้กับหุ่นยนต์ Humanoid ที่ดูแล้วก็เป็นแค่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่ไม่น่าจะสำคัญอะไรเลย
แต่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ นี่แหละ ทำให้หุ่นยนต์นี้สามารถเดินและวิ่งได้แบบคน โดยไม่สะดุดล้มไปเสียก่อน
เรียกได้ว่า แม้ตอนนี้โลกหุ่นยนต์ Humanoid จะไม่มีอิทธิพลของญี่ปุ่น แต่โลกของหุ่นยนต์ Humanoid ก็คงขาดญี่ปุ่นไปไม่ได้เสียแล้ว..
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon