
HAMA - SUSHI ร้านซูชิจากญี่ปุ่น ที่กำลังมาเปิดในไทย เริ่มต้นจานละ 40 บาท
ถ้าพูดถึง “ซูชิ” ที่ทั้งคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ รสชาติดี และมีราคาที่เข้าถึงได้
หลายคนคงนึกถึงประเทศญี่ปุ่น แหล่งกำเนิดของศิลปะแห่งการปั้นข้าวและปลาดิบ ที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ ไปจนถึงการจัดวางอย่างประณีตบนจาน
หลายคนคงนึกถึงประเทศญี่ปุ่น แหล่งกำเนิดของศิลปะแห่งการปั้นข้าวและปลาดิบ ที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ ไปจนถึงการจัดวางอย่างประณีตบนจาน
หนึ่งในแบรนด์ที่ถ่ายทอดเสน่ห์ของซูชิญี่ปุ่นในแบบที่ทุกคนเข้าถึงได้จริง ก็คือ HAMA - SUSHI
แบรนด์ซูชิยอดนิยมที่ครองใจทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
เพราะทันทีที่ได้ลิ้มลอง หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “สุโก้ย !”
แบรนด์ซูชิยอดนิยมที่ครองใจทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
เพราะทันทีที่ได้ลิ้มลอง หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “สุโก้ย !”
ด้วยราคาที่เป็นมิตรและเมนูให้เลือกหลากหลาย
HAMA - SUSHI จึงถูกจดจำในฐานะ “ซูชิคุณภาพดี ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้จริง”
HAMA - SUSHI จึงถูกจดจำในฐานะ “ซูชิคุณภาพดี ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้จริง”
แต่รู้หรือไม่ว่า ? HAMA - SUSHI คือหนึ่งในแบรนด์ภายใต้เครือ ZENSHO HOLDINGS
กลุ่มธุรกิจอาหารรายใหญ่ของญี่ปุ่น เจ้าของแบรนด์ชื่อดังอย่าง SUKIYA
กลุ่มธุรกิจอาหารรายใหญ่ของญี่ปุ่น เจ้าของแบรนด์ชื่อดังอย่าง SUKIYA
และเร็ว ๆ นี้ HAMA - SUSHI เตรียมเปิดสาขาแรกในประเทศไทย ที่ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ซูชิคุณภาพจากญี่ปุ่นโดยตรง
แล้วอาณาจักร ZENSHO HOLDINGS ใหญ่แค่ไหน ?
และแนวคิดแบบไหนที่ทำให้ HAMA - SUSHI ครองใจคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
และแนวคิดแบบไหนที่ทำให้ HAMA - SUSHI ครองใจคนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ZENSHO HOLDINGS ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 โดย คุณเคนทาโร โอกาวะ
ชายผู้เชื่อว่าธุรกิจอาหารไม่ควรมีไว้เพื่อสร้างกำไรเท่านั้น แต่ควรเป็น “พลังในการสร้างความมั่นคงให้กับสังคมมนุษย์อย่างยั่งยืน”
ด้วยพันธกิจที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังคือ “ขจัดความหิวโหยและความยากจนออกจากโลกใบนี้”
ชายผู้เชื่อว่าธุรกิจอาหารไม่ควรมีไว้เพื่อสร้างกำไรเท่านั้น แต่ควรเป็น “พลังในการสร้างความมั่นคงให้กับสังคมมนุษย์อย่างยั่งยืน”
ด้วยพันธกิจที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังคือ “ขจัดความหิวโหยและความยากจนออกจากโลกใบนี้”
ด้วยแนวคิดนี้ เขาจึงวางรากฐานของบริษัทภายใต้แนวคิด Food Infrastructure หรือ “โครงสร้างพื้นฐานด้านอาหาร” ที่มองธุรกิจในภาพรวมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงหน้าร้าน เพื่อให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้อาหารดี ๆ เข้าถึงผู้คนได้มากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงหน้าร้าน เพื่อให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้อาหารดี ๆ เข้าถึงผู้คนได้มากที่สุด
ในปีเดียวกันนั้น แบรนด์ร้านอาหารแรกของบริษัทก็ถือกำเนิดขึ้น นั่นคือ SUKIYA
ร้านข้าวหน้าเนื้อที่ถ่ายทอดแนวคิดของ ZENSHO ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ร้านข้าวหน้าเนื้อที่ถ่ายทอดแนวคิดของ ZENSHO ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โดยเมนูซิกเนเจอร์ของ SUKIYA คือ ข้าวหน้าเนื้อ (Gyudon)
เนื้อวัวสไลซ์บางนุ่ม เคี่ยวกับซอส
หอมหวานกลมกล่อม เสิร์ฟบนข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ ที่เรียงเม็ดอย่างพิถีพิถัน
พร้อมเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งแกงกะหรี่และข้าวหน้าต่าง ๆ หรือที่เรียกรวมกันว่า “ดงบุริ”
เนื้อวัวสไลซ์บางนุ่ม เคี่ยวกับซอส
หอมหวานกลมกล่อม เสิร์ฟบนข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ ที่เรียงเม็ดอย่างพิถีพิถัน
พร้อมเมนูอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งแกงกะหรี่และข้าวหน้าต่าง ๆ หรือที่เรียกรวมกันว่า “ดงบุริ”
จุดเด่นของ SUKIYA คือ “ความใส่ใจในรายละเอียดแบบญี่ปุ่นแท้”
ตั้งแต่การต้อนรับลูกค้าด้วยความอบอุ่น ไปจนถึงความรวดเร็วในการเสิร์ฟ ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากสั่งอาหาร
ตั้งแต่การต้อนรับลูกค้าด้วยความอบอุ่น ไปจนถึงความรวดเร็วในการเสิร์ฟ ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากสั่งอาหาร
และด้วยองค์ประกอบเล็ก ๆ เหล่านี้ ทั้งความอร่อย ราคาย่อมเยา ความรวดเร็ว และความเข้าถึงง่าย
ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน คนทำงาน หรือครอบครัว
ทั้งหมดนี้เอง ทำให้ SUKIYA เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้มีสาขาทั่วโลกกว่า 2,600 แห่ง แบ่งเป็นในญี่ปุ่นกว่า 1,965 แห่ง และต่างประเทศอีกกว่า 650 แห่ง
ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน คนทำงาน หรือครอบครัว
ทั้งหมดนี้เอง ทำให้ SUKIYA เติบโตอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้มีสาขาทั่วโลกกว่า 2,600 แห่ง แบ่งเป็นในญี่ปุ่นกว่า 1,965 แห่ง และต่างประเทศอีกกว่า 650 แห่ง
และเมื่อ SUKIYA ประสบความสำเร็จ แนวทางเดียวกันนี้ก็ถูกต่อยอดสู่แบรนด์อื่น ๆ
จนทำให้ ZENSHO HOLDINGS กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจอาหารที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
จนทำให้ ZENSHO HOLDINGS กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจอาหารที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
ปัจจุบัน ZENSHO HOLDINGS มีมูลค่าบริษัทราว ๆ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริหารแบรนด์ในเครือมากกว่า 20 แบรนด์ และมีร้านอาหารทั่วโลกกว่า 15,000 สาขา
บริหารแบรนด์ในเครือมากกว่า 20 แบรนด์ และมีร้านอาหารทั่วโลกกว่า 15,000 สาขา
ที่น่าสนใจคือ ในปี 2024 บริษัทมียอดขายรวมกว่า 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และยังเป็นบริษัทญี่ปุ่นเพียงรายเดียวที่ติด ท็อป 10 บริษัทร้านอาหารที่มียอดขายสูงสุดของโลก อยู่ในอันดับที่ 7 รองจาก Starbucks, McDonald’s และ Yum! Brands อีกด้วย
และยังเป็นบริษัทญี่ปุ่นเพียงรายเดียวที่ติด ท็อป 10 บริษัทร้านอาหารที่มียอดขายสูงสุดของโลก อยู่ในอันดับที่ 7 รองจาก Starbucks, McDonald’s และ Yum! Brands อีกด้วย
แล้วคอนเซปต์เบื้องหลังของ HAMA - SUSHI แตกต่างจากร้านซูชิอื่น ๆ อย่างไร ?
ปัจจุบัน HAMA - SUSHI มีสาขาทั่วโลกกว่า 750
สาขา
แบ่งเป็นในญี่ปุ่น 650
สาขา และต่างประเทศ 100
สาขา
สาขา
แบ่งเป็นในญี่ปุ่น 650
สาขา และต่างประเทศ 100
สาขา
จุดเด่นของร้านคือการผสมผสาน “ความเป็นญี่ปุ่นแท้” เข้ากับ “บรรยากาศที่เป็นกันเองและเข้าถึงง่าย”
ตั้งแต่บริเวณด้านหน้า ที่ออกแบบเป็น สวนเซนสไตล์ญี่ปุ่น สื่อถึงความเรียบง่ายและความสงบ
ไปจนถึงภายในร้านที่ตกแต่งให้รู้สึกอบอุ่น เหมาะกับลูกค้าทุกเพศทุกวัย
ตั้งแต่บริเวณด้านหน้า ที่ออกแบบเป็น สวนเซนสไตล์ญี่ปุ่น สื่อถึงความเรียบง่ายและความสงบ
ไปจนถึงภายในร้านที่ตกแต่งให้รู้สึกอบอุ่น เหมาะกับลูกค้าทุกเพศทุกวัย
และเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติซูชิในแบบต้นตำรับแท้จริง
คอนเซปต์ของ HAMA - SUSHI จึงถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น
คอนเซปต์ของ HAMA - SUSHI จึงถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น
1. ข้าว
ที่ HAMA - SUSHI จะหุงสดใหม่ในร้านทุกวัน โดยใส่สาหร่ายคอมบุลงไประหว่างการหุง เพื่อเพิ่มความหอมและรสกลมกล่อมในแบบญี่ปุ่นแท้
จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูสูตรเฉพาะของร้าน จนได้เมล็ดข้าวที่เงางาม เรียงตัวสวย คงรูป และมีรสเปรี้ยวละมุน เข้ากันได้อย่างลงตัวกับหน้าซูชิทุกคำ
ที่ HAMA - SUSHI จะหุงสดใหม่ในร้านทุกวัน โดยใส่สาหร่ายคอมบุลงไประหว่างการหุง เพื่อเพิ่มความหอมและรสกลมกล่อมในแบบญี่ปุ่นแท้
จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูสูตรเฉพาะของร้าน จนได้เมล็ดข้าวที่เงางาม เรียงตัวสวย คงรูป และมีรสเปรี้ยวละมุน เข้ากันได้อย่างลงตัวกับหน้าซูชิทุกคำ
2. วัตถุดิบ
ปลาสำหรับทำซูชิถูกคัดสรรมาจากแหล่งคุณภาพทั่วโลก ผ่านกระบวนการแช่แข็งและละลายน้ำแข็งที่เหมาะสมกับแต่ละชนิดของปลา เพื่อคงความสดและรสชาติที่ดีที่สุด
วัตถุดิบจะถูกแล่สดใหม่ในร้านทุกวัน ให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติสดใหม่ ราวกับกำลังนั่งอยู่ในร้านซูชิที่ญี่ปุ่น
ปลาสำหรับทำซูชิถูกคัดสรรมาจากแหล่งคุณภาพทั่วโลก ผ่านกระบวนการแช่แข็งและละลายน้ำแข็งที่เหมาะสมกับแต่ละชนิดของปลา เพื่อคงความสดและรสชาติที่ดีที่สุด
วัตถุดิบจะถูกแล่สดใหม่ในร้านทุกวัน ให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติสดใหม่ ราวกับกำลังนั่งอยู่ในร้านซูชิที่ญี่ปุ่น
3. โชยุ
เพื่อให้รสชาติของซูชิแต่ละคำกลมกล่อมอย่างสมบูรณ์แบบ HAMA - SUSHI มีโชยุสูตรเฉพาะให้เลือกหลายแบบ ถ่ายทอดรสชาติแห่งความเป็นญี่ปุ่นแท้ในทุกหยดที่เสิร์ฟบนโต๊ะ
เพื่อให้รสชาติของซูชิแต่ละคำกลมกล่อมอย่างสมบูรณ์แบบ HAMA - SUSHI มีโชยุสูตรเฉพาะให้เลือกหลายแบบ ถ่ายทอดรสชาติแห่งความเป็นญี่ปุ่นแท้ในทุกหยดที่เสิร์ฟบนโต๊ะ
และอีกหนึ่งไฮไลต์ของร้านคือ ระบบสั่งอาหารอัตโนมัติผ่านหน้าจอสัมผัส (Lane Order) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัส ประสบการณ์ซูชิที่ทั้งสะดวก รวดเร็ว และสนุก
เมนูที่เลือกจะถูกจัดเตรียมสดใหม่จานต่อจาน และส่งตรงถึงโต๊ะผ่านระบบ (Straight Lane) ซึ่งเป็นดิไซน์เฉพาะของร้าน
เมนูที่เลือกจะถูกจัดเตรียมสดใหม่จานต่อจาน และส่งตรงถึงโต๊ะผ่านระบบ (Straight Lane) ซึ่งเป็นดิไซน์เฉพาะของร้าน
ระบบนี้เป็นแบบ Made-to-Order ทุกคำ หมายความว่าซูชิจะถูกทำขึ้นสดใหม่หลังจากลูกค้ากดสั่งเท่านั้น
ไม่ต้องหมุนอยู่บนสายพานเหมือนเดิม จึงมั่นใจได้ในความสดใหม่ของทุกคำ และยังช่วยลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ไม่ต้องหมุนอยู่บนสายพานเหมือนเดิม จึงมั่นใจได้ในความสดใหม่ของทุกคำ และยังช่วยลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
สำหรับ HAMA - SUSHI ประเทศไทย ราคาเริ่มต้นเพียงจานละ 40 บาท
พร้อมเมนูซูชิมากกว่า 80 ชนิด และอาหารญี่ปุ่นอีกหลากหลาย ทั้งราเมน ซุป ของทานเล่น ของหวาน และเครื่องดื่มครบครัน
ไม่ว่าจะมากับครอบครัว เพื่อน หรือคนพิเศษ ทุกคนจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศอบอุ่น และสัมผัสเสน่ห์ของอาหารญี่ปุ่นแท้ได้อย่างง่ายดาย
พร้อมเมนูซูชิมากกว่า 80 ชนิด และอาหารญี่ปุ่นอีกหลากหลาย ทั้งราเมน ซุป ของทานเล่น ของหวาน และเครื่องดื่มครบครัน
ไม่ว่าจะมากับครอบครัว เพื่อน หรือคนพิเศษ ทุกคนจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศอบอุ่น และสัมผัสเสน่ห์ของอาหารญี่ปุ่นแท้ได้อย่างง่ายดาย
อีกหนึ่งความพิเศษคือ ทางร้านมีโชยุคัดพิเศษให้เลือกถึง 4 ชนิด
ตั้งแต่โชยุดาชิสูตรพิเศษ, โชยุยูซุพอนสึ (สไตล์ชิโกกุ), โชยุสาหร่ายคอมบุจากฮอกไกโด
ไปจนถึงโชยุรสเข้มข้น (สไตล์คันโต)
ลูกค้าสามารถเลือกให้เข้ากับซูชิแต่ละคำตามรสนิยมของตัวเองได้อย่างอิสระ
ตั้งแต่โชยุดาชิสูตรพิเศษ, โชยุยูซุพอนสึ (สไตล์ชิโกกุ), โชยุสาหร่ายคอมบุจากฮอกไกโด
ไปจนถึงโชยุรสเข้มข้น (สไตล์คันโต)
ลูกค้าสามารถเลือกให้เข้ากับซูชิแต่ละคำตามรสนิยมของตัวเองได้อย่างอิสระ
ทั้งหมดนี้คือ รายละเอียดเล็ก ๆ ที่สะท้อนถึง “ความใส่ใจในทุกขั้นตอน” ของ HAMA - SUSHI ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ ไปจนถึงการออกแบบประสบการณ์ในร้านให้สมบูรณ์แบบในฉบับญี่ปุ่นแท้
และนี่เองคือเหตุผลที่ HAMA - SUSHI ครองใจคนญี่ปุ่นมายาวนาน
ก่อนจะขยายความอร่อยจากญี่ปุ่นสู่ประเทศไทย ให้คนไทยได้สัมผัสซูชิคุณภาพ ในบรรยากาศและมาตรฐานเดียวกับที่ญี่ปุ่นอย่างแท้จริงนั่นเอง...
ก่อนจะขยายความอร่อยจากญี่ปุ่นสู่ประเทศไทย ให้คนไทยได้สัมผัสซูชิคุณภาพ ในบรรยากาศและมาตรฐานเดียวกับที่ญี่ปุ่นอย่างแท้จริงนั่นเอง...
หมายเหตุ : มูลค่าบริษัท ZENSHO HOLDINGS ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2025