เจาะกลยุทธ์ Always Low Prices การเดินทางสู่ IPO ของ MR. D.I.Y.

เจาะกลยุทธ์ Always Low Prices การเดินทางสู่ IPO ของ MR. D.I.Y.

MR. D.I.Y. X ลงทุนแมน
จากจุดเริ่มต้นสาขาแรกที่ซีคอน บางแค เมื่อ 9 ปีที่แล้ว
ปัจจุบัน MR. D.I.Y. ขยายธุรกิจ โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีจำนวนสาขาทั้งหมด 1,027 สาขาทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย
การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องนี้เอง ทำให้รายได้เติบโต
ปี 2567 MR. D.I.Y. มีรายได้รวม 16,214.4 ล้านบาท เติบโต 26.4% จากปีก่อน
มาในปี 2568 (6 เดือนแรก) มีรายได้รวม 9,470.7 ล้านบาท เติบโต 25.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน พร้อมครองส่วนแบ่งตลาดธุรกิจสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไป 8.8% ในปี 2567 ตามรายงานวิจัยตลาดของ Frost & Sullivan
เบื้องหลังการเติบโตมาจากการสร้าง “จุดขาย” ที่ชนะใจลูกค้า ด้วยการเป็นร้านค้าที่มีสินค้าครบครันในชีวิตประจำวันที่มีประมาณ 16,000 รายการ ใน 6 หมวดหมู่หลัก รวมถึงสินค้าแบรนด์ MR. D.I.Y. ด้วย
จนเกิดภาพจำ ไม่ว่าจะซื้อสินค้าอะไรก็ตาม ถ้าไป MR. D.I.Y. จะพบสินค้าหลากหลายมีคุณภาพในราคาสบายกระเป๋า ที่ตรงกับแนวคิดของแบรนด์อย่าง “Always Low Prices” หรือราคาถูกคุ้มเสมอ
จุดนี้เองที่สร้างความแข็งแกร่งธุรกิจ ทั้งในด้านโครงสร้างธุรกิจและผลประกอบการ
ล่าสุด MR. D.I.Y. กำลังจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 655,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 10.89% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้
โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 420,000,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย MDIH (Singapore) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 235,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 6.98% และ 3.91% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ ตามลำดับ
แล้วการเดินทางเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ MR. D.I.Y. เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รู้หรือไม่ว่าปี 2568 (6 เดือนแรก) MR. D.I.Y. มีจำนวน 1,027 สาขา มีรายได้รวม 9,470.7 ล้านบาท เติบโต 25.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งถ้าสังเกตการเติบโตที่ผ่านมาของ MR. D.I.Y. ผ่านจำนวนสาขาและผลประกอบการ จะพบว่า
ปี 2565 จำนวนสาขา 557 แห่ง
รายได้รวม 9,941.2 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 1,051.2 ล้านบาท

ปี 2566 จำนวนสาขา 741 แห่ง
รายได้รวม 12,832.2 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 1,381.1 ล้านบาท
ปี 2567 จำนวนสาขา 932 แห่ง
รายได้รวม 16,214.4 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 1,780.3 ล้านบาท
สะท้อนว่า MR. D.I.Y. ยิ่งขยายสาขามากเท่าไร ภาพรวมผลประกอบการก็ยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครมองว่า MR. D.I.Y. ที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลายประเภทด้วย “ราคาเข้าถึงง่าย” น่าจะทำให้กำไรได้ยาก
แต่ธุรกิจนี้มีจุดแข็งจากกลยุทธ์ความหลากหลายของสินค้า และมีราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพ ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย รวมถึงความสะดวกสบาย จากจำนวนสาขาที่มีอยู่ครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์
สังเกตได้จากปี 2565 บริษัทมีธุรกรรมขายสินค้า 58.7 ล้านรายการ ต่อมาในปี 2567 เพิ่มขึ้นมาเป็น 98.5 ล้านรายการ เลยทีเดียว
ด้วยแนวคิดของแบรนด์ “Always Low Prices” แต่ก็ใช่ว่าทุกคนในอุตสาหกรรมนี้จะทำได้เหมือน MR. D.I.Y. ที่สามารถใช้ประโยชน์จาก Economies of Scale มาสร้างความได้เปรียบกว่าคู่แข่งได้จากการจัดหาสินค้าร่วมกับเครือข่ายของธุรกิจค้าปลีกภายใต้แบรนด์ “MR. D.I.Y.” ในต่างประเทศ
โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ธุรกิจค้าปลีกภายใต้แบรนด์ “MR. D.I.Y.” มีทั้งหมดใน 14 ประเทศได้แก่ ประเทศไทย, มาเลเซีย, บรูไน, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา, อินเดีย, เวียดนาม, สเปน, ตุรกี, บังกลาเทศ, โปแลนด์ และแอฟริกาใต้
การที่ MR. D.I.Y. ประเทศไทย สามารถจัดหาสินค้าร่วมกับเครือข่าย MR. D.I.Y. ในต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างยอดสั่งซื้อสินค้าจำนวนมาก และมีอำนาจต่อรองกับโรงงานผลิตและซัปพลายเออร์ และสร้างดีลธุรกิจที่มีเงื่อนไขที่ดี ลดต้นทุนสินค้าต่อหน่วยให้ถูกกว่าคู่แข่งนั่นเอง
ทีนี้ลองมาดูเบื้องหลังการขยายสาขามากกว่า 1,000 สาขาในไทยของ MR. D.I.Y. กันบ้าง..
จริง ๆ แล้วนอกจากกลยุทธ์การตลาดด้านราคาและ Economies of Scale แล้วนั้น เพื่อรองรับการขยายสาขามากกว่า 1,000 สาขาในไทย MR. D.I.Y. มีการลงทุนหลังบ้านทั้งการพัฒนาระบบบริหารจัดการสินค้าและ Logistics อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน MR. D.I.Y. มีศูนย์กระจายสินค้ากลางที่จังหวัดสมุทรปราการ มีคลังสินค้า 8 แห่ง และศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาค 3 แห่งในนครราชสีมา ตาก และสุราษฎร์ธานี และมีรถบรรทุก 90 คัน เพื่อขนส่งสินค้าไปยังสาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งการที่บริษัทฯ ดูแลศูนย์กระจายสินค้าและระบบขนส่งเอง ทำให้ควบคุมต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ พร้อมบริหารสต็อกให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
โดยการ IPO ครั้งนี้ นอกจากจะนำเงินไปชำระหนี้แล้ว จะนำไปใช้ในการลงทุน เพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ เช่น การขยายสาขา การลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของบริษัท รวมถึงซื้อที่ดินและการก่อสร้างคลังสินค้า และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไปสำหรับการดำเนินงานของบริษัทฯ
ก่อนหน้านี้คงเคยได้ยินกันว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้คน มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
ความเชื่อนี้น่าจะ “ถูกแค่ครึ่งหนึ่ง” เพราะอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือคือ โครงสร้างธุรกิจต้องแข็งแกร่ง
การเติบโตของ MR. D.I.Y. นับเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ด้วยการมีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งแล้ว ทำให้สามารถสร้างความได้เปรียบการแข่งขัน ทั้งด้านราคา ความหลากหลายของสินค้า และความสะดวกสบายในการเข้าถึง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
Reference :
- แบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ 69-1) และร่างหนังสือชี้ชวน บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
Disclaimer:
เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่การเสนอขายหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา การเสนอขายหรือการขายหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาไม่สามารถกระทำได้ เว้นแต่จะมีการจดทะเบียนหรือได้รับการยกเว้นการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2476 (รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติม) (U.S. Securities Act of 1933) ทั้งนี้ ผู้ออกหลักทรัพย์ไม่มีเจตนาใด ๆ ที่จะจดทะเบียนส่วนใดของการเสนอขายในสหรัฐอเมริกา หรือดำเนินการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อสาธารณชนในสหรัฐอเมริกา แต่ประการใด นอกจากนี้ การสื่อสารนี้หรือข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในเอกสารฉบับนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการเรียกร้องเงิน หลักทรัพย์ หรือสิ่งตอบแทนอื่น ๆ และหากมีการส่งตอบรับกลับมา จะไม่มีการยอมรับเงิน หลักทรัพย์ หรือค่าตอบแทนใด ๆ แต่อย่างใด

การแจกจ่ายเอกสารฉบับนี้ในบางเขตอำนาจศาลอาจถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เอกสารฉบับนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับการแจกจ่ายในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น หรือออสเตรเลีย ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้จะไม่เป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น หรือออสเตรเลีย แต่อย่างใด

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon