วันนี้ บมจ. เงินเทอร์โบ หรือ TURBO เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก

โดย TURBO เป็นผู้ให้บริการ
- สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียน)
- สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์)
- สินเชื่อโฉนดที่ดิน และธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัย

ให้บริการผ่าน 996 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ 54 จังหวัด ในภูมิภาคหลักของประเทศ

ผลประกอบการย้อนหลังของบริษัท
ปี 2565 มีรายได้ 1,779 ล้านบาท กำไร 338 ล้านบาท
ปี 2566 มีรายได้ 2,431 ล้านบาท กำไร 132 ล้านบาท
ปี 2567 มีรายได้ 3,033 ล้านบาท กำไร 142 ล้านบาท

6 เดือนแรกปี 2568
มีรายได้ 1,518 ล้านบาท กำไร 236 ล้านบาท

โดยสัดส่วนรายได้มาจาก
58.3% รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน
23.2% รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์
9.5% รายได้ค่านายหน้าและค่าตอบแทนอื่นจากธุรกิจนายหน้าประกัน
5.8% รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อโฉนดที่ดิน
3.2% รายได้อื่น ๆ

และมีอัตราส่วนทางการเงินสำคัญ (6M/2568) คือ
- อัตราดอกเบี้ยรับ 24.18%
- อัตราดอกเบี้ยจ่าย 4.34%
- ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย 19.84%
- อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 3.39 เท่า
- อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) 4.10%
- อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 107.12%

TURBO มีผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่
1. กลุ่มครอบครัวตั้งมิตรประชา ถือหุ้น 74.02%
2. KVISION ถือหุ้น 4.98%
3. ผู้บริหาร บุคลากร และประชาชนทั่วไป ถือหุ้น 21.00%

สำหรับวัตถุประสงค์ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ก็เพื่อนำเงินที่ระดมทุนได้ไป
- ขยายธุรกิจให้บริการการเงินของกลุ่มบริษัท
- ชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์
- ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

คำเตือน : โพสต์นี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูล ไม่ได้แนะนำให้ซื้อ หรือ ขาย แต่อย่างใด
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน