สรุปบทเรียน ลงทุน DCA มาหลายปี แต่หมดตัวในคืนเดียว เพราะ Leverage

สรุปบทเรียน ลงทุน DCA มาหลายปี แต่หมดตัวในคืนเดียว เพราะ Leverage

สรุปบทเรียน ลงทุน DCA มาหลายปี แต่หมดตัวในคืนเดียว เพราะ Leverage
6 ปีที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์ขึ้นมาแล้วประมาณ 1,250% หรือคิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ย 54% ต่อปี
ซึ่งใครที่ลงทุนไว้ตั้งแต่ตอนนั้นที่ 100,000 บาท ปัจจุบันเงินก้อนนั้นจะกลายเป็น 1,350,000 บาท และสามารถกลายเป็นหลักสิบล้านบาท หากทยอยลงทุนตลอดทาง
รู้หรือไม่ ? มีคนหนึ่งที่ลงทุนแบบนี้อยู่จริง โดยเขาออกมาโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า ตัวเองได้หักเงินจากเงินเดือน เพื่อ DCA บิตคอยน์ทุกเดือน ตลอดระยะเวลา 6 ปี แต่สุดท้ายกลับไม่เหลือเงิน เพียงเพราะรีบร้อนอยากลงทุนในบิตคอยน์ให้มากขึ้น จึงหันมาใช้ Leverage
เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะโลกคริปโทฯ เท่านั้น ในโลกของตลาดหุ้น ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน
เรื่องราวนี้กำลังให้บทเรียนด้านการเงินการลงทุนอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
DCA คือหนึ่งในท่าการลงทุนยอดฮิต เพราะแค่ลงทุนทุกเดือน ด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม ไม่จับจังหวะตลาด
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเรียบง่ายของ DCA แบบนี้ ผลตอบแทนจึงค่อยเป็นค่อยไป ทำให้หลายคนรู้สึกว่า น่าเบื่อ
นี่เลยเป็นจุดที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่ลงทุนไปสักพัก เริ่มมองหาเส้นทางอื่นที่น่าตื่นเต้นและมีโอกาสทำกำไรมากกว่า อย่างเช่นการใช้ Leverage
อธิบายแบบง่าย ๆ เครื่องมือสำหรับ Leverage อย่าง Futures และ Options เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยเพิ่มอำนาจซื้อให้สูงขึ้น โดยไม่ต้องวางเงินเต็มจำนวนเหมือนการซื้อสินทรัพย์อ้างอิง
ตัวอย่างเช่น เรามีเงินลงทุน 100,000 บาท
ถ้าหุ้น A มีราคา 100 บาทต่อหุ้น จะซื้อได้ 1,000 หุ้น
แต่ถ้าลงทุน Futures ที่ 1 สัญญามีขนาดเท่ากับ 1,000 หุ้น และมีค่าวางหลักประกัน 10,000 บาทต่อสัญญา เราจะสามารถลงทุนใน Futures ถึง 10 สัญญา หรือมีขนาดเท่ากับ 10,000 หุ้นเลยทีเดียว ด้วยจำนวนเงินเท่าเดิมที่ 100,000 บาท
จะเห็นว่า หากคาดการณ์ตลาดได้ถูกต้อง การลงทุนใน Futures จะสามารถทำกำไรได้ถึง 10 เท่า
อย่างไรก็ตาม หากคาดการณ์ผิด จากที่จะได้กำไรแบบทวีคูณ จะกลายเป็นขาดทุนทวีคูณ 10 เท่าทันทีได้เช่นกัน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยคือ คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ตลาดช่วงแรกดูไปได้สวย แต่กลับมาร่วงหนัก หลังอยู่ดี ๆ ทรัมป์ตอบโต้ขู่ขึ้นภาษีจีน 100%
ซึ่งหากตอนนั้นใครใช้ Futures โดยคาดการณ์ว่า ตลาดขึ้น จะบาดเจ็บหนักกัน เพราะราคาสินทรัพย์ร่วงกะทันหันและรุนแรง
แต่ความน่ากลัวของ Futures ไม่ได้มีแค่นี้ อีกหนึ่งสิ่งที่น่ากลัวไม่แพ้กันคือ หากเราใช้ Futures แล้วถึงจุดที่ขาดทุนหนัก มันจะบังคับส่งคำสั่งปิดสถานะทันที และหักเงินจากในพอร์ตเพื่อจ่ายผลขาดทุน ไม่สามารถรอให้ราคาสินทรัพย์นั้นกลับตัว เหมือนที่เราซื้อคริปโทฯ หรือหุ้นนั้นโดยตรง
เช่น ถ้าราคาสินทรัพย์นั้นร่วง 5% หากเราถือสินทรัพย์โดยตรงอยู่ ก็อาจไม่จำเป็นต้องขายทันที แต่รอให้คนหายกลัวก่อนได้ เผื่อราคาอาจจะกลับไปจุดเดิม
แต่ถ้าใช้ Futures แล้วราคาร่วงถึงจุด แอปจะบังคับขายทันที แม้ว่าอีกไม่กี่นาทีต่อมาราคาจะดีดกลับมาที่เดิมแล้วก็ตาม
ซึ่ง Futures เป็นเครื่องมือทางการเงินที่นิยมในวงการคริปโทฯ ที่เราได้ยินเรื่องพอร์ตแตกหรือ Liquidate ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งนี้นี่เอง
จากเรื่องราวนี้ ทำให้แต่เดิมที่คนคนนั้นอาจขาดทุนเพียง 10%
กลับต้องประสบกับการหมดตัวทันที ในชั่วข้ามคืน
ขณะที่ฝั่งตลาดหุ้น ก็มี Options ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน จากการที่ให้ผลตอบแทนแบบทวีคูณ เมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นโดยตรง
แต่ต้องไม่ลืมว่า ถ้าถึงวันที่สัญญา Options หมดอายุ แล้วราคาใช้สิทธิไม่ถึงจุดที่ใช้แล้วมีกำไร มูลค่าของ Options ตัวนั้นก็สามารถกลายเป็น 0 ได้เช่นกัน
ดังนั้นสิ่งสำคัญในการลงทุน ไม่ใช่เพียงแค่มองด้านบวกอย่างโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเท่านั้น แต่ต้องมองด้านลบด้วยว่า หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คิด เราจะขาดทุนได้มากสุดเท่าไร และการขาดทุนนั้น จะกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเรามากแค่ไหน
เพราะหากเราไม่สามารถอยู่รอดในตลาดระยะยาวได้ สิ่งมหัศจรรย์อย่างดอกเบี้ยทบต้น ก็คงไม่ช่วยอะไรเราได้อยู่ดี..
*คำเตือน Futures เป็นตราสารที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจขาดทุนมากกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นได้ เนื่องจากผลผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในอนาคต นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจาก Leverage ที่ทำให้ขาดทุนมากกว่าเงินลงทุนตั้งต้นได้ (พอร์ตแตก) และต้องอาศัยความเข้าใจสูงในการบริหารความเสี่ยง
ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งที่รับประกันผลงานในอนาคต เงินลงทุนอาจสูญหาย และควรศึกษาความเสี่ยงก่อนลงทุน
Tag: DCA

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon