
กรณี เจฟฟ์ เบโซส ได้ไอเดียสร้าง Amazon มาจากกองทุน Quant
กรณี เจฟฟ์ เบโซส ได้ไอเดียสร้าง Amazon มาจากกองทุน Quant /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า Amazon ที่เริ่มต้นมาจากร้านขายหนังสือออนไลน์ จริง ๆ แล้วผู้ก่อตั้งอย่างคุณเจฟฟ์ เบโซส ไม่ได้ตั้งใจจะขายหนังสือตั้งแต่แรก
เพราะไอเดียตั้งต้น เขาก็เริ่มคิดจะทำแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ขายสินค้าทุกอย่างที่มีในห้างสรรพสินค้าอยู่แล้ว
แต่ที่เหลือแค่หนังสือในตอนแรก เพราะตอนนั้น โลกยังไม่พร้อมสำหรับไอเดียของเขา..
และอีกเรื่องคือ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าไอเดียการสร้าง Amazon นั้นไม่ได้มาจากคุณเจฟฟ์ เบโซส เพียงคนเดียว
แต่มีส่วนมาจากไอเดียของ คุณเดวิด อี ชอว์ ผู้ก่อตั้ง D. E. Shaw เจ้าพ่อเฮดจ์ฟันด์สาย Quant ด้วย
ไอเดียตั้งต้น ที่ผันเปลี่ยนกลายมาเป็น Amazon บริษัทมูลค่า 75 ล้านล้านบาท มีที่มาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
สมัยก่อนช่วงที่คุณเบโซส ยังหนุ่ม ๆ เขาได้มีโอกาสเข้าไปทำงานที่ D. E. Shaw ซึ่งก็คือบริษัทเฮดจ์ฟันด์สาย Quant
อธิบายคำว่า Quant แบบเข้าใจง่าย ๆ
Quant ย่อมาจาก Quantitative คือ การใช้สถิติและคณิตศาสตร์ มาช่วยตัดสินใจเรื่องการเงิน และการลงทุน
โดยเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่ใช้เทคนิคนี้มาช่วยในการลงทุน ผ่านการใช้คอมพิวเตอร์ และอัลกอริทึมซับซ้อน
ปัจจุบัน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร กว่า 2.25 ล้านล้านบาท
ซึ่งสมัยที่คุณเบโซส ยังทำงานที่ D. E. Shaw เขาใช้เวลาเพียงแค่ 4 ปีในการไต่ขึ้นไปเป็น รองประธานอาวุโส ของบริษัท
ก่อนที่คุณชอว์ จะมอบหมายให้คุณเบโซส ไปดูแลโปรเจกต์พิเศษชื่อว่า “Online Retailing”
ซึ่งก็คือโปรเจกต์ขายสินค้าแบบออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต
โดยตอนนั้น คุณชอว์ ได้แชร์มุมมองของเขาให้กับลูกทีมถึงอนาคตของโลกอินเทอร์เน็ตว่า
ในอนาคตลูกค้าจะซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น
แถมพอซื้อสินค้าไปใช้แล้ว ลูกค้าจะมีโอกาส Review แบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองลงบนอินเทอร์เน็ต
ทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ จะมีโอกาสเอาข้อมูลตรงนั้นมาประกอบการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ
แถมพอซื้อสินค้าไปใช้แล้ว ลูกค้าจะมีโอกาส Review แบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองลงบนอินเทอร์เน็ต
ทำให้ลูกค้าคนอื่น ๆ จะมีโอกาสเอาข้อมูลตรงนั้นมาประกอบการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ
พูดง่าย ๆ ก็คือ นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิด E-Commerce ในยุคที่ผู้คนส่วนใหญ่ ยังเพิ่งรู้จักและเรียนรู้คำว่าอินเทอร์เน็ตด้วยซ้ำ
และในช่วงเวลานั้นเองที่คุณเบโซส กลับเห็นว่าเทรนด์การใช้อินเทอร์เน็ตน่าจะเติบโตได้ดี รวมถึงโอกาสการเติบโตของแนวคิด E-Commerce
แต่เนื่องจาก D. E. Shaw เป็นบริษัทการเงินการลงทุน การจะกระโดดข้ามไปลุยธุรกิจใหม่ และต้องเริ่มตั้งแต่ศูนย์ จึงไม่ใช่แนวทางที่ D. E. Shaw ต้องการ
คุณเบโซส เลยขอนำไอเดียนี้ของคุณชอว์มาต่อยอด และตัดสินใจลาออกจาก D. E. Shaw เพื่อมาก่อตั้ง Amazon แพลตฟอร์มซื้อ-ขายสินค้าเจ้าแรก ๆ ของโลก
ซึ่งหนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรของ D. E. Shaw
ที่เน้นการมองระยะยาว ไม่ได้เร่งรัดผลงานระยะสั้น
ก็ถูกนำมาปรับใช้กับแนวทางการทำธุรกิจของ Amazon
โดยครั้งหนึ่ง คุณเบโซส เคยบอกว่า
แทนที่จะถามว่า “อะไรจะเปลี่ยนไปในอีก 10 ปีข้างหน้า ?”
เราควรถามว่า “อะไรจะไม่เปลี่ยนไป ในอีก 10 ปีข้างหน้า ?”
ที่เน้นการมองระยะยาว ไม่ได้เร่งรัดผลงานระยะสั้น
ก็ถูกนำมาปรับใช้กับแนวทางการทำธุรกิจของ Amazon
โดยครั้งหนึ่ง คุณเบโซส เคยบอกว่า
แทนที่จะถามว่า “อะไรจะเปลี่ยนไปในอีก 10 ปีข้างหน้า ?”
เราควรถามว่า “อะไรจะไม่เปลี่ยนไป ในอีก 10 ปีข้างหน้า ?”
เพราะธุรกิจที่ดีสร้างบนสิ่งที่มั่นคง และคาดเดาได้ เช่น สิ่งที่ลูกค้าต้องการ ราคาถูก การจัดส่งเร็ว และสินค้าที่หลากหลาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะยังเป็นที่ต้องการต่อไปอีก 10 ปี
ทำให้ Amazon มีแนวทางการดำเนินธุรกิจในสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลง และคาดการณ์ได้ว่าจะมีความต้องการรองรับในอนาคตมาตลอด
แต่การจะขายทุกอย่างตั้งแต่ครั้งแรก ก็อาจจะเร็วเกินไปสำหรับโลกยุคนั้น
โดยคุณเบโซสรู้ว่า พฤติกรรมของคนเราเปลี่ยนแปลงช้ากว่าเทคโนโลยี
การขายสินค้าทุกประเภทตั้งแต่เริ่มต้นจึงยากและซับซ้อนเกินไปสำหรับลูกค้า
เขาจึงทำรายการสินค้าออกมาหลายประเภท และวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าควรจะเริ่มขายอะไรเป็นอย่างแรก
สุดท้ายเขาตัดสินใจเลือกหนังสือ
สุดท้ายเขาตัดสินใจเลือกหนังสือ
เพราะหนังสือเป็นสินค้าที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่าย ไม่ต้อง เห็นของก่อนคนก็กล้าสั่ง และไม่ต้องกังวลเรื่องสินค้าปลอม Amazon จึงมีจุดเริ่มต้นจากการเป็นร้านหนังสือออนไลน์
จนตอนนี้ Amazon กลายเป็นบริษัทระดับโลก และขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ โดยผลประกอบการ 3 ปีล่าสุดคือ
ปี 2022 รายได้ 16,569,820 ล้านบาท ขาดทุน 87,719 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 18,531,018 ล้านบาท กำไร 980,312 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 20,559,252 ล้านบาท กำไร 1,909,334 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 18,531,018 ล้านบาท กำไร 980,312 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 20,559,252 ล้านบาท กำไร 1,909,334 ล้านบาท
โดยปัจจุบัน Amazon มีสัดส่วนมาจาก
- ธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ 36.66%
- Marketplace สำหรับผู้ขายภายนอก 24.06%
- ธุรกิจคลาวด์ AWS 18.41%
- ธุรกิจโฆษณา 9.36%
- ธุรกิจสตรีมมิง 7.28%
- อื่น ๆ 4.23%
- ธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ 36.66%
- Marketplace สำหรับผู้ขายภายนอก 24.06%
- ธุรกิจคลาวด์ AWS 18.41%
- ธุรกิจโฆษณา 9.36%
- ธุรกิจสตรีมมิง 7.28%
- อื่น ๆ 4.23%
ปัจจุบัน Amazon เป็นหนึ่งในบริษัท E-Commerce ยักษ์ใหญ่ที่วันนี้มีมูลค่าบริษัทกว่า 75.69 ล้านล้านบาท
คุณเบโซส ก็เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก ที่มีทรัพย์สินกว่า 7.45 ล้านล้านบาท
จะเห็นว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ก็มี 2 จุดที่เชื่อมต่อกัน
จุดแรกคือ ตัวไอเดียธุรกิจ E-Commerce
ที่ในเรื่องนี้มี 2 คนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมากพอที่จะเห็นโอกาสทางธุรกิจ คือ คุณชอว์ ที่เป็นผู้จุดประกาย และ คุณเบโซส ที่เห็นโอกาสและเชื่อมั่น
จุดแรกคือ ตัวไอเดียธุรกิจ E-Commerce
ที่ในเรื่องนี้มี 2 คนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมากพอที่จะเห็นโอกาสทางธุรกิจ คือ คุณชอว์ ที่เป็นผู้จุดประกาย และ คุณเบโซส ที่เห็นโอกาสและเชื่อมั่น
ส่วนอีกจุดคือ การลงมือทำ
ที่สุดท้ายกลายเป็นคุณเบโซส ที่ตัดสินใจลาออกจากงานที่มั่นคง และอนาคตไกล
ที่สุดท้ายกลายเป็นคุณเบโซส ที่ตัดสินใจลาออกจากงานที่มั่นคง และอนาคตไกล
นำไอเดียและความเชื่อที่มี ออกมาเริ่มต้นก่อตั้ง Amazon ขึ้นมาจากศูนย์ จนกลายเป็นอาณาจักรธุรกิจล้านล้านบาทที่ไปไกลกว่า E-Commerce เสียอีก..