
นักลงทุน VI ใช้ TFEX ทำกำไร-ป้องกันพอร์ตอย่างไร ให้ทนได้กับทุกสภาวะตลาด ?
ภาพรวมการลงทุนในหุ้นไทยระยะสั้นเริ่มดีขึ้น
แต่ถ้าลองมองในระยะยาว ก็จะเห็นว่ายังมีความผันผวนที่ยังเกิดขึ้นได้
แต่ถ้าลองมองในระยะยาว ก็จะเห็นว่ายังมีความผันผวนที่ยังเกิดขึ้นได้
คำถามคือ สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ VI
จะมีวิธีการหรือเครื่องมืออะไร มาช่วยให้พอร์ตยังคงอยู่รอด ท่ามกลางความผันผวนได้หรือไม่
จะมีวิธีการหรือเครื่องมืออะไร มาช่วยให้พอร์ตยังคงอยู่รอด ท่ามกลางความผันผวนได้หรือไม่
ซึ่งวันนี้ คุณมี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์ หนึ่งในนักลงทุน VI แนวหน้าของไทย
ได้มาแชร์ถึงแนวทางการใช้เครื่องมืออย่าง TFEX เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ต เพื่อให้ผ่านพ้นทุกสภาวะวิกฤตของตลาดหุ้นไทย
ได้มาแชร์ถึงแนวทางการใช้เครื่องมืออย่าง TFEX เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ต เพื่อให้ผ่านพ้นทุกสภาวะวิกฤตของตลาดหุ้นไทย
TFEX เสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์การลงทุนแบบ VI ได้อย่างไร
ลงทุนแมนสรุปให้ในโพสต์นี้
ลงทุนแมนสรุปให้ในโพสต์นี้
ถ้าพูดถึงกฏการลงทุนของ Warren Buffett
ข้อแรก คือ อย่าขาดทุน รักษาเงินต้นให้ได้
ข้อสอง คือ อย่าลืมกฏข้อแรก
ข้อแรก คือ อย่าขาดทุน รักษาเงินต้นให้ได้
ข้อสอง คือ อย่าลืมกฏข้อแรก
ซึ่งคุณทิวาได้ขยายความว่าจริง ๆ แล้วคือการมองการลงทุนในระยะยาว
ที่ต้องพยายามบริหารพอร์ตไม่ให้ขาดทุนถาวร หรือเสียเงินต้น
แต่ในระยะสั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่ลงทุนแล้วจะไม่มีช่วงที่ราคาหุ้นตก หรือขาดทุนเลย
ที่ต้องพยายามบริหารพอร์ตไม่ให้ขาดทุนถาวร หรือเสียเงินต้น
แต่ในระยะสั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่ลงทุนแล้วจะไม่มีช่วงที่ราคาหุ้นตก หรือขาดทุนเลย
ส่วนการที่จะเสียเงินต้น หรือก็คือการขาดทุนถาวร ก็จะมาจากสาเหตุหลัก ๆ เช่น
- ซื้อหุ้นผิดตัว ไปลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งพอ
- ซื้อหุ้นในราคาแพงเกินไป
- ใช้ Leverage มากเกินไป ซึ่งถ้าใช้มากเกินไป ทำให้เราทนต่อแรงกดดันของตลาดไม่ได้ เช่น การโดน Force Sell
- ซื้อหุ้นในราคาแพงเกินไป
- ใช้ Leverage มากเกินไป ซึ่งถ้าใช้มากเกินไป ทำให้เราทนต่อแรงกดดันของตลาดไม่ได้ เช่น การโดน Force Sell
ซึ่งสำหรับการป้องกันความเสี่ยงของพอร์ต เพื่อพยายามรักษาเงินต้นเอาไว้ ในภาวะที่ตลาดผันผวน เครื่องมือที่คุณทิวาใช้ก็คือ TFEX
โดยคุณทิวาอธิบายว่า จริง ๆ แล้ว หุ้นไทยก็มีหุ้นหลายตัวที่ยังแข็งแกร่งเติบโตดี สวนทางกับภาพรวมของตลาดที่เศรษฐกิจโตได้ช้า หรือซบเซา
ประกอบกับเมื่อมีข่าวร้ายมา ดัชนีตลาดก็อ่อนไหวจนอาจปรับตัวลงค่อนข้างแรง
ซึ่งจุดนี้ คุณทิวามองว่าคือจุดที่จำเป็นต้องนำ TFEX มาช่วยเสริมพอร์ตการลงทุน
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เราไม่มีความมั่นใจในตลาด แม้หุ้นที่เราเลือกจะแข็งแกร่งอยู่แล้ว
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เราไม่มีความมั่นใจในตลาด แม้หุ้นที่เราเลือกจะแข็งแกร่งอยู่แล้ว
โดยมีจังหวะที่จะใช้ TFEX คือ ช่วงเกิด Special Event หรือเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอน
มองไม่เห็นปลายทางว่าเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น จะไปจบลงที่ตรงไหน
แม้มั่นใจในหุ้นที่ถือ แต่ไม่มั่นใจในภาพใหญ่
มองไม่เห็นปลายทางว่าเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น จะไปจบลงที่ตรงไหน
แม้มั่นใจในหุ้นที่ถือ แต่ไม่มั่นใจในภาพใหญ่
แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ว่าอะไรคือสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
เพื่อจะได้พิจารณาและหยิบเครื่องมืออย่าง TFEX มาใช้ปกป้องพอร์ต ได้อย่างเหมาะสม
เพื่อจะได้พิจารณาและหยิบเครื่องมืออย่าง TFEX มาใช้ปกป้องพอร์ต ได้อย่างเหมาะสม
ซึ่งคุณทิวาได้แชร์ว่า ส่วนใหญ่มักจะเปิด Position เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้ครอบคลุมประมาณ 30% ของมูลค่าพอร์ต
โดยสำหรับคุณทิวาแล้ว เป็นตัวเลขที่ไม่เสี่ยงเกินไป และรองรับความผิดพลาดในการตัดสินใจได้ และมากพอที่จะทำให้ยังคงสงบนิ่ง และรักษา Mindset ทางการลงทุนต่อไปได้
ซึ่งคีย์หลักของคุณทิวาในฐานะ VI คือ ไม่ได้ใช้ TFEX เพื่อการเก็งกำไร
แต่ใช้เพื่อเสริมพอร์ตเพื่อให้ทนได้กับทุกสภาวะตลาด และรักษาเงินต้นเอาไว้ได้
แต่ใช้เพื่อเสริมพอร์ตเพื่อให้ทนได้กับทุกสภาวะตลาด และรักษาเงินต้นเอาไว้ได้
รวมถึงบางจังหวะของตลาด คุณทิวายังสามารถนำเงินที่ได้กำไรจาก TFEX
มาซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ราคาต่ำได้เพิ่มเติม เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนราคาหุ้นในพอร์ตลงได้อีก
มาซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ราคาต่ำได้เพิ่มเติม เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนราคาหุ้นในพอร์ตลงได้อีก
แล้ว TFEX จำเป็นแค่ไหน สำหรับแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ?
แนวคิดหลักที่คุณทิวาให้ไว้ คือ เมื่อเกิดวิกฤติ เป็นไปได้ยากที่พอร์ตเราจะยังอยู่สมบูรณ์ 100% แม้ว่าเราจะใช้เครื่องมืออย่าง TFEX เข้ามาช่วยป้องกันความเสี่ยงแล้วก็ตาม
แต่เราต้องมองในอีกมุมว่า หากไม่ใช้เลย
การปั้นพอร์ตกลับมาให้เท่าเดิมจะยากยิ่งกว่า
การปั้นพอร์ตกลับมาให้เท่าเดิมจะยากยิ่งกว่า
ดังนั้นการมีส่วนกำไรที่ได้จากการเปิด Position ใน TFEX มาช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพอร์ตของเรา จะทำให้พอร์ตรวมถึงตัวนักลงทุนเอง กลับเข้าสู่สภาวะปกติได้เร็วกว่านั่นเอง
นอกจากนี้ คุณทิวายังได้แชร์ถึงโมเมนต์ที่มีความรู้สึกทำให้อยากใช้ TFEX ว่า นอกจากวิกฤติใหญ่แล้ว ช่องว่างของความไม่แน่นอนในประเทศ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดตัดสินใจใช้ TFEX เช่นเดียวกัน แม้ว่าระยะเวลาในการเปิด Position นั้นอาจจะไม่นาน และอาจจะขาดทุนบ้างก็ตาม
โดยสิ่งสำคัญที่คุณทิวาต้องนำมาใช้ทุกครั้งเมื่อตัดสินใจลงทุน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรืออนุพันธ์ต่าง ๆ คือ การประเมินมูลค่าตลาด ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของ VI ที่ไม่ได้ตัดสินใจด้วยอารมณ์หรือความรู้สึก
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ นอกจากคุณทิวาจะเปิด Position ในฝั่ง Short ในสินค้า SET50 Index Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงในตลาดขาลงแล้ว
คุณทิวายังได้แชร์เทคนิคการเปิด สถานะ Long กับหุ้นรายตัว โดยใช้สินค้า Single Stock Futures ในตลาด TFEX เพื่อเข้าเก็บหุ้นที่สนใจในจังหวะที่หุ้นตัวนั้นราคาเหมาะสมแต่สภาพคล่องไม่มากพอ
คือ เลือกที่จะถือในรูปแบบของสัญญา Single Stock Futures ไว้ก่อน
แล้วค่อยทยอยเปลี่ยนเป็นตัวหุ้นในภายหลังเมื่อมีโอกาส
แล้วค่อยทยอยเปลี่ยนเป็นตัวหุ้นในภายหลังเมื่อมีโอกาส
อย่างไรก็ตาม แม้ Futures จะเป็นสินค้าที่มี Leverage
คือ ใช้เงินลงทุนน้อย แต่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่ใช้
แต่คุณทิวา ก็ไม่ได้เลือกใช้ Leverage จากสินค้านี้มากเกินไป
เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ไม่ได้เห็นแค่คนสำเร็จ แต่ยังเห็นอีกด้านคือคนที่ล้มเหลว และหมดตัวจากการใช้ Leverage มากเกินไปด้วย (Overtrade)
คือ ใช้เงินลงทุนน้อย แต่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่ใช้
แต่คุณทิวา ก็ไม่ได้เลือกใช้ Leverage จากสินค้านี้มากเกินไป
เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ไม่ได้เห็นแค่คนสำเร็จ แต่ยังเห็นอีกด้านคือคนที่ล้มเหลว และหมดตัวจากการใช้ Leverage มากเกินไปด้วย (Overtrade)
นอกจากการเทคนิคการเปิด Position ในตลาด TFEX แล้ว
คำถามต่อมาคือ ต้องถือนานเท่าไร หรือมีจุดตัดสินใจอย่างไร ถึงจะปิดสถานะ ?
คำถามต่อมาคือ ต้องถือนานเท่าไร หรือมีจุดตัดสินใจอย่างไร ถึงจะปิดสถานะ ?
สำหรับคุณทิวา การลงทุนคือการที่เราเห็นโอกาสบางอย่างที่ตลาดยังไม่เชื่อ แต่พอตลาดเชื่อแล้ว แต้มต่อที่เรามีก็จะหมดไป
และเมื่อแต้มต่อหมดไป การเคลื่อนไหวในทิศทางที่เราคิดไว้ก็อาจจะแผ่วเบา หรือหมดลงไปด้วย คุณทิวาจึงใช้สภาวะการณ์แบบนี้เป็นจุดตัดสินใจในการปิดสถานะที่ถืออยู่ ทั้งตอนที่ได้กำไร และตอนที่ขาดทุนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของคุณทิวา การประเมินความเสี่ยงหรือสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน นอกจากเรื่องแนวโน้มการเกิดวิกฤต ที่จะเป็นจุดพิจารณาในการใช้ TFEX เข้ามาช่วยป้องกันความเสี่ยงแล้ว
อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่คุณทิวาใช้พิจารณา ก็คือ อัตราดอกเบี้ย โดยหากปรับขึ้นแรง และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตลาดทุน หรือผลประกอบการของกิจการ ก็อาจนำ TFEX มาใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงได้เช่นกัน
ซึ่งคุณทิวาได้ให้นิยามสำหรับแนวทางการลงทุนของตัวเองไว้ว่าเป็น VI Gen ใหม่ที่ยังคงใช้การเลือกหุ้นที่พื้นฐานดี มูลค่าเหมาะสมในการสร้างพอร์ต แต่มีเครื่องมือเพิ่มเติมในการเพิ่มเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับพอร์ตมากยิ่งขึ้น
สุดท้าย สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ ต้องเข้าใจเมื่อเริ่มใช้ TFEX ก็คือการเข้าใจและเลือกใช้เครื่องมือได้อย่างเหมาะสมและถูกต้องจริง ๆ โดยให้ยึดถือกลยุทธ์และแผนที่วางไว้ทุก ๆ ครั้งที่ใช้
ไม่ใช่การใช้เครื่องมือ โดยขับเคลื่อนด้วยความกลัวหรือความโลภ
ซึ่งคุณทิวา เป็นอีกหนึ่งนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในการปรับตัวและประยุกต์ใช้เครื่องมือใหม่ ๆ
ไม่ใช่เพื่อสร้างกำไรให้มากขึ้น
แต่เพื่อป้องกันความเสี่ยง ทำให้ยังคงยืดหยัดอยู่ในตลาด ทนได้กับทุกสภาวะ
และรักษาเงินต้นของพอร์ตไว้ต่อไปได้..
แต่เพื่อป้องกันความเสี่ยง ทำให้ยังคงยืดหยัดอยู่ในตลาด ทนได้กับทุกสภาวะ
และรักษาเงินต้นของพอร์ตไว้ต่อไปได้..