เจาะ 7 หุ้น กระดูกสันหลังเทคโนโลยี ผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตชิป ให้กับคนทั้งโลก

เจาะ 7 หุ้น กระดูกสันหลังเทคโนโลยี ผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตชิป ให้กับคนทั้งโลก

เจาะ 7 หุ้น กระดูกสันหลังเทคโนโลยี ผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตชิป ให้กับคนทั้งโลก /โดย ลงทุนแมน
ชิปต่าง ๆ ที่อยู่บนสมาร์ตโฟน อย่างชิป A19 Pro ที่อยู่บน iPhone 17 Pro Max
ไปจนถึงชิป CPU หรือชิป GPU สำหรับการประมวลผล AI
ชิปเหล่านี้ ต่างก็มีบริษัทผู้ออกแบบ อย่าง Apple, Qualcomm, AMD, NVIDIA
แต่รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังของชิปแบรนด์เหล่านี้ ก็คือผู้รับจ้างผลิตชิป
และในผู้รับจ้างผลิตชิป ก็มีบริษัทซัปพลายเออร์ ผู้ผลิตเครื่องจักร อุปกรณ์ ไปจนถึงผู้ส่งมอบวัตถุดิบต่าง ๆ ซ่อนอยู่
ลงทุนแมน จะพาไปสรุปบริษัทผู้ผลิตชิป และบริษัทซัปพลายเออร์รายใหญ่ ที่มีความสำคัญอย่างมากต่อห่วงโซ่อุปทานชิป หรือเซมิคอนดักเตอร์
เริ่มตั้งแต่
1. TSMC หรือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company
มูลค่าบริษัท 43,600,000 ล้านบาท
บริษัททำธุรกิจ Foundry หรือรับจ้างผลิตชิปมากกว่า 60% ของชิปทั้งหมดบนโลก เป็นผู้อยู่เบื้องหลังชิปเทพ ไม่ว่าจะเป็น
- ผลิตชิปเซตบนสมาร์ตโฟน ให้กับ Apple และ Samsung
- ผลิตชิป CPU รุ่นท็อป ๆ ให้กับ AMD และ Qualcomm
- ผลิตชิปสำหรับ Data Center และ AI ให้กับ NVIDIA และชิป ASICs ให้กับ Broadcom
ผลประกอบการปี 2024
รายได้ 2,870,000 ล้านบาท
กำไร 1,150,000 ล้านบาท
ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2025
รายได้ 1,780,000 ล้านบาท
กำไร 763,000 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้ของไตรมาสล่าสุด มาจาก
- ชิป CPU และชิป GPU สำหรับประมวลผล AI 60%
- ชิปสำหรับสมาร์ตโฟน 27%
- ชิปอื่น ๆ เช่น ชิป IoT และยานยนต์อัตโนมัติ 13%
โดยไตรมาสล่าสุด TSMC
- มีค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ต่อรายได้ 6.6%
- มีอัตรากำไรขั้นต้น 58.6%
- มีอัตรากำไรสุทธิ 42.7%
บริษัทรับจ้างผลิตชิปที่เป็นคู่แข่งกับ TSMC ก็คือ Samsung, Intel, Micron และ Texas Instruments
ซึ่งบริษัทต่าง ๆ เหล่านี้ มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันแล้วยังน้อยกว่า TSMC
การที่ TSMC หรือบริษัทต่าง ๆ จะผลิตชิปได้ ก็ล้วนต้องพึ่งพาซัปพลายเออร์คนสำคัญ ที่คอยส่งมอบวัตถุดิบสำหรับผลิตชิป ไปจนถึงเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับการผลิตชิปที่ทันสมัย
และหลาย ๆ บริษัทนั้นมีมูลค่ามากกว่า 1,000,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
โดยบริษัทซัปพลายเออร์รายสำคัญ ๆ ของ TSMC ก็คือ
2. ASML Holding
มูลค่าบริษัท 11,700,000 ล้านบาท
บริษัทสัญชาติดัตช์ ทำเครื่อง Lithography หรือก็คือเครื่องฉายแสง เพื่อพิมพ์ลายลงบนแผ่นเวเฟอร์
โดย ASML มีส่วนแบ่งตลาดด้านเครื่อง Lithography มากกว่า 90% หรือเรียกได้ว่าผูกขาดธุรกิจนี้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ ASML ยังเป็นบริษัทเดียวที่ได้พัฒนาเครื่องพิมพ์ลายขั้นสูง อย่างเครื่อง EUV สำหรับผลิตชิปขนาดเล็กกว่า 7 นาโนเมตร เพื่อไว้ใช้สำหรับการประมวลผลขั้นสูง หรือใช้รัน AI
ซึ่งเครื่องพิมพ์ลาย EUV เป็นเครื่องที่บริษัทผู้ผลิตชิปทั้ง TSMC, Samsung, Intel และ Micron จำเป็นต้องใช้ โดยมีราคาเครื่องละหลายพันล้านบาท หรือบางรุ่นอาจแพงระดับหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
ผลประกอบการปี 2024
รายได้ 974,000 ล้านบาท
กำไร 261,000 ล้านบาท
ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2025
รายได้ 538,000 ล้านบาท
กำไร 162,000 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้ ของไตรมาสล่าสุด มาจาก
- การขายเครื่อง Lithography สำหรับผลิตชิป CPU, GPU หรือชิปสำหรับประมวลผล AI 50.2%
- การขายเครื่อง Lithography สำหรับผลิตชิปเมมโมรี 22.5%
- รายได้จาก Service, Onsite และบริการอื่น ๆ 27.3%
โดยไตรมาสล่าสุด ASML
- มีค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ต่อรายได้ 15.2%
- มีอัตรากำไรขั้นต้น 53.7%
- มีอัตรากำไรสุทธิ 29.8%
3. AMAT หรือ Applied Materials
มูลค่าบริษัท 4,810,000 ล้านบาท
บริษัททำเครื่องผลิตชิปในกระบวนการต่าง ๆ อย่าง
- เครื่อง Depositioning หรือเครื่องเคลือบแผ่นเวเฟอร์ ให้มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าก่อนที่จะนำไปพิมพ์ลาย หรือทำ Lithography ต่อ
- เครื่อง Etching หรือเครื่องกัดแผ่นเวเฟอร์ให้เป็นโครงสร้างวงจรที่สมบูรณ์ หลังจากทำ Lithography
ผลประกอบการปี 2024 (รอบบัญชี พฤศจิกายน 2023 - ตุลาคม 2024)
รายได้ 866,000 ล้านบาท
กำไร 229,000 ล้านบาท
ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2025
รายได้ 687,000 ล้านบาท
กำไร 163,000 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้ ของไตรมาสล่าสุด มาจาก
- ขายเครื่องจักรผลิตเซมิคอนดักเตอร์ 74.3%
- รายได้จากบริการ หรือ Onsite Service 21.9%
- รายได้อื่น ๆ 3.8%
โดยไตรมาสล่าสุด Applied Materials
- มีค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ต่อรายได้ 12.3%
- มีอัตรากำไรขั้นต้น 48.8%
- มีอัตรากำไรสุทธิ 24.4%
และคู่แข่งของ Applied Materials (AMAT) คือ Lam Research
4. LRCX หรือ Lam Research
มูลค่าบริษัท 5,110,000 ล้านบาท
อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ของบริษัททำเครื่องผลิตชิป ทำทั้งเครื่องเคลือบ (Depositioning), เครื่องกัด (Etching) ไปจนถึงเครื่องทำความสะอาดแผ่นเวเฟอร์หลังจากกัด
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งกับ Applied Materials โดยตรง
ผลประกอบการปี 2024 (รอบบัญชี กรกฎาคม 2023 - มิถุนายน 2024)
รายได้ 474,000 ล้านบาท
กำไร 122,000 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 2025 (รอบบัญชี กรกฎาคม 2024 - มิถุนายน 2025)
รายได้ 587,000 ล้านบาท
กำไร 171,000 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้ ของไตรมาสล่าสุด มาจาก
- รายได้จากเครื่องจักร หรือ System Revenue 66.5%
- รายได้จากการบริการ หรือ Customer Support 33.5%
ไตรมาสล่าสุด Lam Research
- มีค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ต่อรายได้ 11.2%
- มีอัตรากำไรขั้นต้น 50.1%
- มีอัตรากำไรสุทธิ 33.3%
5. Tokyo Electron
มูลค่าบริษัท 2,620,000 ล้านบาท
บริษัทญี่ปุ่น ผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมชิปเป็นอย่างมาก และเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Applied Materials และ Lam Research
โดยจุดเด่นของ Tokyo Electron คือเครื่องจักรสำหรับการทำ Photoresist Coating หรือกระบวนการเคลือบสารไวแสง เพื่อให้เป็นเหมือนแม่พิมพ์
ก่อนที่จะนำไปทำ Lithography หรือฉายแสงเพื่อพิมพ์ลายลงบนแผ่นเวเฟอร์ กับเครื่อง EUV ของ ASML
ผลประกอบการปี 2024 (รอบบัญชี เมษายน 2023 - มีนาคม 2024)
รายได้ 394,000 ล้านบาท
กำไร 78,400 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 2025 (รอบบัญชี เมษายน 2024 - มีนาคม 2025)
รายได้ 524,000 ล้านบาท
กำไร 117,000 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้ มาจาก
- อุปกรณ์สำหรับผลิตชิปประมวลผล และ GPU 62%
- อุปกรณ์สำหรับผลิตชิปเมมโมรี DRAM 31%
- อุปกรณ์สำหรับผลิตชิปเมมโมรี NAND 7%
ไตรมาสล่าสุด Tokyo Electron
- มีค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ต่อรายได้ 10.3%
- มีอัตรากำไรขั้นต้น 47.1%
- มีอัตรากำไรสุทธิ 22.4%
6. KLAC หรือ KLA Corporation
มูลค่าบริษัท 4,380,000 ล้านบาท
บริษัทนี้ไม่ได้ทำเครื่องจักรสำหรับผลิตชิปโดยตรง แต่ KLA จะเปรียบเสมือนเป็น QC ของโรงงานผลิตชิป
ธุรกิจของ KLA คือโซลูชัน หรือเครื่องมือสำหรับตรวจสอบชิปที่ถูกผลิตออกมา ว่ามี Defects หรือจุดบกพร่องอะไรหรือไม่ เพื่อเพิ่ม Yield หรือลดงานเสียในทุก ๆ กระบวนการผลิตชิป
ผลประกอบการปี 2024 (กรกฎาคม 2023 - มิถุนายน 2024)
รายได้ 312,000 ล้านบาท
กำไร 87,773 ล้านบาท
ผลประกอบการปี 2025 (กรกฎาคม 2024 - มิถุนายน 2025)
รายได้ 386,000 ล้านบาท
กำไร 129,000 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้ ของไตรมาสล่าสุด มาจาก
- รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ 77.9%
- รายได้จากบริการ 22.1%
ไตรมาสล่าสุด KLA Corporation
- มีค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ต่อรายได้ 11.1%
- มีอัตรากำไรขั้นต้น 62.0%
- มีอัตรากำไรสุทธิ 37.9%
7. Formosa Sumco
มูลค่าบริษัท 49,000 ล้านบาท
เป็นผู้ผลิตซิลิคอนรายใหญ่ ซึ่งเป็นวัตถุดิบ หรือ Raw Material ของชิป
โดยซิลิคอน จะถูกนำมาหล่อให้เป็นแท่ง ๆ ก่อนที่จะส่งไปยังบริษัทผู้ผลิตชิป อย่าง TSMC, Samsung, Intel ให้กัดเป็นแผงวงจรรูปแบบต่าง ๆ
ผลประกอบการปี 2024
รายได้ 13,100 ล้านบาท
กำไร 1,370 ล้านบาท
ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2025
รายได้ 6,307 ล้านบาท
ขาดทุน 155 ล้านบาท
โดยไตรมาสล่าสุด Formosa Sumco
- มีอัตรากำไรขั้นต้น 14.4%
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
Delta หรือ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตรายใหญ่ของวงการเซมิคอนดักเตอร์เช่นเดียวกัน
แล้ว Delta อยู่ตรงไหนของห่วงโซ่นี้ ?
Delta มีธุรกิจหลักคือ เอาส่วนประกอบของเซมิคอนดักเตอร์ที่ผ่านการผลิตมาแล้ว มาประกอบกันบนแผ่นแผงวงจรเขียว
แล้วเอาแผ่นวงจรเขียว มาประกอบกันหลาย ๆ อันจนกลายเป็นเชลฟ์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญของธุรกิจ Data Center และการประมวลผล AI
โดยลูกค้าหลักของ Delta ก็คือ End User อย่าง Amazon, Microsoft และ Google นั่นเอง
โดยมูลค่าปัจจุบันของ Delta เท่ากับ 2,010,000 ล้านบาท..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon